Buckingham Palace
ภาคแรก
วันนี้นับหนึ่งที่ Buckingham Palace ผมเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดินอีกครั้ง ดูเหมือนสถานีที่ใหล้พระราชวังบัคกิงแฮม เห็นจะเป็นสถานี Green Park แต่วันนี้ผมคิดอะไรอยู่ไม่รู้ ผมเลือกลงสถานี Hyde Park Corner Underground ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลจากพระราชวัง ยังไงก็แล้วแต่ผมก็เลือกที่จะลงสถานีนี่แล้ว ผมก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองเลือกให้ดีที่สุด คือเดินครับ ผมเดินจากสถานีรถไฟจนถึงพระราชวัง ทำเอาผมเหนื่อยโฮกตั้งแต่เช้า แต่ผมก็ไม่ท้อครับ พอมาถึงพระราชวัง ก็เป็นไปตามคาดครับ คนแน่นเอี๊ยด และทุกคนจับจองพื้นที่บริเวณด้านหน้าของพระราชวังที่มีรั้วเหล็กกันไว้ ระหว่างพระราชราชวังกับพื้นที่ด้านนอก เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป แต่ทุกคนก็ยังมาที่นี้เพื่อดูโชว์การเปลี่ยนเวรของทหารยามที่ปฏิบัติการอยู่ในพระราชวัง และดูความยิ่งใหญ่ของ Buckingham Palace แต่สำหรับที่นี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ หลังจากเดิยรอบๆด้านหน้าพระราชวัง ผมเดินไปต่อ ที่ Churchill War Rooms โดยเลือกเดินทางลัดที่ต้องผ่านสวน St.James's Park ซึ่งเป็นสวนที่มีนกเยอะมาก ผมไม่รู้ว่านกพวกนี้คนที่นี่เขาเรียกพวกมันว่าอะไร มันจะดูเหมือนเป็ดและมีสีสันสดใสสวยงาม ลอยอยู่กลางสระน้ำพุ ที่อยู่กลางสวน และมีถนนเล็กๆสำหรับคนเดินตัดผ่าน และพื้นที่ทุกตารางนิ้วของที่นี้เป็นสีเขียวทั้งหมด บรรยากาศรมรื่น ได้สัมผัสธรรมชาติกลางเมือง
ว้าวววว สุดยอดครับ ผมใช้เดินซักพักผมก็ถึงพิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms แต่ต้องสังเกตุดีๆนะครับ เพราะประตูทางเข้าเล็กมาก ป้ายบอกทางก็มีขนาดที่เล็กมากๆเช่นกัน ด้านหน้ามีเพียงประตูกระจกสองปานมีเครื่องตรวจระเบิดดตั้งอยู่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่สองคนคอยให้บริการ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เนื่องจากเคยเป็นกองบัญชาการของอังกฤษมาก่อน ทางเข้าก็เลยเล็กไปหน่อยและยังดูซับซ้อน เพราะห้องนี้เป็นห้องใต้ดินของอาคาร
Buckingham Palace
Buckingham Palace
Buckingham Palace
Buckingham Palace
ภายในพิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms จะจัดแสดงห้องต่างๆที่รัฐบาลอังกฤษเคยใช้งานเพื่อบัญชาการ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ภายในจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ มีโซนห้องนอนของ Winston Churchill และคนสำคัญอื่นๆ โซนห้องวิทยุสื่อสาร และโซนห้องบัญชาการ และทุกอย่างที่จัดแสดงเป็นของจริงที่เคยใช้ในช่วงสงคราม ถูกจัดไว้ที่เดิมอย่างเป็นระบียบ บางห้องก็มีกระจกใสกั้นไว้เพื่อป้องกันการถูกสัมผัสจากนักท่องเที่ยว และแต่ละห้องจะมีทางเดินขนาดเล็กเชื่อมต่อกัน ขนาดเล็กในที่นี้หมายถึงเล็กมากครับ เป็นช่องสี่เหลี่ยมที่เชื่มต่อแต่ละห้องเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในช่วงที่กำลังเกิดสงคราม ให้อารมณ์ในการชมแบบเต็มอิ่ม ทั้งความรู้สึกและความรู้ นอกจาก พิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms ถัดไปก็เป็น Downing Street เป็นถนนสำคัญอีกแห่งหนึ่งของลอนดอน เพราะบ้านพักนายกรัฐมนตรีตั้งอยู่บนถนนแห่งนี้
