[ไซไฟ-แฟนตาซี] Vinity: แผนลับล้างพันธุ์มนุษย์ EP.5

Vinity: แผนลับล้างพันธุ์มนุษย์
ผู้แต่ง: Pakkie Davie


คำโปรย:
        ท่ามกลางภัยเงียบที่กำลังคืบคลาน ไฟสงครามที่กำลังก่อตัว
        องค์กรลึกลับในสหรัฐอเมริกาและพวกไร้ถิ่นเริ่มออกค้นหาสิ่งที่เรียกว่า

        In-D (อินดี้)
        ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่บรรจุแผนการทำลายล้างมนุษยชาติเอาไว้อย่างเสร็จสรรพ

        ในขณะเดียวกัน รีลอยด์ ไอเลนเบิร์ก เด็กหนุ่มผู้ครอบครอง In-D โดยชอบธรรม
        ก็เริ่มตระหนักได้ว่า ภัยร้ายกำลังมาเยือน
        เขาจึงต้องหาทางหยุดยั้งศัตรูจากการคุกคามนั้น

        ติดตามการผจญภัยของรีลอยด์ได้ที่นี่

##################

ลิงค์ตอนก่อน
ตอนที่ 0 - Blue Whale
https://ppantip.com/topic/36571053
ตอนที่ 1 - Bully
https://ppantip.com/topic/36594368
ตอนที่ 2 - Revenge
https://ppantip.com/topic/36634732
ตอนที่ 3 - Traces
https://ppantip.com/topic/36672185
ตอนที่ 4 - Hideout
https://ppantip.com/topic/36769611

##################

ตอนที่ 5
In-D

     (ห้องแล็บชั้นใต้ดินชั้นแรก ภาพใกล้เคียงที่คิดก็ประมาณนี้ฮะX)
ลิงค์ภาพที่มา https://us.v-cdn.net/5021068/uploads/editor/x2/21m2zexx8do2.jpg


(ทางเดินระหว่างแล็บในชั้นใต้ดินชั้นที่สอง มีลักษณะเป็นท่อหรืออุโมงค์ทอดยาวไปยังห้องทดลองลับที่เก็บอินดี้เอาไว้)
ลิงค์ภาพที่มา: https://us.v-cdn.net/5021068/uploads/editor/mj/9n89w2awueal.jpg)


(ภาพห้องทดลองที่ซ่อนอินดี้เอาไว้ในห้องใต้ดินชั้นที่สอง ที่คิดก็ภาพนี้ใกล้เคียงสุดล่ะฮะ)
ลิงค์ภาพที่มา: http://img11.deviantart.net/4540/i/2014/005/9/2/bio_lab_by_cementiet-d70zk5t.jpg


     “ไม่มีใครสัมผัสอินดี้ได้เลย ไม่เคยมีมานานแล้ว และตอนนี้... มันอยู่ในมือของเธอ”

     คำตอบของลุงยิ่งทำให้ผมเกิดความสงสัย... เป็นไปได้อย่างไร ทำไมไม่มีใครสัมผัสอินดี้ได้นอกจากผม ฟังดูไม่ค่อยเข้าท่าเลยสักนิด คิดพลางก้มมองเยื่อบางๆส่องแสงสว่างบนฝ่ามือ

     “พวกคุณโจนส์และแมดไซมองหาสิ่งนี้อยู่ใช่ไหม”

     “ใช่”เจโรมกล่าว

     นี่น่ะเหรอ... สิ่งที่ทำให้มาร์แชลถูกตามล่า และผมเองก็ตกกระไดพลอยโจนโดนสะกดรอยไปด้วย

     มันเป็นไปได้อย่างไรกันนะ “อินดี้คืออะไรกันแน่”

     “อินฟินิต ไดเมนชั่น”เจโรมกล่าว “หรือเรียกอีกอย่างว่าอินดี้... มันเกิดจากมิติขนาดเล็กจำนวนมากซึ่งถูกบีบอัดจนกลายสภาพเป็นมิติอนันต์... อินดี้ถูกออกแบบให้บรรจุไว้ในคอนแทคเลนส์ชิ้นนี้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน มาร์แชลและนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งคิดค้นมันขึ้นมา พวกเขาดัดแปลงทดลองอินดี้เพื่อข้ามขีดจำกัดทางวงการวิทยาศาสตร์”

     “มิติอย่างนั้นเหรอ”ผมพึมพำเสียงแผ่ว

     เจโรมพยักหน้า “ครั้งหนึ่งมิติอนันต์เคยอยู่ภายใต้การควบคุมในห้องแล็บ แต่ทว่าทุกวันนี้มันเรียนรู้วิธีสร้างระบบกระบวนการคิดของตนเองขึ้นมาได้สำเร็จ อินดี้จึงกลายเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมใดๆ”

