รากแห่งเมืองเชียงเงิน เริ่มชอนไชแทรกซอนทำงาน ลูก 3 คนของ เจ้าหลวงแสนอินทะ มาถึงทาง 3 แพร่ง ทางเดินแยก 3 เส้น ที่ไม่อาจบรรจบลงได้ที่เชียงเงินอีกต่อไป ความเข้มแข็ง ดุดัน ห้าวหาญ สู้ยิบตา ไม่เกรงกริ่งผู้ใด หากแต่ละคนใช้..เพื่อสิ่งที่ต่างกัน
เจ้าหน่อเมือง...ใช้มันเพื่อบ้าน เพื่อเมือง เพื่อตบตาสยาม...ราชอาณาจักรที่ต้องจำใจพึ่งพิง หาใช่ร่มโพธิ์...ลอบกัดหรือไม่?
เจ้าแม้นเมือง...ใช้มันเพื่อผู้อื่น เพื่อความใฝ่ฝันของบรรพบุรุษ เพื่อความเป็นอิสระ ไม่อยู่ใต้อาณัติผู้ใด..ดีจริงหรือ?
เจ้ามิ่งหล้า...ใช้มันเพื่อตัวเอง เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกลิดรอน จะได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง และมันต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิม...ยอมแลกทุกอย่าง?
เชียงพระคำ...
ชีวิตคู่ฉันท์สามี-ภรรยา ชายาแห่งคุ้มเจ้าราชภาติยะ ประสบการณ์ใหม่ล้ำลึกที่เขามอบให้..คงทำตามหน้าที่ หากความสุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าวที่แม้นเมืองตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นที่ดึงดันให้เธออยู่ในนั้นนานขึ้นนี้...ความประหม่า เก้อเขิน วูบนึงคล้ายสัมผัสได้ถึง..นี่ไง..ความสุขที่ถวิลหา ทำเอาเกือบลืมไปเลยว่า...เธอมาที่นี่ได้อย่างไร ความอ่อนหวานล้ำเหมือนว่าจะใส่ใจ..กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างการเกล้ามวยผมของผู้หญิง..นี่คือภาพลวงตาหรือความจริงแม้นเมืองไม่อาจรู้ได้เลย
ชีวิตที่เคยอยู่แต่ตัวคนเดียว..หากวันนี้มีเธอนอนเคียง..ใครจะสุขใจได้เท่าเขาไม่มีแล้ว..ศุขวงศ์อยากให้ความสำคัญ..อยากดูแล..อยากทำทุกอย่างให้อย่างใจนึก.. อยากทำให้เธอลืม...ว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร
คำทิ้งท้ายก่อนกล่าวลาแยกไปรับสารตราตั้งที่เชียงใหม่....ของหน่อเมืองช่างจงใจนัก... จงใจย้ำให้เขารู้ว่า...การได้น้องสาวของเขามาเป็นชายา...คือ การโยนหมาก 2 ตัว ลงไปบนกระดานพร้อมๆกันของเชียงเงิน..งานที่ทำยังไม่บรรลุ
เจ้าหน่อเมืองและเจ้าศุขวงศ์อาจลืมคิดไปว่า..ความเชื่อ ความคิดของอีกฝ่ายที่แตกต่างดูราวจะไม่มีวันลงรอยกันได้นี้ ย่อมหล่อหลอมมาจาก ประสบการณ์ การเรียนรู้ การนึกรู้ และการรับรู้ที่ต่างกันทั้งสิ้น หากถามว่า...กลการเมืองที่เพิ่งเริ่มต้น ใครคือฝ่ายผิด ใครคือฝ่ายถูก ใครคือผู้ชนะ ใครคือผู้แพ้ ย่อมหาคำตอบแน่ชัดไม่ได้เลย
เจ้าน้อย..ผู้เป็นตัวแทนของสยาม..ราชอาณาจักรที่เปิดรับสิ่งแปลกใหม่ มั่นคง หากโอนอ่อน ยอมติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับคนต่างถิ่นต่างชาติมาหลายยุคหลายสมัย กับเชียงเงินเล่า...หัวเมืองประเทศราชชายขอบขัณฑสีมาของดินแดนนี้กลับปิดประตูใส่ทุกบาน
