หากพูดถึงวายร้ายตลอดกาลที่บรรดาคอหนังชื่นชอบเป็นพิเศษ เชื่อว่าต้องมีชื่อของ Joker เวอร์ชั่น Heath Ledger อยู่ในอันดับต้น ๆ เป็นแน่ ซึ่งทางช่อง YouTube ของ Lessons from the Screenplay ก็ได้วิเคราะห์ถึงวิธีการสร้าง Joker ของ Christopher Nolan จนกลายเป็นวายร้ายขวัญใจมหาชนเอาไว้ดังนี้
เป็นวายร้ายที่โจมตีจุดอ่อนของตัวเอกได้เป็นอย่างดี
Robert McKee นักเขียนหนังสือชื่อดังเคยกล่าวไว้ว่า
“ตัวเอกและเรื่องราวของเขาจะน่าสนใจและสะเทือนอารมณ์เท่าที่ตัวร้ายได้สร้างให้เป็น” ดังนั้นตัวร้ายต้องเป็นคนที่ทรงพลัง ยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้นเท่าไร เรื่องราวของตัวเอกก็จะยิ่งน่าสนใจขึ้นเท่านั้น คำถามก็คือจะทำให้วายร้ายเก่งกาจแบบไหน John Truby นักเขียนอีกคนหนึ่งได้คิดค้นวิธีการที่จะทำให้ตัวร้ายในเรื่องเก่งกาจและน่าสนใจเอาไว้ว่า
“จงสร้างศัตรูที่เชี่ยวชาญในการโจมตีจุดอ่อนที่สุดของพระเอก” ซึ่งใน The Dark Knight ตัวละคร Joker ก็เป็นเหมือนที่ John Truby ได้กล่าวไว้ ความสามารถของ Batman ส่วนมากมาจากวิธีการขู่ให้กลัวด้วยพละกำลัง แต่ Joker ก็ได้สร้างสถานการณ์ที่ทำให้พละกำลังของแบทแมนไม่มีค่าได้ เช่น ตอนที่ Joker จับ Rachel และ Harvey Dent เขาทำให้กำลังของ Batman กลายเป็นจุดอ่อนไปได้ในทันที
นอกจากนี้ Joker ยังรู้กฎของ Batman อีกด้วยว่า ‘ไม่ฆ่าคน’ ซึ่งกฎนี้นี่เองก็เป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของ Batman เพราะวิธีการเดียวที่จะหยุด Joker ได้นั้นคือการฆ่า Joker ทิ้งซะ แต่อย่างไรก็ตามแผนการ Joker ก็ไม่ใช่การกำจัด Batman แต่คือการทำเมือง Gotham ให้โกลาหลแบบที่เขาต้องการ
กดดันตัวเอกด้วยทางเลือกที่ยากจะตัดสินใจ
Robert McKee นักเขียนเจ้าเดิมได้กล่าวไว้ว่า
“ตัวตนที่แท้จริงของตัวละครจะเปิดเผยออกมาผ่านทางเลือกที่ตัดสินใจทำภายใต้ความกดดัน ยิ่งมีความกดดันมากเท่าไร ก็ยิ่งเปิดเผยธาตุแท้ของตัวละครมากขึ้นเท่านั้น” เพราะฉะนั้นในทุก ๆ ครั้งที่ Joker ทำอะไรสักอย่างมักจะไปกดดันให้ Batman ยากจะตัดสินใจอยู่เสมอ และทางเลือกที่เขาได้ตัดสินใจลงไปนั้นก็จะเปิดเผยธาตุแท้ของ Batman ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งใน The Dark Knight วายร้ายอย่าง Joker ก็ได้กดดัน Batman ตั้งแต่เริ่มเรื่อง โดยให้บุรุษรัตติกาลเปิดเผยตัวตนมิฉะนั้นจะมีประชาชนตายในทุก ๆ วัน ซึ่งตอนแรก Batman ก็ปฏิเสธที่จะทำตาม แต่ Joker ก็ไม่หยุดฆ่าคนอื่น ๆ ทำให้ผู้คนใน Gotham เริ่มต่อต้านการกระทำของ Batman ซึ่งผลักดันให้ Bruce Wayne อยากเปิดเผยความจริง แต่ Harvey Dent กลับชิ่งบอกว่าตนเป็น Batman ไปซะก่อน
อีกหนึ่งสถานการณ์ที่ทำให้ Batman เปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองก็คือตอนที่ Joker กดดัน Batman ให้เลือกช่วยระหว่าง Harvey Dent และ Rachel ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าสุดท้าย Batman ก็เลือกช่วยผู้ผดุงความยุติธรรมที่เขามองว่าเป็นอนาคตของ Gotham มากกว่าคนรัก (โดยการไปสถานที่ที่ Joker บอกว่า Rachel อยู่ แต่รู้ทั้งรู้ว่า Joker บอกสถานที่สลับกับ Harvey Dent) และในฉากนี้นี่เองที่ทำให้คนดูรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ Batman แคร์จริง ๆ