     “อินดี้บรรจุข้อมูลลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้ และทุกคนต้องการมัน”ไอน์สไตน์เสริม

     ความลับประเภทไหนกันนะที่ทำให้ทุกๆคนสนใจอินดี้ถึงเพียงนี้ “ข้อมูลลับอะไร”

     อีกฝ่ายส่งเสียงในลำคอผ่านโฮโลแกรม คราวนี้ลุงแกปิดปากเงียบไม่ยอมตอบ “ถ้าหากฉันบอกเธอ มันจะเป็นข้อมูลลับเหรอ”

     “โอเค เข้าใจแล้วล่ะ”ผมพึมพำแผ่วๆนึกครุ่น“สาเหตุที่คุณโจนส์ตามหาผมเป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการข้อมูลภายในอินดี้ และผมเป็นคนเดียวที่ใช้มันได้ใช่ไหม”

     “ใช่แล้ว”

     ได้ยินแบบนั้นแล้วก็อยากจะถอนหายใจยาวๆ ผมหันมาจดจ้องมองเจโรมใช้คีมคีบอินดี้ออกไปจากฝ่ามือ แสงสว่างหายไปในพริบตานั้น “ไม่มีใครสัมผัสอินดี้ได้จริงเหรอ”

     “ไม่มีหรอก เพราะมันถูกออกแบบเอาไว้แบบนั้น”คุณลุงตอบ

     “ออกแบบเหรอ”ยิ่งฟังยิ่งงง ผมไม่แน่ใจว่าอินดี้ที่พวกเขาสรรค์สร้างขึ้นมามีความสามารถเช่นไรกันแน่ “ออกแบบให้ไม่มีใครใช้งานได้เนี่ยนะ”

     “ออกแบบให้ใช้งานได้เฉพาะคนที่อินดี้เลือกต่างหาก”

     เลือก... เลือกผม... “ทำไมจึงเลือกผม”

     “รหัสดีเอ็นเอของเธอตรงกับรหัสผ่านของอินดี้ เธอจึงเป็นคนเดียวที่สามารถสัมผัสมันได้ และแน่นอนว่าเธอก็ใช้งานมันได้ด้วย”

     นี่มันความบังเอิญชัดๆ

     “นับตั้งแต่วันที่อินดี้กลายเป็นสิ่งที่ตกอยู่ภายใต้ความสนใจของทุกคน กลุ่มแมดไซก็เริ่มออกตามหาผู้ที่สามารถใช้อินดี้ได้ มีการตรวจสอบรหัสดีเอ็นเอและจารกรรมข้อมูลเด็กทารกจากโรงพยาบาลทั่วสหรัฐ มีการตั้งข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจซึ่งนำไปสู่คำตอบที่ว่าเธอคือคนที่อินดี้เลือก”

     “มีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง”

     “ทุกกลุ่มที่รู้เรื่องอินดี้”

     “ใครบ้างล่ะ”น้ำเสียงของผมแข็งกระด้าง ย่นคิ้วจนแทบจะติดกัน

     “ทุกกลุ่มที่ตามล่าฉันอยู่ไง”

     เฮ้อ... ผมเลื่อนมือแปะหน้าผาก

     “ในบรรดาผู้ที่รู้ความลับเรื่องอินดี้ ฉันเป็นคนแรกที่ค้นหาเธอจนเจอ เพราะเหตุนั้นฉันจึงส่งเจโรมไปที่โรงเรียนเพื่อเฝ้าระวัง จนกระทั่งองค์กรลับส่งโจนส์ออกมาตามหาเธอในออแลนโด้ อีกทั้งกลุ่มแมดไซก็ตามล่าฉันในฟลอริด้า ทำให้รัฐบาลเงาเริ่มเคลื่อนไหวด้วย ถึงตอนนี้แล้วฉันคงอยู่เฉยไม่ได้”

     “แล้วผมต้องทำอย่างไร”

     “อยู่ให้ห่างจากสายตาของทุกคนที่คอยตามหาอินดี้”

     “ผมจะอยู่ห่างจากพวกเขาได้ยังไงในเมื่อ...”

