รู้ทันจิตหลงแล้วรู้จะได้ปัญญา
…………………..
“เราต้องฝึก
อาศัยสติรู้ทันจิตที่มีนิวรณ์
โดยเฉพาะมีความฟุ้งซ่าน
ถ้าจิตมันฟุ้งซ่าน มันจะไหลไป
ไหลไปดู ไหลไปฟัง ไหลไปคิด
นี่เป็นทางหลัก ๆ ที่จิตจะไหลไป
ไหลไปดมกลิ่น ไหลไปลิ้มรส
ไหลไปรู้สัมผัสทางกายนี่จะลดลงมา
ส่วนใหญ่ก็จะไหลไปคิดเป็นอันดับหนึ่ง
แล้วถ้าตาไม่บอด ก็จะไหลไปดูเป็นอันดับสอง
ถ้าหูไม่หนวก ก็ไหลไปฟังเสียงเป็นอันดับสาม
สามช่องนี้เป็นช่องหลัก
ที่เราใช้ในชีวิตจริง ๆ (ของ)เรา
อย่างเวลาเราดูทีวีนี่
บางครั้งตาเราก็ดู เราเห็นรูปชัด
แต่ขณะที่เห็นรูปชัดนี่ (ฟัง)ไม่รู้เรื่อง
เสร็จแล้วเราก็ฟังเสียง
ขณะที่ฟังเสียง รูปจะเบลอไปแล้ว
รูปไม่ชัดเพราะจิตไม่ได้จับรูป
อาศัยสัญญาความจำเก่า ๆ
ทำให้ยังเห็นรูปนั้นอยู่
ซึ่งเป็นแค่สัญญา ไม่ใช่ของจริงแล้ว
พอฟังนิดนึงก็ไปคิด
สังเกตไหม? กระทั่งฟังหลวงพ่อนี่นะ
เดี๋ยวก็มองหน้าหลวงพ่อ
เดี๋ยวก็ฟัง แล้วก็สลับไปคิด
เราสามารถฟังได้ทุกประโยคไหม?
ไม่ได้นะ ไม่มีใครฟังได้ทุกประโยคเลย
ฟังแล้วก็ต้องสลับไปคิด
ฟังแล้วก็สลับไปคิดตลอดเวลา
รู้ทันมันไปนะ
จิตมันวิ่งไปทางใจ หลงไปคิด
จิตมันวิ่งไปทางตา หลงไปดู
จิตมันวิ่งไปทางหู หลงไปฟัง
จิตไหลไป จิตหลงไป … รู้บ่อยๆ
พอเราหัดรู้สภาวะบ่อย ๆ จิตไหลแล้วรู้ ๆ
ต่อไปพอจิตไหลปั๊บ รู้ปั๊บเลย
ไหลปุ๊บ รู้ปั๊บเลย มันจะเร็วขึ้น ๆ
จนกลายเป็นว่า หลง-รู้ หลง-รู้ นะ
สลับกันไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่หลง (หลวงพ่อทำเสียงลากยาว)
รู้ (หลวงพ่อทำเสียงสั้น ๆ)
หลง (หลวงพ่อทำเสียงลากยาว)
รู้ (หลวงพ่อทำเสียงสั้น ๆ)
อย่างนั้น น่าเกลียด
มันจะเป็นหลง-รู้ ๆ ไปเรื่อย ๆ
เห็นหลง-รู้ หลง-รู้ นี่แหละ
เจริญปัญญาได้ ถ้าเจริญปัญญาเป็น
ถ้าเจริญปัญญาไม่เป็นนะ
เห็นจิตหลง จิตรู้ จิตหลง จิตรู้
แล้วจะหงุดหงิด
ฟุ้งซ่านแล้วต้องรำคาญใจ ใช่ไหม?
อุทธัจจะแล้วต้องต่อด้วยกุกกุจจะ
คือฟุ้งแล้วรำคาญ
ถ้าถามว่าใครรู้ว่าฟุ้ง?
จิตรู้ว่าฟุ้ง ขณะที่รู้ว่าฟุ้ง ไม่ฟุ้งนะ
ขณะนั้นเป็นจิตรู้ ไม่ใช่จิตฟุ้ง
ฉะนั้นจิตฟุ้งซ่านกับจิตรู้นี่ สลับกันตลอดเวลา
ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ว่า จิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ
เรามาดูจริงหรือไม่จริง?
จิตฟุ้งซ่าน อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับ
จิตรู้สึกตัว อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับ
หัดดูของจริงลงไปตรงนี้เลย
เราจะได้ปัญญา
เราจะรู้ความจริงว่าจิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ
เพราะฉะนั้น หัดรู้ทัน
จิตรู้ จิตหลง จิตรู้ จิตหลง นี่หัดรู้ไป
นอกจากได้สติ ได้สมาธิแล้ว
จะได้ปัญญาด้วย ถ้าดูเป็น
ถ้าดูไม่เป็น จะหงุดหงิดว่าทำไม
เมื่อไหร่จะหายหลง”
…………………..
พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
ถอดคำ : พีเค
เรียบเรียง : สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
https://www.facebook.com/1317977204900901/photos/a.1412754818756472.1073741828.1317977204900901/1670350409663577/?type=3&theater
รู้ทันจิตหลงแล้วรู้จะได้ปัญญา
…………………..