เชียงเงิน...แม้มีเขตแดนใกล้ชิดเมืองมัณฑ์มากกว่า ใกล้..หากปิดกั้น จนดูเหมือนว่า..ความยิ่งใหญ่ที่ใกล้เคียงจะง่อนแง่นนั้น การข่าว.. สิ่งสำคัญที่เป็นตัวตัดสินว่าใครจะรู้เท่าทันการณ์ก่อนกัน...มาไม่ถึง การข่าวที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยากลำบากตามสภาพภูมิประเทศ
หากไม่น่าแปลกที่ข่าวสำคัญ...ที่บอกเล่าถึงความใกล้ล่มสลายของเมืองยิ่งใหญ่ เมืองมัณฑ์คงไม่มีวันแถลงไขให้แคว้นใกล้เคียงได้รับทราบเป็นแน่ การถูกขนาบข้างด้วย 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษที่พร้อมจะกลืนกิน ผลประโยชน์ที่ดูเหมือนจะทับซ้อน..จนอาจเป็นเหตุให้เจ้าอาณานิคม แก่งแย่ง..คุกคาม..จนครอบครอง
หากข่าวสำคัญนั้นจะเล็ดลอดออกมาจากเมืองไกลไปถึงสยาม ผ่านหู ..ผ่านตา..ผ่านปากของคนทำงานที่แฝงตัวในคราบพ่อค้า หรือ นักสำรวจ..ชาวต่างชาติต่างถิ่นที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ในดินสินในน้ำที่ช่างหอมหวนในดินแดนบูรพาแห่งนี้
ไม่แปลกที่..สยาม..เมืองท่าใกล้เรือนเคียงที่คนต่างถิ่นพวกนั้นเดินทางเข้าออกกันเป็นนิจ จะรับรู้และเตรียมการ เพื่อรับมือ เพื่อต่อรอง พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงเตรียมการมาหลายยุคหลายสมัย เจ้าศุขวงศ์รับรู้มาตลอดเยี่ยงคนทำงานที่ได้ถวายงานใกล้ชิด ..แถมซ้ำยังเป็นคนมาจากที่นู้น..ที่ที่สยามปักเขตแดนว่า..รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย
ความรัก..ช่างแปลก..พูดสิ่งเดียวกัน หากทำให้เข้าใจไปคนละทางยังได้ สนธิสัญญา..คล้ายคำมั่น..ที่ประกาศรับรู้ร่วมกันทั้ง 2 คน บนยอดภูผาเมือง ศุขวงศ์หมายมั่นให้..เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขา ณ บ้านเกิดเมืองนอนที่แสนภูมิใจ...ชีวิตที่ไม่มีการดื้อดึงต่อต้าน คำขอ..จงอย่าจำว่ามาที่เชียงพระคำด้วยวิธีใดและเพราะอะไร ...หากคำขอนั้นคล้ายจะบอกว่า..เธอคือ คู่เรียงเคียงหมอนที่..เด็กกำพร้าพ่อแม่อย่างเขา ผู้มีแต่เจ้าย่าที่รอคอยให้เป็นฝั่งเป็นฝา คงสุขสมหวังและยินดีเป็นแน่
ข้อแลกเปลี่ยนที่เธอเสีย..อะไรบางอย่างให้เขาไปแล้ว เขายืนยันจะทำให้...นี่ซินะ..เพราะใครคนนั้นที่เขาคงไม่ลืม..ว่าอยู่ในขบวนเครื่องราชบรรณาการไปยังเมืองมัณฑ์ ในเมื่อเขารักษาสัจจะ ..แม้นเมืองยินดี..ทำให้คนที่เชียงพระคำเห็นว่า..นี่คือชีวิตคู่ที่เลือกจะครองรักกันอย่างตกลงปลงใจ ..ไม่ยากนักหรอก...เธอไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำก็ได้ ในเมื่อแม้นเมืองเต็มใจวางหัวใจตัวเองไว้ที่นี่เสียแล้ว...
คนบ้านป่าเมืองเถื่อน..ไม่ใช่แค่คนตะวันออกหรอกที่กล่าวหาพวกชาวต่างชาติตะวันตกผมสีทอง ตาสีฟ้า ตัวใหญ่อย่างยักษ์ปักหลั่นแบบเขา...หากแบ็รกกิ้นก็ยังเคยคิด...การรอนแรมมาตะวันออกที่แสนไกลจากเกาะอังกฤษ...ผู้คนที่นี่คงจะมีแต่คนป่า คนเถื่อน หาคนมีอารายธรรมไม่ได้ หากเขาคิดผิด... สยาม และ ผู้คนในดินแดนนี้กลับมีอารยะทัดเทียมอย่างคาดไม่ถึง...ยิ่งกับสหายและเพื่อนร่วมงานที่เคยทั้งเป็นผู้มีพระคุณกันแล้วนั้นอย่างเจ้าน้อยศุขวงศ์ ช่างห่างไกลจากคนเถื่อนยิ่งนัก..
