อันวิถีของนักแสดงมืออาชีพ ความแตกต่างของความเป็นนักแสดงที่แม่นบท เล่นตามที่ผู้กำกับต้องการ ตามที่ผู้ประพันธ์จินตนาการ ...อันทำให้งานทุกอย่างออกมาเป๊ะ ตามแผน เป็นไปตามสิ่งที่เรื่องราวต้องการ ...
กับ .. การเป็นระดับ "ดาราเจ้าบทบาท" เข้าถึงในตัวตน การทำให้คนดู (หรือแม้แต่ทีมงานทีมนักแสดงด้วยกัน) ลืมไปเลยว่าเป็นการแสดง ..แต่เสมือนกำลังดูเรื่องราว "จริงๆ" ของตัวละครนั้น ...เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีซ้ำ หาที่เปรียบได้ยาก ...
มันไม่มีถูกหรือผิดระหว่างการทำหน้าที่นักแสดงใน 2 วิธีการที่ว่า .. อยู่ที่จริตของคนดูที่จะชื่นชอบแบบไหน ...
สำหรับ Heath Ledger ... ผลงานก่อนจากไปเรื่องนี้ อาจจะจินตนาการวิธีการตีบท เข้าถึงบท หรือ "สร้างสรรตัวตน" ของเค้าได้ยาก (เพราะเค้าไม่อยู่ให้ถามแล้ว) ... นอกจากข้อมูลแวดล้อมจากคนรอบข้าง หรือบทสัมภาษณ์ก่อนจากบางส่วนของเค้า ... เรายังอาจจะได้ศึกษาเทียบเคียงจากงานแสดงของเค้า ...
เมื่อทาง Legendary ได้เปิดเผนคลิปที่มาพร้อมกับ Script ... ทำให้เราต้องมานั่งทึ่งกับการสร้างตัวตนใหม่ของเค้าในหนังเรื่องนี้ ...
......................
จากคลิปนี้ .. สิ่งที่เราจะเห็นได้ก็คือ .. รายละเอียดบางอย่างที่ Heath เลือกที่จะไม่ทำตามทุกตัวอักษร ... ข้าเจ้ามองว่า เป็นความ "จงใจ" ที่ Heath เลือกที่จะ "สร้างจังหวะ" และ "การกระทำ" เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเอง ...การที่ไม่รีบที่จะใช้มีดเข้าข่มขู่ตามบรรทัดแต่แรกของบท แต่เลือกใช้การสำรวจก่อน ...และ "เน้นการเผชิญหน้าโดยตรง" กับ Rachel เป็นหลัก ..การจ้องระยะประชิด เลือกใช้น้ำเสียงที่กดดัน โดยเฉพาะ "การข้ามการหัวเราะ" ...ส่งผลกระทบรุนแรงต่อบทบาทที่ทำให้ต่างออกไปจากตัวการ์ตูนดั้งเดิม ต่างไปจาก Joker ที่อยู่ในจินตนาการแบบ "เดิมๆ" ...ไม่ดูโรคจิตเลื่อนลอยพร่ำเพรื่อ ดูมีความเกรี้ยวกราด ประชดโลก "ตลกร้าย" ... และทำให้ทุกคำพูด ทุกการกระทำ สามารถสร้างความ "ไม่น่าไว้วางใจ" แก่คนดูเป็นอย่างยิ่ง ... Heath เน้นฉากนี้ด้วยการจ้องตากดดันเพื่อบังคับให้สภาพจิตใจของ Joker มีจิตวิทยาที่ข่มคนที่ไม่กลัวตนเองอย่าง Rachel ...เป็นการชิงอำนาจทางความคิดและการข่มขู่ ...นั่นจึงทำให้ Joker ในแบบของ Heath นั้น ไม่ Fantasy เหมือนอย่างเวอร์ชันอื่นๆ ...
ในตอนท้ายฉากนี้ ...ไม่รู้เพราะ Script เขียนพลาดไม่สัมพันธ์กับฉาก หรือเพราะมันเกิดการ Take ไปบ้าง ... ถึงจุด Climax ของฉากมันเลยกึ่งๆ จะด้นสดกันทั้ง 3 คนเลย ... แต่ก็ทำให้การแสดงดูลื่นไหล เนียนจากตอนต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้ดีมากๆ ...
..........
