คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อาการ
- เวลาเครียด เหนื่อย หิว โกรธ จะมือสั่น หายใจไม่ค่อยออก บางทีก็มีเสียงวี่ๆ ในหัว เป็นไมเกรนตั้งแต่ม.5
- รู้สึกหายใจไม่อิ่ม หายใจไม่ค่อยออก หายใจถี่ บางทีก็หัวใจเต้นเร็ว ผิดจังหวะ รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
- เวลานอนตอนกลางคืน ถ้าตื่นมาเข้าห้องน้ำจะกลับมานอนไม่ค่อยหลับ ไปหลับอีกทีตอนเช้า เพราะตื่นมาแล้วก็คิดไปเรื่อยจนเพลียแล้วค่อยหลับ
- บางวันนอนเยอะ แต่ยังเพลียอยู่ บางวันนอนน้อย ไม่ง่วง ไม่เพลีย แต่ปวดหัวตลอดเวลา
- บางทีก็กินน้อย บางทีก็กินเยอะ กินไม่ตรงเวลา พยายามกินให้ตรงเวลา แต่ส่วนใหญ่จะกินน้อย น้ำหนักลดลงมา 5 กิโล ประมาณ 3 ปีก่อน ตอนย้ายบ้านได้ 2 ปี
- ถ้าออกกำลังกาย จะอารมณ์ดี แต่พอรู้ว่าตัวเองอารมณ์ดี ก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ พอหยุดเลยเหนื่อยมาก
- เวลาทำงานแล้วรู้สึกเครียด หรือเบื่อ จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นทันที ถ้าทำต่อจะเครียด
- บางทีจะทำหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ทำงาน เล่นเกม ฟังเพลง เล่นเฟส อ่านเน็ต นั่งเต้น
- บางทีพูดช้า พูดไม่เป็นประโยค คำสลับกัน บางทีก็พูดเร็วมาก จนคนอื่นฟังไม่ทัน
- ถ้าเครียดน้อยๆ จะเริ่มเบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออก หรือตอนอารมณ์ดี ก็จะเคลิ้มๆ แล้วก็เบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนกัน ถ้ารู้ตัวเอง แล้วฝืนไม่เบลอ จะมีปวดหัวแทน
- ลืมง่าย เวลาเดินจะไปทำอย่างอื่นบางทีก็ลืมว่าจะต้องทำอะไรต่อ
- ถ้าของไม่ได้อยู่ที่เดิม จะพยายามหาให้เจอ (บางทีเราก็เป็นคนย้ายที่เอง) ถ้าหาไม่เจอจะหงุดหงิด
- บางทีถ้าของไม่เป็นระเบียบจะหงุดหงิด จะพยายามจัดให้ตรงที่สุด แต่บางทีก็ปล่อยรกไว้ ไม่สนใจ
- ถ้าได้อ่าน ฟังธรรมะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จะอารมณ์ดี หรือไม่ก็นิ่ง พยายามทำทุกวัน เพราะคิดว่าช่วยได้
- แต่ถ้าอ่านพวกข้อคิด How to บางทีจะรู้สึกอึดอัด
- เวลาโดนขัดจะหงุดหงิด รำคาญง่าย แต่พอเรากำลังตั้งสมาธิทำอะไรสักอย่างอยู่ แล้วไม่ได้สนใจที่อีกฝ่ายพูด คือได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง อีกฝ่ายก็จะพูดเสียงดังขึ้น ทำให้เราหงุดหงิดหรือรำคาญมากกว่าเดิม
- เวลาโดนกดดัน เวลาโกรธ เวลาเศร้า หรือมีความสุขมากๆ จะน้ำตาซึมออกมาเอง แต่ถ้าเสียใจมากๆ จะร้องไห้เสียงดัง จนกว่าจะเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง บางทีก็ร้องเป็นชั่วโมง หยุดแล้วร้องไห้ใหม่ จนกว่าจะเหนื่อยสุดๆ
- ถ้าได้ระบายออกมาจะรู้สึกสบายใจ วิธีที่ทำส่วนใหญ่คือการคุยกับตัวเอง เป็นคำพูด หรือไม่ก็เขียนออกมา เพราะสามารถย้อนกลับไปอ่านและทบทวนตัวเองได้