Downing Street
Westminster Abbey
วันนี้เป็นวันที่ผมคอนข้างเดินเยอะและยาว ไม่สิครับ ต้องบอกว่าเป็นวันที่ผมเดินทั้งวัน หลังจากผมออกจาก Downing Street ผมเดินไปต่อที่ Big Ben และ Westminster Abbey ใช้เวลาเดินซักพักผมก็ถึง และผมเลือกที่จะเข้าไปดู Westminster Abbey ก่อนเพราะเห็นหลายๆสื่อบอกว่า ภายใน Westminster Abbey สวยงามมาก พอผมไปถึงทางเข้าผมแอบตกใจเล็กน้อยเพราะภายนอกอาคารนั้นค่อนข้างดูโทรม เหมือนไม่เคยถูกบูรณะมาก่อน แต่ตรงกันข้ามกับแถวที่ยาวเหยียดของนักท่องเที่ยว กำลังรอเข้าไปข้างใน จุดนี้ค่อนข้างโหดนิดหน่อยสำหรับผม เพราะอยู่ในแถวเกือบชั่วโมงที่อุณหูมิ 14 องศา และมีฝนตกปรอยๆ มันเย็นยะเยือกเลยครับ อยู่ในแถวมานานสุดท้ายก็ได้เข้ามาข้างใน ก่อนเข้าชมข้างไหน จะได้รับเครื่องเทปที่คอยบรรยายแต่ละจุดระหว่างที่เราเดินชม และแต่ละจุดมีหมายเลขกำหนดไว้เพื่อให้เราเลืกฟังคำบรรยายจากเครื่องเล่นเทปได้ สถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ทำให้ผมตะลึงไปกับความรู้สึก นี้หรอที่เข้าเรียกว่า ดูคนอย่าดูแค่ภายนอก ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง เพราะผมตัดสินมันไปแล้ว หลังจากเห็นอาคารภายนอกโทรมและเก่า นึกคิดไปเองว่าข้างในจะสวยอย่างที่เขาว่ากันไว้หรือเปล่า พอผมก้าวขาเข้าไปเท่านั้นแหละครับ ผมถึงกับอุทานคนเดียว โอโห่วววว..... ออกมาเลยครับ มันสวยอย่างคำล้ำลือจริงๆ นอกจากความสวยงามของสภาปัตยกรรมแบบโรมันแล้ว ข้างในยังเป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่ง เพราะเป็นสถานที่ฝังศพของพระมหากษัตริย์องค์ก่อนๆ ที่นี้มีข้อห้ามที่ถือว่าห้ามเด็ดขาด คือ ห้ามถ่ายรูปภายใน Westminster Abbey เด็ดขาด และอีกหลายๆสถานที่สำคัญส่วนใหญ่จะเป็นนโบสถ์และมหาวิหารก็มีข้อห้ามแบบนี้
Westminster Abbey
Westminster Abbey
ผ่านไปแล้วครึ่งวัน แต่ผมยังวนเวียนอยู่ที่ Westminster Abbey เสียงเรียกร้องของร่างกายบอกให้ผมพักเบรกก่อน ไม่ไหวแล้ว หลังออกจาก Westminster Abbey ก็หาร้านกาแฟแถวๆนั้นเพื่อเดิมพลัง และลุยต่อกับ Big Ben จริงๆแล้วที่ Big Ben ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากมาย แต่มันเป็นจุดสำคัญที่ต้องมาให้เห็น และยื่นบนสะพาน Westminster Bridge เพื่อถ่ายรูปคู่กับสัญลักณ์แห่งเมืองลอนดอน "Big Ben"
British Museum