... สำหรับฉากนี้ โชว์การลากยาว Long take ของ Heath ที่ต้องร่ายประโยคที่ยาวมากๆ นั่นทำให้ต้องค่อนข้างจะต้องควบคุม Balance ของการว่าไปตามบทกับการสร้างอากัปกิริยาในแบบฉบับของตนเองให้ออกมาไม่ "กระตุก" ...คนดูที่เห็นทุกการกระทำของ Joker มาก่อนหน้าในฉากไล่ล่าจนติดกับมาอยู่ในห้องขังแบบ "จงใจ" จะต้องไม่สะดุดกับอารมณ์ของการรับรู้ว่าทุกการพูด การเน้นคำ มันชวนให้ "ระแวง" ไปหมด ... นั่นทำให้บางจุดที่ถูกร่างมาให้หัวเราะ Heath เลือกที่จะไม่หัวเราะ ไม่เลือกที่จะเป็น Joker ที่เหมือนคุยไม่รู้เรื่อง หรือดูเหมือนเพิ่งไปอัพยามา ...แต่จะเป็น Joker ที่ดูเป็น "นักเจรจา" สามารถควบคุมสถานการณ์และ "บงการศัตรู" ได้ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ เกิดสภาพ "จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง" ตามบทที่ไหลลื่นที่สุด ...ที่สำคัญ ในบทมี Spoil เนื้อเรื่องไว้แล้ว แต่เพราะการแสดงของ Heath ทำให้หลายคน อาจจะไม่ทันนึกถึงว่า จริงๆ Joker ได้บอกแล้วตัวเองจะทำอะไร (วางแผนทำให้เกิดสภาพเรือใกล้แตก และบีบผู้คนให้กินกันเอง นั่นอาจจะเป็นเบาะแสเนื้อเรื่องได้ว่า จริงๆ แล้ว ..Joker มันทั้งวางระเบิดเรือ เตรียมการมาล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว ...ไม่ได้ด้นสดไปเรื่อยๆ อย่างที่มันบอกกับ Harvey ในโรงพยาบาล) ... การเลือกจังหวะ การใช้คำพูดและน้ำเสียง การใช้สีหน้า (ที่แสนจะดูยากจากสีที่ทาแต่กลับทำให้ผู้ชมสามารถรู้ได้ว่ากำลังมีสีหน้ายังไง) ท่าทาง ทำให้ Joker ในฉากนี้ กลายเป็น Ahead of the curve อย่างแท้จริง ....
..............
ก็ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่า ...หากได้ลองอ่านบทเรื่องนี้จริงๆ มันแทบจะเป็นวรรณกรรมยังได้เลย บทพูดค่อนข้างจะคม และแฝงความซับซ้อนที่ไม่ใช่น้ำท่วมทุ่งเลยแทบทุกประโยค การเปรียบเปรยหลายอย่างที่มันไม่ใช่แค่เปรียบเปรยพูดไปเรื่อย (เพราะดันทำจริงๆ) ทำให้มันกลายเป็นหนัง Batman ที่โดดจากหนังการ์ตูน Fantasy ไปเป็น Thriller-Psychology เรื่องนึงได้เลย ... ถ้าว่ากันในแง่เจตนารมณ์บทประพันธ์แต่เดิม Nolan ทำออกมาได้เกือบจะออกทะเลไปหน่อย จากการ์ตูนเสียดสีสังคมในเรื่องระบบความยุติธรรมและปัญหาสังคม กลายเป็นว่าหากมองในแง่ของความลึกของหนังเวอร์ชันนี้ การเสียดสีแบบง่ายๆ ของการ์ตูน กลายเป็นการ "ขุดด้านมืดในจิตใจ" ของทุกคน ทุกสภาวะ ทุกรูปแบบแทน .... มันเลยอาจจะทำให้มีเสียงแตกจากอีกกลุ่มที่ชอบอารมณ์แบบการ์ตูนมากกว่าที่อาจจะไม่ค่อยชอบเวอร์ชันนี้ .. แต่ถ้าในแง่ความเป็นภาพยนตร์ ... ส่วนตัวข้าเจ้าให้เรื่องนี้เป็นหนังอาชญากรรมแนวปัจจุบันที่ครบเครื่องที่สุดเรื่องหนึ่ง มีทั้ง Action มีความเทา ... และสร้างสรรมากๆ ในแง่เบื้องหลังของการแสดงและการเขียนบท ...
โดยเฉพาะ ... ความสามารถในเข้าถึงการสร้างสรรบทบาทด้วยตัวเองของ Heath ที่อาจจะทำให้ Joker เวอร์ชันนี้ ..."เลียนแบบได้ยากที่สุด" ...