การศึกษาที่ทัดเทียมไม่ยิ่งหย่อน ภาษาแม่ของเขาที่คล่องแคล่วเกือบเท่าเจ้าของภาษา ...หากที่แปลกใจยิ่งกว่านั้น...ชายาที่พึ่งได้ทราบข่าว...ราชธิดาคนโตแห่งเชียงพระคำ...พอได้เจอแล้ว...แบ็รกกิ้นรู้ทันทีว่าทำไมสหายของเขาถึงได้ปรีดานัก...เจ้าแม้นเมืองมิได้มีดีที่ความงามเพียงอย่างเดียว..แม้จะด้อยกว่าน้องสาวตามที่เขาเคยได้ยินมา หากก็ยังงามรูป และ งามสง่าสมกับแววตาที่ดูฉลาดเฉลียว เชียงเงินที่ว่าปกปิด ปิดกั้นจากชาติตะวันตก หากราชธิดากลับได้รับการศึกษาภาษาแม่ของเขาอย่างดีเยี่ยมจนสื่อสารกันได้... ไม่ธรรมดา...
โลกตะวันออก..ตะวันตก เท่าเทียมได้ด้วยการศึกษา รู้เขา รู้เรา หากความต่างในจารีตธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้นล่ะ ที่ยังแยกให้ออกเป็น 2 ฝั่ง ...เพียงการทักทายที่ดูคล้ายจะไม่มีปัญหา..แต่เขียนจันทร์และคำแก้วกลับหวาดผวา เมื่อรู้ว่าสหายของเจ้าน้อยจะเข้ามาจับมือถือแขนตัว... การทักทายที่แม้นเมืองคิดว่า..ดูเหมือนจะรุกรานตั้งแต่แรกพบหน้าเสียแล้ว ความต่างนี้เอง...คำถามที่เขาโยนหินถามทางเอาไว้..คงสะกิดใจแม้นเมืองบ้างไม่มากก็น้อย...คนที่คิดต่างกัน จะเป็นเพื่อนกันได้ไหม คนที่คิดไม่เหมือนกัน..จะรักกันได้ไหม..อย่างเช่นเธอกับเขา วันนึงศุขวงศ์คงได้คำตอบกระมัง
[รากนครา] ละถิ่นฐานบ้านเกิด สู่เมืองนอนใหม่ ...ต้องปรับตัว ...เพื่อรอรับการเปลี่ยนแปลง
เจ้าหน่อเมือง...ใช้มันเพื่อบ้าน เพื่อเมือง เพื่อตบตาสยาม...ราชอาณาจักรที่ต้องจำใจพึ่งพิง หาใช่ร่มโพธิ์...ลอบกัดหรือไม่?
เจ้าแม้นเมือง...ใช้มันเพื่อผู้อื่น เพื่อความใฝ่ฝันของบรรพบุรุษ เพื่อความเป็นอิสระ ไม่อยู่ใต้อาณัติผู้ใด..ดีจริงหรือ?
เจ้ามิ่งหล้า...ใช้มันเพื่อตัวเอง เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกลิดรอน จะได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง และมันต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิม...ยอมแลกทุกอย่าง?
เชียงพระคำ...