ได้ภาพสวยสมใจแล้ว ผมเดินทางไปต่อที่ British Museum เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เพราะที่แห่งนี้รวบรวมงานศิลปะทั่วโลก ไว้ในพิพิธภัณฑ์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดของลอนดอน แต่สำหรับผมแล้วงานศิลปะไม่ใช่ทางของผม เลยใช้เวลาที่นี้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมก็เดินดูจนทั่วทุกมุม แต่บางมุมผมก็ไม่เข้าใจในงานศิลปะ ของศิลปิน ผู้ที่มีชื่อเสียโดงดังในอดีต ไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไร มีความยังไง แต่มีหนึ่งโซนที่ผมชอบมาก คือห้องโถงขนาดใหญ่ จัดแสดงงานศิลปะจากโรมันและกรีกโบราณ ภายในห้องตกแต่งคล้ายๆอาคาร Parthenon ที่อยู่บนยอดเขา Acropolis กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมวางแผนไว้ในทริปนี้ เลยมีความสนใจห้องนี้เป็นพิเศษ ภายในห้องจัดโชว์สถาปัตยธรรมและศิลปะแบบโรมัน ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคโรมันและกรีกโบราณ
British Museum
British Museum
Trafalgar Square
ออกจากพิพิธภัณฑ์ผมนั่งรถไป Trafalgar Square หาอะไรดื่มเล็กๆหน่อย ก่อนกลับที่พัก บริเวณนี้เป็นสถานที่ที่จะเห็นศิลปิน มาร้องรำทำเพลง สร้างงานศิลปะ โชว์ และจะเห็นนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก มาเดินเล่น ถ่ายรูป บางคนก็นั่งอยู่บนม้านั่งชิวๆไปกับบรรยากาสยามเย็น จบไปอีกหนึ่งวันในกรุงลอนดอน พึ่งผ่านไปประเทศแรกก็เริ่มหมดแรงซะละ เกือบสามทุ่มผมก็ออกจาก Trafalgar Square กลับโรงแรม เตรียมตัวเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป Brussels, Belgium!
หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ Facebook Page
ผมมีเรื่องเล่าจาก London, England มาฝากครับ Ep.2
วันนี้นับหนึ่งที่ Buckingham Palace ผมเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดินอีกครั้ง ดูเหมือนสถานีที่ใหล้พระราชวังบัคกิงแฮม เห็นจะเป็นสถานี Green Park แต่วันนี้ผมคิดอะไรอยู่ไม่รู้ ผมเลือกลงสถานี Hyde Park Corner Underground ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลจากพระราชวัง ยังไงก็แล้วแต่ผมก็เลือกที่จะลงสถานีนี่แล้ว ผมก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองเลือกให้ดีที่สุด คือเดินครับ ผมเดินจากสถานีรถไฟจนถึงพระราชวัง ทำเอาผมเหนื่อยโฮกตั้งแต่เช้า แต่ผมก็ไม่ท้อครับ พอมาถึงพระราชวัง ก็เป็นไปตามคาดครับ คนแน่นเอี๊ยด และทุกคนจับจองพื้นที่บริเวณด้านหน้าของพระราชวังที่มีรั้วเหล็กกันไว้ ระหว่างพระราชราชวังกับพื้นที่ด้านนอก เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป แต่ทุกคนก็ยังมาที่นี้เพื่อดูโชว์การเปลี่ยนเวรของทหารยามที่ปฏิบัติการอยู่ในพระราชวัง และดูความยิ่งใหญ่ของ Buckingham Palace แต่สำหรับที่นี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ หลังจากเดิยรอบๆด้านหน้าพระราชวัง ผมเดินไปต่อ ที่ Churchill War Rooms โดยเลือกเดินทางลัดที่ต้องผ่านสวน St.James's Park ซึ่งเป็นสวนที่มีนกเยอะมาก ผมไม่รู้ว่านกพวกนี้คนที่นี่เขาเรียกพวกมันว่าอะไร มันจะดูเหมือนเป็ดและมีสีสันสดใสสวยงาม ลอยอยู่กลางสระน้ำพุ ที่อยู่กลางสวน และมีถนนเล็กๆสำหรับคนเดินตัดผ่าน และพื้นที่ทุกตารางนิ้วของที่นี้เป็นสีเขียวทั้งหมด บรรยากาศรมรื่น ได้สัมผัสธรรมชาติกลางเมือง
ว้าวววว สุดยอดครับ ผมใช้เดินซักพักผมก็ถึงพิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms แต่ต้องสังเกตุดีๆนะครับ เพราะประตูทางเข้าเล็กมาก ป้ายบอกทางก็มีขนาดที่เล็กมากๆเช่นกัน ด้านหน้ามีเพียงประตูกระจกสองปานมีเครื่องตรวจระเบิดดตั้งอยู่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่สองคนคอยให้บริการ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เนื่องจากเคยเป็นกองบัญชาการของอังกฤษมาก่อน ทางเข้าก็เลยเล็กไปหน่อยและยังดูซับซ้อน เพราะห้องนี้เป็นห้องใต้ดินของอาคาร
ภายในพิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms จะจัดแสดงห้องต่างๆที่รัฐบาลอังกฤษเคยใช้งานเพื่อบัญชาการ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ภายในจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ มีโซนห้องนอนของ Winston Churchill และคนสำคัญอื่นๆ โซนห้องวิทยุสื่อสาร และโซนห้องบัญชาการ และทุกอย่างที่จัดแสดงเป็นของจริงที่เคยใช้ในช่วงสงคราม ถูกจัดไว้ที่เดิมอย่างเป็นระบียบ บางห้องก็มีกระจกใสกั้นไว้เพื่อป้องกันการถูกสัมผัสจากนักท่องเที่ยว และแต่ละห้องจะมีทางเดินขนาดเล็กเชื่อมต่อกัน ขนาดเล็กในที่นี้หมายถึงเล็กมากครับ เป็นช่องสี่เหลี่ยมที่เชื่มต่อแต่ละห้องเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในช่วงที่กำลังเกิดสงคราม ให้อารมณ์ในการชมแบบเต็มอิ่ม ทั้งความรู้สึกและความรู้ นอกจาก พิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms ถัดไปก็เป็น Downing Street เป็นถนนสำคัญอีกแห่งหนึ่งของลอนดอน เพราะบ้านพักนายกรัฐมนตรีตั้งอยู่บนถนนแห่งนี้
วันนี้เป็นวันที่ผมคอนข้างเดินเยอะและยาว ไม่สิครับ ต้องบอกว่าเป็นวันที่ผมเดินทั้งวัน หลังจากผมออกจาก Downing Street ผมเดินไปต่อที่ Big Ben และ Westminster Abbey ใช้เวลาเดินซักพักผมก็ถึง และผมเลือกที่จะเข้าไปดู Westminster Abbey ก่อนเพราะเห็นหลายๆสื่อบอกว่า ภายใน Westminster Abbey สวยงามมาก พอผมไปถึงทางเข้าผมแอบตกใจเล็กน้อยเพราะภายนอกอาคารนั้นค่อนข้างดูโทรม เหมือนไม่เคยถูกบูรณะมาก่อน แต่ตรงกันข้ามกับแถวที่ยาวเหยียดของนักท่องเที่ยว กำลังรอเข้าไปข้างใน จุดนี้ค่อนข้างโหดนิดหน่อยสำหรับผม เพราะอยู่ในแถวเกือบชั่วโมงที่อุณหูมิ 14 องศา และมีฝนตกปรอยๆ มันเย็นยะเยือกเลยครับ อยู่ในแถวมานานสุดท้ายก็ได้เข้ามาข้างใน ก่อนเข้าชมข้างไหน จะได้รับเครื่องเทปที่คอยบรรยายแต่ละจุดระหว่างที่เราเดินชม และแต่ละจุดมีหมายเลขกำหนดไว้เพื่อให้เราเลืกฟังคำบรรยายจากเครื่องเล่นเทปได้ สถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ทำให้ผมตะลึงไปกับความรู้สึก นี้หรอที่เข้าเรียกว่า ดูคนอย่าดูแค่ภายนอก ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง เพราะผมตัดสินมันไปแล้ว หลังจากเห็นอาคารภายนอกโทรมและเก่า นึกคิดไปเองว่าข้างในจะสวยอย่างที่เขาว่ากันไว้หรือเปล่า พอผมก้าวขาเข้าไปเท่านั้นแหละครับ ผมถึงกับอุทานคนเดียว โอโห่วววว..... ออกมาเลยครับ มันสวยอย่างคำล้ำลือจริงๆ นอกจากความสวยงามของสภาปัตยกรรมแบบโรมันแล้ว ข้างในยังเป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่ง เพราะเป็นสถานที่ฝังศพของพระมหากษัตริย์องค์ก่อนๆ ที่นี้มีข้อห้ามที่ถือว่าห้ามเด็ดขาด คือ ห้ามถ่ายรูปภายใน Westminster Abbey เด็ดขาด และอีกหลายๆสถานที่สำคัญส่วนใหญ่จะเป็นนโบสถ์และมหาวิหารก็มีข้อห้ามแบบนี้
ผ่านไปแล้วครึ่งวัน แต่ผมยังวนเวียนอยู่ที่ Westminster Abbey เสียงเรียกร้องของร่างกายบอกให้ผมพักเบรกก่อน ไม่ไหวแล้ว หลังออกจาก Westminster Abbey ก็หาร้านกาแฟแถวๆนั้นเพื่อเดิมพลัง และลุยต่อกับ Big Ben จริงๆแล้วที่ Big Ben ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากมาย แต่มันเป็นจุดสำคัญที่ต้องมาให้เห็น และยื่นบนสะพาน Westminster Bridge เพื่อถ่ายรูปคู่กับสัญลักณ์แห่งเมืองลอนดอน "Big Ben"
ได้ภาพสวยสมใจแล้ว ผมเดินทางไปต่อที่ British Museum เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เพราะที่แห่งนี้รวบรวมงานศิลปะทั่วโลก ไว้ในพิพิธภัณฑ์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดของลอนดอน แต่สำหรับผมแล้วงานศิลปะไม่ใช่ทางของผม เลยใช้เวลาที่นี้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมก็เดินดูจนทั่วทุกมุม แต่บางมุมผมก็ไม่เข้าใจในงานศิลปะ ของศิลปิน ผู้ที่มีชื่อเสียโดงดังในอดีต ไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไร มีความยังไง แต่มีหนึ่งโซนที่ผมชอบมาก คือห้องโถงขนาดใหญ่ จัดแสดงงานศิลปะจากโรมันและกรีกโบราณ ภายในห้องตกแต่งคล้ายๆอาคาร Parthenon ที่อยู่บนยอดเขา Acropolis กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมวางแผนไว้ในทริปนี้ เลยมีความสนใจห้องนี้เป็นพิเศษ ภายในห้องจัดโชว์สถาปัตยธรรมและศิลปะแบบโรมัน ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคโรมันและกรีกโบราณ
ออกจากพิพิธภัณฑ์ผมนั่งรถไป Trafalgar Square หาอะไรดื่มเล็กๆหน่อย ก่อนกลับที่พัก บริเวณนี้เป็นสถานที่ที่จะเห็นศิลปิน มาร้องรำทำเพลง สร้างงานศิลปะ โชว์ และจะเห็นนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก มาเดินเล่น ถ่ายรูป บางคนก็นั่งอยู่บนม้านั่งชิวๆไปกับบรรยากาสยามเย็น จบไปอีกหนึ่งวันในกรุงลอนดอน พึ่งผ่านไปประเทศแรกก็เริ่มหมดแรงซะละ เกือบสามทุ่มผมก็ออกจาก Trafalgar Square กลับโรงแรม เตรียมตัวเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป Brussels, Belgium!