แข่งขันต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกับตัวเอก
เราจะแน่ใจอย่างไรว่าตัวร้ายเหมาะกับพระเอกคนไหน ตัวร้ายคนนี้อาจจะไม่เหมาะกับตัวเอกอีกเรื่องหนึ่งก็เป็นได้ John Truby เคยกล่าวไว้ว่า
“มีเพียงการแข่งขันเพื่อเป้าหมายเดียวกันเท่านั้นที่จะบังคับให้พระเอกกับคู่อริเกิดความขัดแย้งโดยตรงและจะเป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่อง” ซึ่งคำกล่าวนี้เองก็เป็นคอนเซปหลักที่จะทำให้เราแน่ใจว่าตัวร้ายใดจะเหมาะกับพระเอกของเรื่อง โดยใน The Dark Knight พวกเขาทั้งคู่ก็ต่างมีจุดประสงค์เดียวกันนั่นคืออยากให้ Gotham เป็นเหมือนที่ตนต้องการ Batman ต่อสู้เพื่อให้ Gotham ปราศจากอาชญากรรม เพื่อกฎหมายและการจัดระเบียบ ขณะที่ Joker ต้องการให้เกิดความโกลาหลที่เมือง Gotham ซึ่งในฉากสุดท้ายสิ่งที่ Joker พูดถึงก็การันตีเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
“นายคงไม่คิดว่าฉันจะยอมเดิมพันในการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณเมือง Gotham ด้วยศึกกำปั้นกับนายหรอกนะ”
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นแค่วิธีการสร้างตัวร้ายให้โดนใจใครหลายคนอย่าง Joker แต่ยังเป็นวิธีการทำให้ตัวเอกแบบ Batman โดดเด่นขึ้นอีกด้วย เปรียบดั่งคำไทยที่ว่า “ความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฎ”
วิเคราะห์! สาเหตุที่ทำให้ Joker ใน The Dark Knight เป็นวายร้ายตลอดกาล
หากพูดถึงวายร้ายตลอดกาลที่บรรดาคอหนังชื่นชอบเป็นพิเศษ เชื่อว่าต้องมีชื่อของ Joker เวอร์ชั่น Heath Ledger อยู่ในอันดับต้น ๆ เป็นแน่ ซึ่งทางช่อง YouTube ของ Lessons from the Screenplay ก็ได้วิเคราะห์ถึงวิธีการสร้าง Joker ของ Christopher Nolan จนกลายเป็นวายร้ายขวัญใจมหาชนเอาไว้ดังนี้
เป็นวายร้ายที่โจมตีจุดอ่อนของตัวเอกได้เป็นอย่างดี
Robert McKee นักเขียนหนังสือชื่อดังเคยกล่าวไว้ว่า “ตัวเอกและเรื่องราวของเขาจะน่าสนใจและสะเทือนอารมณ์เท่าที่ตัวร้ายได้สร้างให้เป็น” ดังนั้นตัวร้ายต้องเป็นคนที่ทรงพลัง ยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้นเท่าไร เรื่องราวของตัวเอกก็จะยิ่งน่าสนใจขึ้นเท่านั้น คำถามก็คือจะทำให้วายร้ายเก่งกาจแบบไหน John Truby นักเขียนอีกคนหนึ่งได้คิดค้นวิธีการที่จะทำให้ตัวร้ายในเรื่องเก่งกาจและน่าสนใจเอาไว้ว่า “จงสร้างศัตรูที่เชี่ยวชาญในการโจมตีจุดอ่อนที่สุดของพระเอก” ซึ่งใน The Dark Knight ตัวละคร Joker ก็เป็นเหมือนที่ John Truby ได้กล่าวไว้ ความสามารถของ Batman ส่วนมากมาจากวิธีการขู่ให้กลัวด้วยพละกำลัง แต่ Joker ก็ได้สร้างสถานการณ์ที่ทำให้พละกำลังของแบทแมนไม่มีค่าได้ เช่น ตอนที่ Joker จับ Rachel และ Harvey Dent เขาทำให้กำลังของ Batman กลายเป็นจุดอ่อนไปได้ในทันที
นอกจากนี้ Joker ยังรู้กฎของ Batman อีกด้วยว่า ‘ไม่ฆ่าคน’ ซึ่งกฎนี้นี่เองก็เป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของ Batman เพราะวิธีการเดียวที่จะหยุด Joker ได้นั้นคือการฆ่า Joker ทิ้งซะ แต่อย่างไรก็ตามแผนการ Joker ก็ไม่ใช่การกำจัด Batman แต่คือการทำเมือง Gotham ให้โกลาหลแบบที่เขาต้องการ