- เวลาพูดหรือพิมพ์คุยข้อความกับคนอื่นจะใส่อารมณ์มากเกินไป เวลาพูดจะเสียงดัง เวลาพิมพ์ก็จะใส่อารมณ์มากเกินไป จนอีกฝ่ายเหนื่อยที่จะรับฟัง
- เวลาคุยกับคนอื่นตอนที่เครียดจัดจะพูดไม่รู้เรื่อง พูดไปร้องไห้ไป จนบางทีก็เปลี่ยนเป็นร้องไห้อย่างเดียว
- คุยกับคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวไม่ได้ เพราะเขาไม่เข้าใจเรา เขาพยายามให้เรามองโลกในแง่ดี ทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่คิดวนไปวนมา ไม่ชอบให้เราทำในสิ่งที่ชอบ (งานอดิเรก) เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์
- คนใกล้ตัวชอบคิดว่าเราโกหกว่าไม่สบาย เพราะวันนี้แข็งแรง ปกติ ทำงานเยอะ พออีกวันปวดหัว ไม่มีแรง หายใจไม่ออก นอนอย่างเดียว ถ้าฝืนทำจะหงุดหงิดมาก ต้องหาอะไรที่ชอบทำพร้อมๆ กันไปด้วย เพื่อจะได้ทำงานได้
- เวลาเครียด เหนื่อย หิว โกรธ จะมือสั่น หายใจไม่ค่อยออก บางทีก็มีเสียงวี่ๆ ในหัว เป็นไมเกรนตั้งแต่ม.5
- รู้สึกหายใจไม่อิ่ม หายใจไม่ค่อยออก หายใจถี่ บางทีก็หัวใจเต้นเร็ว ผิดจังหวะ รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
- เวลานอนตอนกลางคืน ถ้าตื่นมาเข้าห้องน้ำจะกลับมานอนไม่ค่อยหลับ ไปหลับอีกทีตอนเช้า เพราะตื่นมาแล้วก็คิดไปเรื่อยจนเพลียแล้วค่อยหลับ
- บางวันนอนเยอะ แต่ยังเพลียอยู่ บางวันนอนน้อย ไม่ง่วง ไม่เพลีย แต่ปวดหัวตลอดเวลา
- บางทีก็กินน้อย บางทีก็กินเยอะ กินไม่ตรงเวลา พยายามกินให้ตรงเวลา แต่ส่วนใหญ่จะกินน้อย น้ำหนักลดลงมา 5 กิโล ประมาณ 3 ปีก่อน ตอนย้ายบ้านได้ 2 ปี
- ถ้าออกกำลังกาย จะอารมณ์ดี แต่พอรู้ว่าตัวเองอารมณ์ดี ก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ พอหยุดเลยเหนื่อยมาก
- เวลาทำงานแล้วรู้สึกเครียด หรือเบื่อ จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นทันที ถ้าทำต่อจะเครียด
- บางทีจะทำหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ทำงาน เล่นเกม ฟังเพลง เล่นเฟส อ่านเน็ต นั่งเต้น
- บางทีพูดช้า พูดไม่เป็นประโยค คำสลับกัน บางทีก็พูดเร็วมาก จนคนอื่นฟังไม่ทัน
- ถ้าเครียดน้อยๆ จะเริ่มเบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออก หรือตอนอารมณ์ดี ก็จะเคลิ้มๆ แล้วก็เบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนกัน ถ้ารู้ตัวเอง แล้วฝืนไม่เบลอ จะมีปวดหัวแทน
- ลืมง่าย เวลาเดินจะไปทำอย่างอื่นบางทีก็ลืมว่าจะต้องทำอะไรต่อ
- ถ้าของไม่ได้อยู่ที่เดิม จะพยายามหาให้เจอ (บางทีเราก็เป็นคนย้ายที่เอง) ถ้าหาไม่เจอจะหงุดหงิด
- บางทีถ้าของไม่เป็นระเบียบจะหงุดหงิด จะพยายามจัดให้ตรงที่สุด แต่บางทีก็ปล่อยรกไว้ ไม่สนใจ