ชีวิตคู่ฉันท์สามี-ภรรยา ชายาแห่งคุ้มเจ้าราชภาติยะ ประสบการณ์ใหม่ล้ำลึกที่เขามอบให้..คงทำตามหน้าที่ หากความสุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าวที่แม้นเมืองตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นที่ดึงดันให้เธออยู่ในนั้นนานขึ้นนี้...ความประหม่า เก้อเขิน วูบนึงคล้ายสัมผัสได้ถึง..นี่ไง..ความสุขที่ถวิลหา ทำเอาเกือบลืมไปเลยว่า...เธอมาที่นี่ได้อย่างไร ความอ่อนหวานล้ำเหมือนว่าจะใส่ใจ..กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างการเกล้ามวยผมของผู้หญิง..นี่คือภาพลวงตาหรือความจริงแม้นเมืองไม่อาจรู้ได้เลย
ชีวิตที่เคยอยู่แต่ตัวคนเดียว..หากวันนี้มีเธอนอนเคียง..ใครจะสุขใจได้เท่าเขาไม่มีแล้ว..ศุขวงศ์อยากให้ความสำคัญ..อยากดูแล..อยากทำทุกอย่างให้อย่างใจนึก.. อยากทำให้เธอลืม...ว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร
คำทิ้งท้ายก่อนกล่าวลาแยกไปรับสารตราตั้งที่เชียงใหม่....ของหน่อเมืองช่างจงใจนัก... จงใจย้ำให้เขารู้ว่า...การได้น้องสาวของเขามาเป็นชายา...คือ การโยนหมาก 2 ตัว ลงไปบนกระดานพร้อมๆกันของเชียงเงิน..งานที่ทำยังไม่บรรลุ
เจ้าหน่อเมืองและเจ้าศุขวงศ์อาจลืมคิดไปว่า..ความเชื่อ ความคิดของอีกฝ่ายที่แตกต่างดูราวจะไม่มีวันลงรอยกันได้นี้ ย่อมหล่อหลอมมาจาก ประสบการณ์ การเรียนรู้ การนึกรู้ และการรับรู้ที่ต่างกันทั้งสิ้น หากถามว่า...กลการเมืองที่เพิ่งเริ่มต้น ใครคือฝ่ายผิด ใครคือฝ่ายถูก ใครคือผู้ชนะ ใครคือผู้แพ้ ย่อมหาคำตอบแน่ชัดไม่ได้เลย
เจ้าน้อย..ผู้เป็นตัวแทนของสยาม..ราชอาณาจักรที่เปิดรับสิ่งแปลกใหม่ มั่นคง หากโอนอ่อน ยอมติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับคนต่างถิ่นต่างชาติมาหลายยุคหลายสมัย กับเชียงเงินเล่า...หัวเมืองประเทศราชชายขอบขัณฑสีมาของดินแดนนี้กลับปิดประตูใส่ทุกบาน
เชียงเงิน...แม้มีเขตแดนใกล้ชิดเมืองมัณฑ์มากกว่า ใกล้..หากปิดกั้น จนดูเหมือนว่า..ความยิ่งใหญ่ที่ใกล้เคียงจะง่อนแง่นนั้น การข่าว.. สิ่งสำคัญที่เป็นตัวตัดสินว่าใครจะรู้เท่าทันการณ์ก่อนกัน...มาไม่ถึง การข่าวที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยากลำบากตามสภาพภูมิประเทศ
หากไม่น่าแปลกที่ข่าวสำคัญ...ที่บอกเล่าถึงความใกล้ล่มสลายของเมืองยิ่งใหญ่ เมืองมัณฑ์คงไม่มีวันแถลงไขให้แคว้นใกล้เคียงได้รับทราบเป็นแน่ การถูกขนาบข้างด้วย 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษที่พร้อมจะกลืนกิน ผลประโยชน์ที่ดูเหมือนจะทับซ้อน..จนอาจเป็นเหตุให้เจ้าอาณานิคม แก่งแย่ง..คุกคาม..จนครอบครอง
หากข่าวสำคัญนั้นจะเล็ดลอดออกมาจากเมืองไกลไปถึงสยาม ผ่านหู ..ผ่านตา..ผ่านปากของคนทำงานที่แฝงตัวในคราบพ่อค้า หรือ นักสำรวจ..ชาวต่างชาติต่างถิ่นที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ในดินสินในน้ำที่ช่างหอมหวนในดินแดนบูรพาแห่งนี้
ไม่แปลกที่..สยาม..เมืองท่าใกล้เรือนเคียงที่คนต่างถิ่นพวกนั้นเดินทางเข้าออกกันเป็นนิจ จะรับรู้และเตรียมการ เพื่อรับมือ เพื่อต่อรอง พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงเตรียมการมาหลายยุคหลายสมัย เจ้าศุขวงศ์รับรู้มาตลอดเยี่ยงคนทำงานที่ได้ถวายงานใกล้ชิด ..แถมซ้ำยังเป็นคนมาจากที่นู้น..ที่ที่สยามปักเขตแดนว่า..รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย
ความรัก..ช่างแปลก..พูดสิ่งเดียวกัน หากทำให้เข้าใจไปคนละทางยังได้ สนธิสัญญา..คล้ายคำมั่น..ที่ประกาศรับรู้ร่วมกันทั้ง 2 คน บนยอดภูผาเมือง ศุขวงศ์หมายมั่นให้..เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขา ณ บ้านเกิดเมืองนอนที่แสนภูมิใจ...ชีวิตที่ไม่มีการดื้อดึงต่อต้าน คำขอ..จงอย่าจำว่ามาที่เชียงพระคำด้วยวิธีใดและเพราะอะไร ...หากคำขอนั้นคล้ายจะบอกว่า..เธอคือ คู่เรียงเคียงหมอนที่..เด็กกำพร้าพ่อแม่อย่างเขา ผู้มีแต่เจ้าย่าที่รอคอยให้เป็นฝั่งเป็นฝา คงสุขสมหวังและยินดีเป็นแน่
ข้อแลกเปลี่ยนที่เธอเสีย..อะไรบางอย่างให้เขาไปแล้ว เขายืนยันจะทำให้...นี่ซินะ..เพราะใครคนนั้นที่เขาคงไม่ลืม..ว่าอยู่ในขบวนเครื่องราชบรรณาการไปยังเมืองมัณฑ์ ในเมื่อเขารักษาสัจจะ ..แม้นเมืองยินดี..ทำให้คนที่เชียงพระคำเห็นว่า..นี่คือชีวิตคู่ที่เลือกจะครองรักกันอย่างตกลงปลงใจ ..ไม่ยากนักหรอก...เธอไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำก็ได้ ในเมื่อแม้นเมืองเต็มใจวางหัวใจตัวเองไว้ที่นี่เสียแล้ว...