     ตึง

     หวอ หวอ หวอ

     จู่ๆ เสียงเตือนก็ดังขึ้น ห้องทั้งห้องเปลี่ยนเป็นสีแดง

     “ระวัง มีผู้บุกรุก ระวัง มีผู้บุกรุก”

     ใจผมแทบหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มในตอนนั้น เจโรมหันมองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารีบเดินไปอีกฟากหนึ่งของห้อง พิมพ์บางอย่างบนแป้น ครั้นแล้วหน้าจอโฮโลแกรมก็โผล่ออกมา ปรากฏเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในตำแหน่งต่างๆภายในวิทยาลัย

     “เกิดอะไรขึ้น”ไอน์สไตน์ขมวดคิ้ว หนวดกระตุกเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม

     “มีผู้บุกรุกครับ”เจโรมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะกวาดตามองหน้าต่างโฮโลแกรม เขาลากนิ้วไปกลางอากาศแล้วหน้าต่างแต่ละบานก็เลื่อนเป็นวงล้อ เราสองคนแทบจะอุทานพร้อมกันเมื่อพบเห็นการเคลื่อนไหวของคนปริศนาหน้าประตูทางเข้าวิทยาลัย

     “นั่นไง”

     “มาร์แชลเราเจอปัญหาใหญ่แล้ว” เจโรมเบิกตาโพลง จดจ้องมองชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่งภายใต้เสื้อโค้ทสีดำประดับขนมิ้ง พวกเขาสวมฮูทและแว่นตาสีดำปกคลุมใบหน้า “มาร์แชล คุณอยู่ที่ไหน” คราวนี้ภาพโฮโลแกรมของผู้บุกรุกทั้งสองขยายใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัดว่ากำลังเดินผ่านลานน้ำพุตรงมายังประตูด้านหน้า เด็กหนุ่มแปลกหน้าเหลือบตาผ่านแว่นกันแดดมองกล้องวงจรปิดราวกับรู้ว่าถูกผมจดจ้องอยู่

     ไอน์สไตน์ย่นคิ้วส่งเสียงพึมพำตอบ “ฉันออกมาจากเซ็นต์ ออกัสตินแล้ว พวกแมดไซเลิกตามล่าฉันแล้ว”

     “โอเค”เจโรมว่าพลางเลื่อนมือป้องใบหู “ฟังให้ดีนะครับ พวกเขาเจอพวกเราแล้ว”

     “ใคร”ผมถาม

     “พวกไหน”

     นั่นไม่ใช่คุณโจนส์แน่ๆ

     “ฟรีดอมเมอร์จากองค์กรวินิตี้”

     เมื่อไอน์สไตน์ได้ยินเช่นนั้น หน้าของเขาก็ซีดเป็นไก่ต้ม

     “พระเจ้า”คุณลุงถอนหายใจ น้ำเสียงเหมือนคนที่ใกล้จะเป็นลม “ออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด”

     “แต่ว่า”

     “พวกเธอสู้พวกเขาไม่ได้ ออกมาจากที่นั่นซะ”

     “สู้เหรอ เดี๋ยวก่อน”ผมรีบขัดจังหวะ “พวกเราจะไม่สู้กับศัตรูของคุณนะไอน์สไตน์ พวกเขาเป็นใคร”

     “ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาอธิบาย รีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ล็อคประตูทุกชั้นทุกบาน ทันทีที่รอดปลอดภัย ติดต่อฉันอีกครั้ง”

     ทันทีที่รอดปลอดภัย... มันหมายความว่าอะไรกัน!

     “ครับ” เจโรมขานรับ แล้วภาพโฮโลแกรมยักษ์ของคุณลุงก็หายไป

     หวอ หวอ หวอ

     ‘ระวัง มีผู้บุกรุก’

     ภาพชายหญิงคู่นั้นเดินเข้ามาจนถึงสนามจัตุรัส สายตากวาดมองผ่านไปรอบๆจนหยุดลงตรงตำแหน่งศาลากาซีโบ “พวกเขารู้ได้ยังไงว่าไอน์สไตน์ซ่อนตัวอยู่ที่นี่”

     “ฉันไม่รู้ อันที่จริงพวกเขาไม่ควรรู้เลยด้วยซ้ำว่ามาร์แชลซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เพราะข้อมูลของมาร์แชลถือเป็นความลับสุดยอด และฉันเป็นผู้ที่คอยตรวจสอบการจารกรรมข้อมูลของเขาเสมอ”เจโรมกล่าวรัวเร็ว สีหน้าร้อนรน รีบเร่งเดินกลับไปยังสเตสิส เขาคีบอินดี้ซึ่งฝังอยู่ในคอนแทคเลนส์ออกมา ก่อนจะหย่อนลงในจี้สร้อยคอขนาดเล็กซึ่งมีรูปทรงกระบอกหกเหลี่ยม ภายในบรรจุของเหลวหนืดสีฟ้าใส

     “วินิตี้คืออะไร”

     เจโรมไม่ได้ตอบ เขาหันไปตะโกนออกคำสั่งกับระบบเครื่องจักรให้ปิดล็อคประตูทุกบานโดยอัตโนมัติ แล้วเสียงเตือนของหุ่นยนต์ก็ดังขึ้น

     ‘ประตูระดับความปลอดภัยเลเวลสามกำลังจะปิดลงในหนึ่งนาที’

     “ฉันถามว่าวินิตี้คืออะไร”

     “วินิตี้คือชื่อองค์กรลับที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาแกรนด์แคนยอน พรรคพวกของคุณโจนส์คือหนึ่งในบุคลากรขององค์กรนั้น”

     “แสดงว่าคนที่บุกเข้ามา...”