- ถ้าได้อ่าน ฟังธรรมะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จะอารมณ์ดี หรือไม่ก็นิ่ง พยายามทำทุกวัน เพราะคิดว่าช่วยได้
- แต่ถ้าอ่านพวกข้อคิด How to บางทีจะรู้สึกอึดอัด
- เวลาโดนขัดจะหงุดหงิด รำคาญง่าย แต่พอเรากำลังตั้งสมาธิทำอะไรสักอย่างอยู่ แล้วไม่ได้สนใจที่อีกฝ่ายพูด คือได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง อีกฝ่ายก็จะพูดเสียงดังขึ้น ทำให้เราหงุดหงิดหรือรำคาญมากกว่าเดิม
- เวลาโดนกดดัน เวลาโกรธ เวลาเศร้า หรือมีความสุขมากๆ จะน้ำตาซึมออกมาเอง แต่ถ้าเสียใจมากๆ จะร้องไห้เสียงดัง จนกว่าจะเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง บางทีก็ร้องเป็นชั่วโมง หยุดแล้วร้องไห้ใหม่ จนกว่าจะเหนื่อยสุดๆ
- ถ้าได้ระบายออกมาจะรู้สึกสบายใจ วิธีที่ทำส่วนใหญ่คือการคุยกับตัวเอง เป็นคำพูด หรือไม่ก็เขียนออกมา เพราะสามารถย้อนกลับไปอ่านและทบทวนตัวเองได้
- เวลาพูดหรือพิมพ์คุยข้อความกับคนอื่นจะใส่อารมณ์มากเกินไป เวลาพูดจะเสียงดัง เวลาพิมพ์ก็จะใส่อารมณ์มากเกินไป จนอีกฝ่ายเหนื่อยที่จะรับฟัง
- เวลาคุยกับคนอื่นตอนที่เครียดจัดจะพูดไม่รู้เรื่อง พูดไปร้องไห้ไป จนบางทีก็เปลี่ยนเป็นร้องไห้อย่างเดียว
- คุยกับคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวไม่ได้ เพราะเขาไม่เข้าใจเรา เขาพยายามให้เรามองโลกในแง่ดี ทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่คิดวนไปวนมา ไม่ชอบให้เราทำในสิ่งที่ชอบ (งานอดิเรก) เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์
- คนใกล้ตัวชอบคิดว่าเราโกหกว่าไม่สบาย เพราะวันนี้แข็งแรง ปกติ ทำงานเยอะ พออีกวันปวดหัว ไม่มีแรง หายใจไม่ออก นอนอย่างเดียว ถ้าฝืนทำจะหงุดหงิดมาก ต้องหาอะไรที่ชอบทำพร้อมๆ กันไปด้วย เพื่อจะได้ทำงานได้
แสดงความคิดเห็น
สงสัยว่าตัวเองเป็นไบโพล่าร์?
หรือถ้าอยู่คนเดียวแล้วคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์ก็จะเปลี่ยนอีกเหมือนกัน
...เมื่อก่อนที่บ้านใช้ความรุนแรงเวลามีปัญหา เริ่มจากมีปากมีเสียงกันก่อน
พอโต้เถียงกันไปสักพักอารมณ์ก็เริ่มรุนแรงขึ้น ก็จะเริ่มปาข้าวของ บางทีก็ปาใส่กัน
ตอนปิดเทอมตอนประถมคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้ทำ
เพราะโดนแม่ด่าเกือบทุกวัน ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเลย แค่ทำงานบ้านผิด
หรือว่าทำไม่เสร็จตามที่เขาต้องการ ซึ่งบางทีก็ไม่ได้สั่ง ทำไปเยอะมากแล้ว แต่ก็เหลือแค่อันเดียว ก็โดนด่าแรงๆ ได้
...เคยมีประสบการณ์ฆ่าตัวตายตอนม.5 เป็นช่วงที่พ่อเพิ่งป่วยเป็นอมพฤกษ์ เราทะเลาะกับแม่เรื่องการดูแลพ่อ
คือตอนนั้นเราเหนื่อยมาก ทั้งเรียนในโรงเรียน เรียนพิเศษธรรมดา กับเรียนพิเศษเตรียมเอ็นเข้ามหาวิทยาลัย
การบ้าน งานกิจกรรมในโรงเรียนเยอะกว่าทุกชั้นปี แล้วพ่อวันหยุดแม่ก็อยากให้ช่วยดูแลพ่อ ซึ่งเราดูแลเท่าที่เราทำได้แล้ว
แต่เราเหนื่อยมากแล้ว เราอยากพัก แม่ก็บอกให้ไปทำต่อ แต่เราคิดว่าเรื่องไม่สำคัญ รอได้ (คือให้ไปตัดเล็บพ่อ)
เราบอกแม่ว่าขนาดตัวเองยังไม่ได้ตัดเล็บเลย ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ดูแลตัวเองอะไรสักอย่าง เรื่องแค่นั้นก็ปล่อยไปก่อนก็ได้
แม่ก็เหมือนไม่ยอม เลยทะเลาะกัน แม่ขึ้นไปข้างบน ส่วนเรานอนร้องไห้อยู่ชั้นล่าง แล้วก็เกิดความคิดอยากจะตายขึ้นมา
เลยไปเอายาลดความดันของพ่อมากิน 6 เม็ด แล้วก็นอนหลับไปหวังว่าไม่ต้องตื่นมาอีก ไม่อยากเป็นภาระให้ใครอีก
แต่แม่ก็ลงมาปลุกให้ไปกินนมและไปนอนข้างบน เราก็ลุกขึ้นมาทรุดลงไปกับพื้น เพราะมึนมาก ก่อนจะนอนก็อ้วกออกมาทางหน้าต่างชั้นบนเลยรอด
...พอโตขึ้นมาก็ต้องย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัดเราก็เครียดแทบทุกวัน ที่บ้านทะเลาะกันเกือบทุกวันประมาณ 2 ปี
ผลัดกันทะเลาะระหว่างเรากับแม่ พี่กับแม่ เรื่องงาน ตอนกลางคืนก็คุยเรื่องงาน ประมาณเที่ยงคืนกว่าแล้วก็ไม่นอนกัน
เพราะนอนห้องเดียวกัน บางทีก็เผลอคุยตาม เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเก่าก็เป็นแบบนั้น แต่เราชอบขึ้นไปนอนเป็นคนสุดท้ายหลังจากที่คนอื่นหลับไปแล้ว
จะได้นอนอย่างเดียว ไม่ต้องฟังเรื่องเครียดๆ อีก
...เคยมีประสบการณ์วางแผนฆ่าตัวตายอีกครั้งเมื่อปีต้นเดือน ส.ค. 2558 ทะเลาะอะไรกับแม่ไม่รู้จำไม่ได้ เหมือนครั้งนั้นจะรุนแรง
ก็เลยคิดว่าจะใช้เชือกผูกคอ แต่ดันไม่สำเร็จ เชือกติดลวด ก็เลยคิดว่ากลับกทม.พรุ่งนี้ไปหาหมอดีกว่า แต่พอได้ไปหาหมอเราก็อารมณ์ดี
เพราะคิดว่ารอดแล้ว ไม่ต้องกลับไปฆ่าตัวตายแล้ว เรามั่นใจกับตัวเอง คิดว่าทำถูกแล้ว คนรอบข้างเหมือนเขางงว่าเรามาแผนกนี้ทำไม
เพราะคนอื่นพอจะที่ดูออกว่าป่วย พอคุยกับหมอ เราก็เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ มีเสียงสั่น น้ำตาคลอบ้างนิดหน่อย
หมอถามคำถามคล้ายๆ วัดไอคิวอะไรสักอย่างจำไม่ค่อยได้ เราก็ตอบได้หมด เราถามหมอว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า
หมอบอกว่าที่เราพูดมาดูเหมือนเป็นกลุ่มอาการ แต่ยังไม่ใช่โรคซึมเศร้า หมอจ่ายยาแก้เครียด ซึ่งเป็นยานอนหลับให้เรา
เราไม่ได้ไปตามนัดต่อ เพราะเราไม่ได้บอกที่บ้านว่าเราเข้ากทม.มาหาจิตแพทย์ เราบอกว่าเรามาแก้เครียด
แล้วเราก็คิดว่าไม่ได้เป็นอะไร เราไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า แค่อยู่ในภาวะซึมเศร้าเฉยๆ
หมอยังบอกอีกว่าเราอาจมีอาการ PMS ร่วมด้วย เพราะช่วงไหนมีประจำเดือนเราจะเศร้าง่ายมาก คิดอยากตาย ร้องไห้ได้เป็นชั่วโมงๆ
แล้วเราเคยอ่านมาว่า PMS มีอาการประมาณนี้ เราคิดว่าอาจจะมาหาใหม่ตอนที่เข้ากทม.