คนบ้านป่าเมืองเถื่อน..ไม่ใช่แค่คนตะวันออกหรอกที่กล่าวหาพวกชาวต่างชาติตะวันตกผมสีทอง ตาสีฟ้า ตัวใหญ่อย่างยักษ์ปักหลั่นแบบเขา...หากแบ็รกกิ้นก็ยังเคยคิด...การรอนแรมมาตะวันออกที่แสนไกลจากเกาะอังกฤษ...ผู้คนที่นี่คงจะมีแต่คนป่า คนเถื่อน หาคนมีอารายธรรมไม่ได้ หากเขาคิดผิด... สยาม และ ผู้คนในดินแดนนี้กลับมีอารยะทัดเทียมอย่างคาดไม่ถึง...ยิ่งกับสหายและเพื่อนร่วมงานที่เคยทั้งเป็นผู้มีพระคุณกันแล้วนั้นอย่างเจ้าน้อยศุขวงศ์ ช่างห่างไกลจากคนเถื่อนยิ่งนัก..
การศึกษาที่ทัดเทียมไม่ยิ่งหย่อน ภาษาแม่ของเขาที่คล่องแคล่วเกือบเท่าเจ้าของภาษา ...หากที่แปลกใจยิ่งกว่านั้น...ชายาที่พึ่งได้ทราบข่าว...ราชธิดาคนโตแห่งเชียงพระคำ...พอได้เจอแล้ว...แบ็รกกิ้นรู้ทันทีว่าทำไมสหายของเขาถึงได้ปรีดานัก...เจ้าแม้นเมืองมิได้มีดีที่ความงามเพียงอย่างเดียว..แม้จะด้อยกว่าน้องสาวตามที่เขาเคยได้ยินมา หากก็ยังงามรูป และ งามสง่าสมกับแววตาที่ดูฉลาดเฉลียว เชียงเงินที่ว่าปกปิด ปิดกั้นจากชาติตะวันตก หากราชธิดากลับได้รับการศึกษาภาษาแม่ของเขาอย่างดีเยี่ยมจนสื่อสารกันได้... ไม่ธรรมดา...
โลกตะวันออก..ตะวันตก เท่าเทียมได้ด้วยการศึกษา รู้เขา รู้เรา หากความต่างในจารีตธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้นล่ะ ที่ยังแยกให้ออกเป็น 2 ฝั่ง ...เพียงการทักทายที่ดูคล้ายจะไม่มีปัญหา..แต่เขียนจันทร์และคำแก้วกลับหวาดผวา เมื่อรู้ว่าสหายของเจ้าน้อยจะเข้ามาจับมือถือแขนตัว... การทักทายที่แม้นเมืองคิดว่า..ดูเหมือนจะรุกรานตั้งแต่แรกพบหน้าเสียแล้ว ความต่างนี้เอง...คำถามที่เขาโยนหินถามทางเอาไว้..คงสะกิดใจแม้นเมืองบ้างไม่มากก็น้อย...คนที่คิดต่างกัน จะเป็นเพื่อนกันได้ไหม คนที่คิดไม่เหมือนกัน..จะรักกันได้ไหม..อย่างเช่นเธอกับเขา วันนึงศุขวงศ์คงได้คำตอบกระมัง