“เราต้องฝึก
อาศัยสติรู้ทันจิตที่มีนิวรณ์
โดยเฉพาะมีความฟุ้งซ่าน
ถ้าจิตมันฟุ้งซ่าน มันจะไหลไป
ไหลไปดู ไหลไปฟัง ไหลไปคิด
นี่เป็นทางหลัก ๆ ที่จิตจะไหลไป
ไหลไปดมกลิ่น ไหลไปลิ้มรส
ไหลไปรู้สัมผัสทางกายนี่จะลดลงมา
ส่วนใหญ่ก็จะไหลไปคิดเป็นอันดับหนึ่ง
แล้วถ้าตาไม่บอด ก็จะไหลไปดูเป็นอันดับสอง
ถ้าหูไม่หนวก ก็ไหลไปฟังเสียงเป็นอันดับสาม
สามช่องนี้เป็นช่องหลัก
ที่เราใช้ในชีวิตจริง ๆ (ของ)เรา
อย่างเวลาเราดูทีวีนี่
บางครั้งตาเราก็ดู เราเห็นรูปชัด
แต่ขณะที่เห็นรูปชัดนี่ (ฟัง)ไม่รู้เรื่อง
เสร็จแล้วเราก็ฟังเสียง
ขณะที่ฟังเสียง รูปจะเบลอไปแล้ว
รูปไม่ชัดเพราะจิตไม่ได้จับรูป
อาศัยสัญญาความจำเก่า ๆ
ทำให้ยังเห็นรูปนั้นอยู่
ซึ่งเป็นแค่สัญญา ไม่ใช่ของจริงแล้ว
พอฟังนิดนึงก็ไปคิด
สังเกตไหม? กระทั่งฟังหลวงพ่อนี่นะ
เดี๋ยวก็มองหน้าหลวงพ่อ
เดี๋ยวก็ฟัง แล้วก็สลับไปคิด
เราสามารถฟังได้ทุกประโยคไหม?
ไม่ได้นะ ไม่มีใครฟังได้ทุกประโยคเลย
ฟังแล้วก็ต้องสลับไปคิด
ฟังแล้วก็สลับไปคิดตลอดเวลา
รู้ทันมันไปนะ
จิตมันวิ่งไปทางใจ หลงไปคิด
จิตมันวิ่งไปทางตา หลงไปดู
จิตมันวิ่งไปทางหู หลงไปฟัง
จิตไหลไป จิตหลงไป … รู้บ่อยๆ
พอเราหัดรู้สภาวะบ่อย ๆ จิตไหลแล้วรู้ ๆ
ต่อไปพอจิตไหลปั๊บ รู้ปั๊บเลย
ไหลปุ๊บ รู้ปั๊บเลย มันจะเร็วขึ้น ๆ
จนกลายเป็นว่า หลง-รู้ หลง-รู้ นะ
สลับกันไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่หลง (หลวงพ่อทำเสียงลากยาว)
รู้ (หลวงพ่อทำเสียงสั้น ๆ)
หลง (หลวงพ่อทำเสียงลากยาว)
รู้ (หลวงพ่อทำเสียงสั้น ๆ)
อย่างนั้น น่าเกลียด
มันจะเป็นหลง-รู้ ๆ ไปเรื่อย ๆ
เห็นหลง-รู้ หลง-รู้ นี่แหละ
เจริญปัญญาได้ ถ้าเจริญปัญญาเป็น
ถ้าเจริญปัญญาไม่เป็นนะ
เห็นจิตหลง จิตรู้ จิตหลง จิตรู้
แล้วจะหงุดหงิด
ฟุ้งซ่านแล้วต้องรำคาญใจ ใช่ไหม?
อุทธัจจะแล้วต้องต่อด้วยกุกกุจจะ
คือฟุ้งแล้วรำคาญ
ถ้าถามว่าใครรู้ว่าฟุ้ง?
จิตรู้ว่าฟุ้ง ขณะที่รู้ว่าฟุ้ง ไม่ฟุ้งนะ
ขณะนั้นเป็นจิตรู้ ไม่ใช่จิตฟุ้ง
ฉะนั้นจิตฟุ้งซ่านกับจิตรู้นี่ สลับกันตลอดเวลา
ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ว่า จิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ
เรามาดูจริงหรือไม่จริง?
จิตฟุ้งซ่าน อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับ
จิตรู้สึกตัว อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับ
หัดดูของจริงลงไปตรงนี้เลย
เราจะได้ปัญญา
เราจะรู้ความจริงว่าจิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ
เพราะฉะนั้น หัดรู้ทัน
จิตรู้ จิตหลง จิตรู้ จิตหลง นี่หัดรู้ไป
นอกจากได้สติ ได้สมาธิแล้ว
จะได้ปัญญาด้วย ถ้าดูเป็น
ถ้าดูไม่เป็น จะหงุดหงิดว่าทำไม
เมื่อไหร่จะหายหลง”
…………………..
พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
ถอดคำ : พีเค
เรียบเรียง : สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
https://www.facebook.com/1317977204900901/photos/a.1412754818756472.1073741828.1317977204900901/1670350409663577/?type=3&theater