Heath Ledger กับ Joker ในแบบของเค้า... เหตุผลว่าทำไม ถึงเป็นการแสดงแห่ง Oscar 2009
กับ .. การเป็นระดับ "ดาราเจ้าบทบาท" เข้าถึงในตัวตน การทำให้คนดู (หรือแม้แต่ทีมงานทีมนักแสดงด้วยกัน) ลืมไปเลยว่าเป็นการแสดง ..แต่เสมือนกำลังดูเรื่องราว "จริงๆ" ของตัวละครนั้น ...เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีซ้ำ หาที่เปรียบได้ยาก ...
มันไม่มีถูกหรือผิดระหว่างการทำหน้าที่นักแสดงใน 2 วิธีการที่ว่า .. อยู่ที่จริตของคนดูที่จะชื่นชอบแบบไหน ...
สำหรับ Heath Ledger ... ผลงานก่อนจากไปเรื่องนี้ อาจจะจินตนาการวิธีการตีบท เข้าถึงบท หรือ "สร้างสรรตัวตน" ของเค้าได้ยาก (เพราะเค้าไม่อยู่ให้ถามแล้ว) ... นอกจากข้อมูลแวดล้อมจากคนรอบข้าง หรือบทสัมภาษณ์ก่อนจากบางส่วนของเค้า ... เรายังอาจจะได้ศึกษาเทียบเคียงจากงานแสดงของเค้า ...
เมื่อทาง Legendary ได้เปิดเผนคลิปที่มาพร้อมกับ Script ... ทำให้เราต้องมานั่งทึ่งกับการสร้างตัวตนใหม่ของเค้าในหนังเรื่องนี้ ...
......................
จากคลิปนี้ .. สิ่งที่เราจะเห็นได้ก็คือ .. รายละเอียดบางอย่างที่ Heath เลือกที่จะไม่ทำตามทุกตัวอักษร ... ข้าเจ้ามองว่า เป็นความ "จงใจ" ที่ Heath เลือกที่จะ "สร้างจังหวะ" และ "การกระทำ" เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเอง ...การที่ไม่รีบที่จะใช้มีดเข้าข่มขู่ตามบรรทัดแต่แรกของบท แต่เลือกใช้การสำรวจก่อน ...และ "เน้นการเผชิญหน้าโดยตรง" กับ Rachel เป็นหลัก ..การจ้องระยะประชิด เลือกใช้น้ำเสียงที่กดดัน โดยเฉพาะ "การข้ามการหัวเราะ" ...ส่งผลกระทบรุนแรงต่อบทบาทที่ทำให้ต่างออกไปจากตัวการ์ตูนดั้งเดิม ต่างไปจาก Joker ที่อยู่ในจินตนาการแบบ "เดิมๆ" ...ไม่ดูโรคจิตเลื่อนลอยพร่ำเพรื่อ ดูมีความเกรี้ยวกราด ประชดโลก "ตลกร้าย" ... และทำให้ทุกคำพูด ทุกการกระทำ สามารถสร้างความ "ไม่น่าไว้วางใจ" แก่คนดูเป็นอย่างยิ่ง ... Heath เน้นฉากนี้ด้วยการจ้องตากดดันเพื่อบังคับให้สภาพจิตใจของ Joker มีจิตวิทยาที่ข่มคนที่ไม่กลัวตนเองอย่าง Rachel ...เป็นการชิงอำนาจทางความคิดและการข่มขู่ ...นั่นจึงทำให้ Joker ในแบบของ Heath นั้น ไม่ Fantasy เหมือนอย่างเวอร์ชันอื่นๆ ...
ในตอนท้ายฉากนี้ ...ไม่รู้เพราะ Script เขียนพลาดไม่สัมพันธ์กับฉาก หรือเพราะมันเกิดการ Take ไปบ้าง ... ถึงจุด Climax ของฉากมันเลยกึ่งๆ จะด้นสดกันทั้ง 3 คนเลย ... แต่ก็ทำให้การแสดงดูลื่นไหล เนียนจากตอนต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้ดีมากๆ ...
..........