กดดันตัวเอกด้วยทางเลือกที่ยากจะตัดสินใจ
Robert McKee นักเขียนเจ้าเดิมได้กล่าวไว้ว่า “ตัวตนที่แท้จริงของตัวละครจะเปิดเผยออกมาผ่านทางเลือกที่ตัดสินใจทำภายใต้ความกดดัน ยิ่งมีความกดดันมากเท่าไร ก็ยิ่งเปิดเผยธาตุแท้ของตัวละครมากขึ้นเท่านั้น” เพราะฉะนั้นในทุก ๆ ครั้งที่ Joker ทำอะไรสักอย่างมักจะไปกดดันให้ Batman ยากจะตัดสินใจอยู่เสมอ และทางเลือกที่เขาได้ตัดสินใจลงไปนั้นก็จะเปิดเผยธาตุแท้ของ Batman ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งใน The Dark Knight วายร้ายอย่าง Joker ก็ได้กดดัน Batman ตั้งแต่เริ่มเรื่อง โดยให้บุรุษรัตติกาลเปิดเผยตัวตนมิฉะนั้นจะมีประชาชนตายในทุก ๆ วัน ซึ่งตอนแรก Batman ก็ปฏิเสธที่จะทำตาม แต่ Joker ก็ไม่หยุดฆ่าคนอื่น ๆ ทำให้ผู้คนใน Gotham เริ่มต่อต้านการกระทำของ Batman ซึ่งผลักดันให้ Bruce Wayne อยากเปิดเผยความจริง แต่ Harvey Dent กลับชิ่งบอกว่าตนเป็น Batman ไปซะก่อน
อีกหนึ่งสถานการณ์ที่ทำให้ Batman เปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองก็คือตอนที่ Joker กดดัน Batman ให้เลือกช่วยระหว่าง Harvey Dent และ Rachel ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าสุดท้าย Batman ก็เลือกช่วยผู้ผดุงความยุติธรรมที่เขามองว่าเป็นอนาคตของ Gotham มากกว่าคนรัก (โดยการไปสถานที่ที่ Joker บอกว่า Rachel อยู่ แต่รู้ทั้งรู้ว่า Joker บอกสถานที่สลับกับ Harvey Dent) และในฉากนี้นี่เองที่ทำให้คนดูรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ Batman แคร์จริง ๆ
แข่งขันต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกับตัวเอก
เราจะแน่ใจอย่างไรว่าตัวร้ายเหมาะกับพระเอกคนไหน ตัวร้ายคนนี้อาจจะไม่เหมาะกับตัวเอกอีกเรื่องหนึ่งก็เป็นได้ John Truby เคยกล่าวไว้ว่า “มีเพียงการแข่งขันเพื่อเป้าหมายเดียวกันเท่านั้นที่จะบังคับให้พระเอกกับคู่อริเกิดความขัดแย้งโดยตรงและจะเป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่อง” ซึ่งคำกล่าวนี้เองก็เป็นคอนเซปหลักที่จะทำให้เราแน่ใจว่าตัวร้ายใดจะเหมาะกับพระเอกของเรื่อง โดยใน The Dark Knight พวกเขาทั้งคู่ก็ต่างมีจุดประสงค์เดียวกันนั่นคืออยากให้ Gotham เป็นเหมือนที่ตนต้องการ Batman ต่อสู้เพื่อให้ Gotham ปราศจากอาชญากรรม เพื่อกฎหมายและการจัดระเบียบ ขณะที่ Joker ต้องการให้เกิดความโกลาหลที่เมือง Gotham ซึ่งในฉากสุดท้ายสิ่งที่ Joker พูดถึงก็การันตีเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี “นายคงไม่คิดว่าฉันจะยอมเดิมพันในการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณเมือง Gotham ด้วยศึกกำปั้นกับนายหรอกนะ”
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นแค่วิธีการสร้างตัวร้ายให้โดนใจใครหลายคนอย่าง Joker แต่ยังเป็นวิธีการทำให้ตัวเอกแบบ Batman โดดเด่นขึ้นอีกด้วย เปรียบดั่งคำไทยที่ว่า “ความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฎ”