สวัสดีพี่น้องชาวพันทิปทุกคนนะคะ
หลังจากที่ได้อ่านเรื่องผี ความเชื่อส่วนบุคคล ประสบการณ์เจอผีมาหลายกระทู้มากมาย วันนี้ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์เห็นผีครั้งนึงในชีวิตที่เคยเจอมากับตัวเองในวัยเด็ก
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเกี่ยวกับการเขียนเรื่องผี หากใช้คำตกหล่นหรือผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมาด้วยนะคะ
บ้านของเราอยู่ทางภาคเหนือ ความเชื่อของคนชาวเหนือนั้นจะผูกติดกับวัฒนธรรมดั้งเดิม บูชาผีปู่ย่า บูชาเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งบ้านเราเองก็เหมือนกัน
ปู่ของเราเป็นปู่จ๋าน(เคยบวชเณรและเป็นผู้กล่าวนำสวดมนต์เรียกชวัญในพิธีที่สำคัญ) ท่านก็นับถือและบูชาผีปู่ย่าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน
ทุกๆวันพระหรือ วันสำคัญต่างๆในปฏิทินล้านนา ท่านก็จะทำกระทง สวยดอกไม้ ที่มีอาหารคาวหวานใส่บนหิ้งที่มีรูปภาพบรรพบุรุษของท่าน
ซึ้งหิ้งที่ปู่เราทำบูชานั้น จะตั้งสูงอยู่บนหัวที่นอนของท่าน ติดกับเสาบ้าน มียันต์แปะไว้ด้วย เราก็ไม่รู้ว่าเป็นยันต์อะไร
ด้วยความเป็นเด็กของเราในสมัยก่อน ซึ่งปกติเราก็จะไม่ทำพิเรนๆแบนี้ เราไม่รู้เรื่อง เราก็ซน อยากรู้อยากเห็น แต่เราก็เชื่อเรื่องผีเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นนะ
เราอยากลองดูว่าข้างในกระทงมีอะไร เราก็เอาเก้าอี้มาวางและยืนบนเก้าอี้นั่นไปหยิบขนมในกระทงมาดูเล่นและก็ดันปากเสียพูดว่า
"ผีปู่ผีย่าปั๋นเลขปั๋นหวยหลานตวยเน้อ" (ผีปู่ผีย่ามาบอกเลขหนูหน่อย) แล้วเราก็หัวเราะในใจอ้ะ คิดว่าท่านไม่มาหรอก ท่าคงไปเกิดแล้วแหล้ะ
เราก็เอาขนมวางไว้ในกระทงเหมือนเดิม.......
ช่วงเย็นๆวันนั้นเราก็ไปช่วยแม่ทำกับข้าวในห้องครัว ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างหนาวแล้ว มืดสลัว นกก็จะบินกลับรังของมัน คนเฒ่าคนแก่บอกเราเสมอว่าได้ยินเสียงอะไรอย่าไปทัก เสียงนก เสียงสัตว์ต่างๆก็ตาม แต่เราก็ลืมตรงนี้ไป เราได้ยินเสียงนกอะไรไม่รู้ มันร้องน่ากลัว มันไม่ใช้นกแสกนะ
แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันหลอนๆ มันไม่ใช่นกธรรมดา เราก็ทักไปประมานว่า จะร้องหาอะไรกัน เราก็พูดแบบนี้ออกปากเลย แม่เราก็บอกว่า "เปิ้นว่าไปดีตัก มันบ่ดี" (อย่าทักมันไม่ดี) แต่เราก็ไม่สนใจเท่าไหร่นะคิดว่าคงไม่มีอะไร
....................
.....................
.....................................
ตกดึกคืนนั้นเราก็เข้านอนคนเดียวตามปกติ ไม่ได้นอนกับพ่อแม่ เราก็เป็นคนใจกล้าคนนึงนะ ถามว่ากลัวผีไหมก็กลัวอยู่เหมือนกัน
เราไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน เราอ่านหนังสือเสร็จ เราก็ปิดไฟนอนเลย หลับไปหลับมามันก็หลับไม่ได้ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนมีคนเรียกอยู่ข้างนอกบ้าน
โสตประสาทของเรามันวิ้งๆ มันหมุนเหมือนเมาหัวเวลาหลับตา เราว่าเราต้องเป็นอะไรสักอย่าง ใจคอตอนนั้นก็คิดว่าเอาน่า เด่วมันก็หลับ
แต่มันก็ไม่สามารถหลับได้เลย บนหัวนอนของเราเราจะเป็นหน้าต่างถ้ายื่นหน้าออกไปก็จะเห็นหน้าบ้านเลย ห้องที่เรานอนก็เป็นห้องที่ปู่กับย่าเรานอน
มีแค่ตู้เสื้อผ้ากั้นไว้ แต่เพราะย่าป่วยท่านจึงย้ายไปนอนชั้นล่างของบ้าน หิ้งผีปู่ย่าที่ปู่เราบูชาก็อยู่ในห้องนี้เหมือนกัน
แต่เราก็เหมือนได้ยินคนเรียก มีเสียงวิ้งๆตลอด เราเริ่มกลัวทันที คิดว่าน่าจะมาจากที่เราทักนกตัวนั้นใช่แน่นอน
เราอดไม่ไหว แต่เราก็ไม่กล้าลุกไปเพราะความกลัวมันเข้ามาอยู่ในหัวของเราแล้วตอนนี้ เรานอนร้องไห้เอาผ้าห่มคลุมหัวไปด้วย
หายใจก็ไม่ออก เหงื่อก็เริ่มไหลออกมาเพราะมันร้อน จนทนไม่ไหวจริงๆ เราลุกจากที่นอนไปเปิดประตูแล้ววิ้งไปเคาะประตูเรียกพ่อกับแม่ขอนอนด้วย
ท่านก็ถามเราว่าเป็นอะไร แต่เราไม่ตอบ เราส่ายหัวและร้องไห้อย่างเดียว ด้วยความที่พ่อเราเป็นคนดุและอยากนอนด้วยมั้ง จึงไล่เรากลับห้องไปแต่แม่มานอนด้วยกับเราที่ห้องแทน
เราก็โล่งใจขึ้นมาทันที แต่ใช่ว่าจะนอนได้ มันก็ยังมีเสียงวิ้งๆวั้งๆในหัว เสียงคนเรียกจากที่ไกลๆ มันไม่ยอมหายซักที
เรากอดแม่ ในใจเราตอนนั้นคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราท่องบทสวดอิติปิโสในใจ แต่ยิ่งท่องเหมือนมันยิ่งสะใจ มันเรียกเราอีก
เราไม่ได้คิดไปเองนะ มันนอนไม่ได้จริงๆ
......... จนสุดท้ายเรานึกถึงบุญพ่อบุญแม่ เราอธิษฐานประมาณว่าขอให้บุญพ่อแม่ปกปักรักษาอย่าให้สิ่งที่ไม่ดีมาทำอะไรเรา ...................
แล้วเราก็รู้สึกว่าเหมือนเสียงนั้นค่อยๆหายไป เสียงวิ้งๆในหูก็เริ่มหายไปเช่นกัน จนเราสามารถนอนได้ในที่สุด
.................................
................................แต่ใช่ว่าจะจบแค่นั้นนะ
เราฝันเห็นผู้หญิงผู้ชายแก่ๆ แต่งตัวเหมือนเราเคยเห็นที่ไหนซักที เรียกให้เราเข้าบ้านและมาจูงมือเรา ทีแรกก็ไม่ยอมไปด้วย แต่เราเห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆน่ากลัวมาไล่เรา เราก็รีบวิ่งทันที แต่วิ่งในความฝันนี้เหนื่อยมากๆวิ่งเท่าไหร่ก็เหมือนไปไม่ถึงแกสองคนนั้นไม่ถึงหน้าบ้านซักที เราเหมือนจะตาย
แกสองคนรีบคว้าเราเข้าบ้าน และทำท่าเหมือนด่าเหมือนสอนเรา แต่ไม่มีเสียงพูดนะ
เราก็สะดุ้งตื่นเพราะแม่ลุกมาห่มผ้าเรา ตอนนั้นเราเหงื่ออกเต็มตัว สรุปว่าตกดึกคืนนั้นเราเป็นไข้โดยไม่มีสาเหตุทั้งที่ตอนกลางวันก็ยังดีๆอยู่
...............
...........................
.......................... เราตื่นมาพร้อมสภาพเด็กน้อยที่เป็นไข้ แต่วันนั้นเป็นวันเสาร์เราไม่ได้ไปโรงเรียน แม่ก็หายาหาข้าวมาให้เรากิน
เราอดคิดไม่ได้ว่า คนแก่ๆสองคนนั้นเเป็นใคร เหมือนเคยเห็นคุ้นตา เรากนข้าวเสร็จก็ขึ้นไปบนห้องเพื่อจะนอนต่อ
แต่สายตาของเรามันมัดไปที่หิ้งบูชาของปู่เรา ภาพคนแก่ๆสองคนนั้น................. คือผีปู่ย่าเรานี้เอง
ประสบการณ์หลอนที่เจอกับตัวเอง.
หลังจากที่ได้อ่านเรื่องผี ความเชื่อส่วนบุคคล ประสบการณ์เจอผีมาหลายกระทู้มากมาย วันนี้ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์เห็นผีครั้งนึงในชีวิตที่เคยเจอมากับตัวเองในวัยเด็ก
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเกี่ยวกับการเขียนเรื่องผี หากใช้คำตกหล่นหรือผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมาด้วยนะคะ
บ้านของเราอยู่ทางภาคเหนือ ความเชื่อของคนชาวเหนือนั้นจะผูกติดกับวัฒนธรรมดั้งเดิม บูชาผีปู่ย่า บูชาเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งบ้านเราเองก็เหมือนกัน
ปู่ของเราเป็นปู่จ๋าน(เคยบวชเณรและเป็นผู้กล่าวนำสวดมนต์เรียกชวัญในพิธีที่สำคัญ) ท่านก็นับถือและบูชาผีปู่ย่าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน
ทุกๆวันพระหรือ วันสำคัญต่างๆในปฏิทินล้านนา ท่านก็จะทำกระทง สวยดอกไม้ ที่มีอาหารคาวหวานใส่บนหิ้งที่มีรูปภาพบรรพบุรุษของท่าน
ซึ้งหิ้งที่ปู่เราทำบูชานั้น จะตั้งสูงอยู่บนหัวที่นอนของท่าน ติดกับเสาบ้าน มียันต์แปะไว้ด้วย เราก็ไม่รู้ว่าเป็นยันต์อะไร
ด้วยความเป็นเด็กของเราในสมัยก่อน ซึ่งปกติเราก็จะไม่ทำพิเรนๆแบนี้ เราไม่รู้เรื่อง เราก็ซน อยากรู้อยากเห็น แต่เราก็เชื่อเรื่องผีเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นนะ
เราอยากลองดูว่าข้างในกระทงมีอะไร เราก็เอาเก้าอี้มาวางและยืนบนเก้าอี้นั่นไปหยิบขนมในกระทงมาดูเล่นและก็ดันปากเสียพูดว่า
"ผีปู่ผีย่าปั๋นเลขปั๋นหวยหลานตวยเน้อ" (ผีปู่ผีย่ามาบอกเลขหนูหน่อย) แล้วเราก็หัวเราะในใจอ้ะ คิดว่าท่านไม่มาหรอก ท่าคงไปเกิดแล้วแหล้ะ
เราก็เอาขนมวางไว้ในกระทงเหมือนเดิม.......
ช่วงเย็นๆวันนั้นเราก็ไปช่วยแม่ทำกับข้าวในห้องครัว ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างหนาวแล้ว มืดสลัว นกก็จะบินกลับรังของมัน คนเฒ่าคนแก่บอกเราเสมอว่าได้ยินเสียงอะไรอย่าไปทัก เสียงนก เสียงสัตว์ต่างๆก็ตาม แต่เราก็ลืมตรงนี้ไป เราได้ยินเสียงนกอะไรไม่รู้ มันร้องน่ากลัว มันไม่ใช้นกแสกนะ
แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันหลอนๆ มันไม่ใช่นกธรรมดา เราก็ทักไปประมานว่า จะร้องหาอะไรกัน เราก็พูดแบบนี้ออกปากเลย แม่เราก็บอกว่า "เปิ้นว่าไปดีตัก มันบ่ดี" (อย่าทักมันไม่ดี) แต่เราก็ไม่สนใจเท่าไหร่นะคิดว่าคงไม่มีอะไร
....................
.....................
.....................................
ตกดึกคืนนั้นเราก็เข้านอนคนเดียวตามปกติ ไม่ได้นอนกับพ่อแม่ เราก็เป็นคนใจกล้าคนนึงนะ ถามว่ากลัวผีไหมก็กลัวอยู่เหมือนกัน
เราไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน เราอ่านหนังสือเสร็จ เราก็ปิดไฟนอนเลย หลับไปหลับมามันก็หลับไม่ได้ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนมีคนเรียกอยู่ข้างนอกบ้าน
โสตประสาทของเรามันวิ้งๆ มันหมุนเหมือนเมาหัวเวลาหลับตา เราว่าเราต้องเป็นอะไรสักอย่าง ใจคอตอนนั้นก็คิดว่าเอาน่า เด่วมันก็หลับ
แต่มันก็ไม่สามารถหลับได้เลย บนหัวนอนของเราเราจะเป็นหน้าต่างถ้ายื่นหน้าออกไปก็จะเห็นหน้าบ้านเลย ห้องที่เรานอนก็เป็นห้องที่ปู่กับย่าเรานอน
มีแค่ตู้เสื้อผ้ากั้นไว้ แต่เพราะย่าป่วยท่านจึงย้ายไปนอนชั้นล่างของบ้าน หิ้งผีปู่ย่าที่ปู่เราบูชาก็อยู่ในห้องนี้เหมือนกัน
แต่เราก็เหมือนได้ยินคนเรียก มีเสียงวิ้งๆตลอด เราเริ่มกลัวทันที คิดว่าน่าจะมาจากที่เราทักนกตัวนั้นใช่แน่นอน
เราอดไม่ไหว แต่เราก็ไม่กล้าลุกไปเพราะความกลัวมันเข้ามาอยู่ในหัวของเราแล้วตอนนี้ เรานอนร้องไห้เอาผ้าห่มคลุมหัวไปด้วย
หายใจก็ไม่ออก เหงื่อก็เริ่มไหลออกมาเพราะมันร้อน จนทนไม่ไหวจริงๆ เราลุกจากที่นอนไปเปิดประตูแล้ววิ้งไปเคาะประตูเรียกพ่อกับแม่ขอนอนด้วย
ท่านก็ถามเราว่าเป็นอะไร แต่เราไม่ตอบ เราส่ายหัวและร้องไห้อย่างเดียว ด้วยความที่พ่อเราเป็นคนดุและอยากนอนด้วยมั้ง จึงไล่เรากลับห้องไปแต่แม่มานอนด้วยกับเราที่ห้องแทน
เราก็โล่งใจขึ้นมาทันที แต่ใช่ว่าจะนอนได้ มันก็ยังมีเสียงวิ้งๆวั้งๆในหัว เสียงคนเรียกจากที่ไกลๆ มันไม่ยอมหายซักที
เรากอดแม่ ในใจเราตอนนั้นคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราท่องบทสวดอิติปิโสในใจ แต่ยิ่งท่องเหมือนมันยิ่งสะใจ มันเรียกเราอีก
เราไม่ได้คิดไปเองนะ มันนอนไม่ได้จริงๆ
......... จนสุดท้ายเรานึกถึงบุญพ่อบุญแม่ เราอธิษฐานประมาณว่าขอให้บุญพ่อแม่ปกปักรักษาอย่าให้สิ่งที่ไม่ดีมาทำอะไรเรา ...................
แล้วเราก็รู้สึกว่าเหมือนเสียงนั้นค่อยๆหายไป เสียงวิ้งๆในหูก็เริ่มหายไปเช่นกัน จนเราสามารถนอนได้ในที่สุด
.................................
................................แต่ใช่ว่าจะจบแค่นั้นนะ
เราฝันเห็นผู้หญิงผู้ชายแก่ๆ แต่งตัวเหมือนเราเคยเห็นที่ไหนซักที เรียกให้เราเข้าบ้านและมาจูงมือเรา ทีแรกก็ไม่ยอมไปด้วย แต่เราเห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆน่ากลัวมาไล่เรา เราก็รีบวิ่งทันที แต่วิ่งในความฝันนี้เหนื่อยมากๆวิ่งเท่าไหร่ก็เหมือนไปไม่ถึงแกสองคนนั้นไม่ถึงหน้าบ้านซักที เราเหมือนจะตาย
แกสองคนรีบคว้าเราเข้าบ้าน และทำท่าเหมือนด่าเหมือนสอนเรา แต่ไม่มีเสียงพูดนะ
เราก็สะดุ้งตื่นเพราะแม่ลุกมาห่มผ้าเรา ตอนนั้นเราเหงื่ออกเต็มตัว สรุปว่าตกดึกคืนนั้นเราเป็นไข้โดยไม่มีสาเหตุทั้งที่ตอนกลางวันก็ยังดีๆอยู่
...............
...........................
.......................... เราตื่นมาพร้อมสภาพเด็กน้อยที่เป็นไข้ แต่วันนั้นเป็นวันเสาร์เราไม่ได้ไปโรงเรียน แม่ก็หายาหาข้าวมาให้เรากิน
เราอดคิดไม่ได้ว่า คนแก่ๆสองคนนั้นเเป็นใคร เหมือนเคยเห็นคุ้นตา เรากนข้าวเสร็จก็ขึ้นไปบนห้องเพื่อจะนอนต่อ
แต่สายตาของเรามันมัดไปที่หิ้งบูชาของปู่เรา ภาพคนแก่ๆสองคนนั้น................. คือผีปู่ย่าเรานี้เอง