... สำหรับฉากนี้ โชว์การลากยาว Long take ของ Heath ที่ต้องร่ายประโยคที่ยาวมากๆ นั่นทำให้ต้องค่อนข้างจะต้องควบคุม Balance ของการว่าไปตามบทกับการสร้างอากัปกิริยาในแบบฉบับของตนเองให้ออกมาไม่ "กระตุก" ...คนดูที่เห็นทุกการกระทำของ Joker มาก่อนหน้าในฉากไล่ล่าจนติดกับมาอยู่ในห้องขังแบบ "จงใจ" จะต้องไม่สะดุดกับอารมณ์ของการรับรู้ว่าทุกการพูด การเน้นคำ มันชวนให้ "ระแวง" ไปหมด ... นั่นทำให้บางจุดที่ถูกร่างมาให้หัวเราะ Heath เลือกที่จะไม่หัวเราะ ไม่เลือกที่จะเป็น Joker ที่เหมือนคุยไม่รู้เรื่อง หรือดูเหมือนเพิ่งไปอัพยามา ...แต่จะเป็น Joker ที่ดูเป็น "นักเจรจา" สามารถควบคุมสถานการณ์และ "บงการศัตรู" ได้ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ เกิดสภาพ "จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง" ตามบทที่ไหลลื่นที่สุด ...ที่สำคัญ ในบทมี Spoil เนื้อเรื่องไว้แล้ว แต่เพราะการแสดงของ Heath ทำให้หลายคน อาจจะไม่ทันนึกถึงว่า จริงๆ Joker ได้บอกแล้วตัวเองจะทำอะไร (วางแผนทำให้เกิดสภาพเรือใกล้แตก และบีบผู้คนให้กินกันเอง นั่นอาจจะเป็นเบาะแสเนื้อเรื่องได้ว่า จริงๆ แล้ว ..Joker มันทั้งวางระเบิดเรือ เตรียมการมาล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว ...ไม่ได้ด้นสดไปเรื่อยๆ อย่างที่มันบอกกับ Harvey ในโรงพยาบาล) ... การเลือกจังหวะ การใช้คำพูดและน้ำเสียง การใช้สีหน้า (ที่แสนจะดูยากจากสีที่ทาแต่กลับทำให้ผู้ชมสามารถรู้ได้ว่ากำลังมีสีหน้ายังไง) ท่าทาง ทำให้ Joker ในฉากนี้ กลายเป็น Ahead of the curve อย่างแท้จริง ....
..............
ก็ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่า ...หากได้ลองอ่านบทเรื่องนี้จริงๆ มันแทบจะเป็นวรรณกรรมยังได้เลย บทพูดค่อนข้างจะคม และแฝงความซับซ้อนที่ไม่ใช่น้ำท่วมทุ่งเลยแทบทุกประโยค การเปรียบเปรยหลายอย่างที่มันไม่ใช่แค่เปรียบเปรยพูดไปเรื่อย (เพราะดันทำจริงๆ) ทำให้มันกลายเป็นหนัง Batman ที่โดดจากหนังการ์ตูน Fantasy ไปเป็น Thriller-Psychology เรื่องนึงได้เลย ... ถ้าว่ากันในแง่เจตนารมณ์บทประพันธ์แต่เดิม Nolan ทำออกมาได้เกือบจะออกทะเลไปหน่อย จากการ์ตูนเสียดสีสังคมในเรื่องระบบความยุติธรรมและปัญหาสังคม กลายเป็นว่าหากมองในแง่ของความลึกของหนังเวอร์ชันนี้ การเสียดสีแบบง่ายๆ ของการ์ตูน กลายเป็นการ "ขุดด้านมืดในจิตใจ" ของทุกคน ทุกสภาวะ ทุกรูปแบบแทน .... มันเลยอาจจะทำให้มีเสียงแตกจากอีกกลุ่มที่ชอบอารมณ์แบบการ์ตูนมากกว่าที่อาจจะไม่ค่อยชอบเวอร์ชันนี้ .. แต่ถ้าในแง่ความเป็นภาพยนตร์ ... ส่วนตัวข้าเจ้าให้เรื่องนี้เป็นหนังอาชญากรรมแนวปัจจุบันที่ครบเครื่องที่สุดเรื่องหนึ่ง มีทั้ง Action มีความเทา ... และสร้างสรรมากๆ ในแง่เบื้องหลังของการแสดงและการเขียนบท ...
โดยเฉพาะ ... ความสามารถในเข้าถึงการสร้างสรรบทบาทด้วยตัวเองของ Heath ที่อาจจะทำให้ Joker เวอร์ชันนี้ ..."เลียนแบบได้ยากที่สุด" ...