     “ใช่ พวกเขารู้จักคุณโจนส์”

     ผมกัดริมฝีปากบาง คิดเอาไว้แล้วเชียว...

     เจโรมกล่าวต่อ “แต่พวกเขาสองคนเป็นฟรีดอมเมอร์ ไม่ใช่สายลับเหมือนคุณโจนส์”

     “อะไรนะ”

     “ฟรีดอมเมอร์คือตำแหน่งอันดับต้นๆขององค์กรวินิตี้ ทำงานนอกเหนือกฎเกณฑ์ขององค์กรหรือของรัฐหรือของประเทศเลยด้วยซ้ำ พวกเขามีความสามารถเกินขีดจำกัดมนุษย์ ถือเป็นบุคคลอันตราย”

     “อันตรายแค่ไหน”

     เจโรมไม่สนใจ รีบกวักมือแล้วเดินไปยังฝั่งตรงข้ามกับประตูบานใหญ่ ใช้หลังฝ่ามือสัมผัสกับปุ่มที่ซ่อนอยู่ใต้ผนังเรียบสีขาวสะอาด ครั้นแล้วบานประตูลับก็เปิดออกกว้าง

     “พวกเขาอันตรายแค่ไหนเจโรม”

     ตึง

     แอด แอด แอด

     แสงไฟกระพริบเปลี่ยนเป็นสีเขียว เสียงเตือนดังขึ้นอีกครั้ง

     ‘ระวัง มีผู้บุกรุก ระวัง...’

     ‘ระบบความปลอดภัยเลเวลหนึ่งถูกปลดล็อค’

     “พวกเขามาแล้ว”

     ได้ยินเช่นนั้นผมและเจโรมก็หันไปมองหน้าต่างโฮโลแกรมอีกครั้ง สองหนุ่มสาวปริศนาเดินผ่านบันไดลงมายังชั้นใต้ดิน หุ่นยนต์ในห้องแล็บพยายามขวัดขวางคนแปลกหน้าด้วยการยิงกระสุนใส่ บ้างก็พุ่งเข้าไปแล้วพ่นตาข่ายออกจากแขนเครื่องจักร บ้างก็ป้องกันด้วยเลเซอร์ หากแต่การโจมตีเหล่านั้นถูกสะท้อนกลับด้วยแรงที่มองไม่เห็นจากปลายฝ่ามือของผู้บุกรุก

     บรึม

     ภาพสัญญาณจากกล้องวงจรปิดดับลงทันทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น

     ตึง ตึง

     เพดานเหนือศรีษะสั่นสะเทือน ผมรีบขยับขามองรอบกายด้วยความประหวั่น

     “อะไรกัน มันเป็นไปได้ยังไง”

     ‘ระบบความปลอดภัยเลเวลสองถูกปลดล็อค’

     “ไม่ ไม่ ไม่”เจโรมตกอกตกใจ เขาเลื่อนมือกุมศีรษะ ดูเหมือนระบบความปลอดภัยที่เขาสร้างขึ้นกำลังจะถูกทำลายลงด้วยพลังงานลี้ลับที่ผมไม่มีทางรู้ได้ว่าเกิดจากอะไร

     “บ้าจริง ผู้หญิงคนนั้น... เธอเจาะรหัสได้ยังไงกัน”เจโรมสบถพลางสะบัดหน้า รีบเดินลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินชั้นที่สาม ผมติดตามเจโรมไปไม่ห่าง เลี้ยวซอกแซกผ่านท่อไปจนถึงปลายทางเดินอีกฟากหนึ่ง ผมใช้กุญแจทองปลดล็อคการทำงานของลิฟท์ จากนั้นแล้วพวกเราก็กลับขึ้นมายังอาคารเรียนชั้นล่างทิศตะวันตก ในจังหวะที่ผมวิ่งย้อนไปยังสนาม ไรเจลก็วิ่งสวนขึ้นมาจากชั้นใต้ดินบริเวณศาลากาซีโบพอดิบพอดี

     “ไรเจล แกยังปลอดภัยใช่ไหม”เจ้าหมาบ้าส่ายหางไปมา ไม่รู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

     บรึม


ต่อด้านล่างงับ >..<
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่