...ช่วงที่คิดว่าเป็นไบโพล่าร์แน่ๆ คือ 2 เดือนที่ผ่านมา ตอนไปอยู่กับพ่อแม่ที่กทม. เพราะพ่อป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
และแม่จะซ่อมห้องน้ำกับบ้านหลังเก่า เวลาอยู่กับแม่เราจะเครียดง่าย เราคิดว่าแม่ก็ป่วยด้วยเหมือนกัน
เพราะเขาอารมณ์แปรปรวน และก็รุนแรง แต่จะไม่ซึม คืออารมณ์ดีสลับกับหงุดหงิดและโมโห อาจจะเป็นเพราะวัยทอง
แต่บางเรื่องแม่ก็ไม่ยอมพูดกับเราตรงๆ เหมือนเขากระซิบด่าเรากับตัวเอง พอไปได้ยินแล้วถามเขา ก็หงุดหงิด พอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เขาก็เป็นเหมือนเดิมอีก บางทีก็หาเรื่องแกล้งเราแปลกๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเราหาวิธีแก้เรื่องที่เขาแกล้งได้
เขาก็จะหงุดหงิด หรือไม่ก็ใช้งานมากกว่าเดิม เรารู้สึกอึดอัดมาก บางทีก็หนีไปอยู่ข้างบนทำสิ่งที่ตัวเองชอบหรือไม่ก็นอน จะได้ไม่ต้องคิดอะไร
มีช่วงที่เรานอนทั้งกลางวันและกลางคืน ช่วงที่นอนกลางวันแล้วกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ มีช่วงที่ไม่นอนกลางวัน และกลางคืนก็แทบไม่ได้นอน
แต่ก็ไม่เพลีย คิดฟุ้งซ่านสลับไปมา บางวันอารมณ์ดีทั้งวัน วันต่อมาซึมเศร้าร้องไห้ บางวันสลับกันตอนเช้าอารมณ์ดี กลางคืนเศร้า
บางวันตอนเช้าหงุดหงิด กลางคืนอารมณ์ดี หลังๆ อารมณ์เริ่มเปลี่ยนเป็นนาที เลยคิดว่าใช่ไบโพล่าร์แน่
...ตอนแรกเราคิดแล้วว่าเราจะไปหาหมอเองคนเดียว ไม่บอกคนในครอบครัว เพราะตอนนี้พ่อเป็นมะเร็งอยู่
และที่สำคัญเวลาปรึกษาปัญหาอะไรก็ตามกับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ตัวจะต้องมีเถียงกันหรือไม่ก็ทะเลาะกัน
เราเลยคิดว่าจะหาทางแก้ปัญหาเองคนเดียว แต่ก็ไปปรึกษาเพื่อนที่มีเพื่อนเป็นไบโพล่าร์ เข้าบอกให้เราคุยกับคนในครอบครัว
และจากที่อ่านและหาข้อมูลมา ส่วนใหญ่ก็ทำแบบนั้นกัน เลยตัดสินใจที่จะบอกไป
แต่หลังจากที่ได้คุยกับคนในครอบครัวและคนใกล้ตัวเรื่องไบโพล่าร์แล้ว เขาก็พยายามจะช่วยเรา แต่เรารู้สึกแย่ลงกว่าเดิม
เรารู้สึกว่าพวกเขากดดันให้เราเข้มแข็งด้วยตัวเอง พอเราคิดว่าจะหาทางรักษาเองได้ เพราะไม่อยากทานยา
เนื่องจากหาข้อมูลแล้วมีผลข้างเคียงมาก แล้วเราเคยป่วยทานยาอะไรก็เบลอ ง่วงไปหมด
ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกว่า เขากำลังคิดว่าเราโกหกว่าเป็นไบโพล่าร์ เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
ตอนนี้เราคิดว่าคงต้องกลับไปหาหมอแล้วล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้