ดัชนีหุ้นทั่วโลกหลายที่อยู่บนจุด all time high และอีกหลายที่ก็เคลื่อนไหวอยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบหลายปี แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตอย่างเชื่องช้า และไม่ได้มีข่าวดีอะไรมากมาย (มีข่าวร้ายซะเยอะกว่าด้วยซ้ำ) คำถามที่น่าจะอยู่ในใจของนักลงทุนคือ... หุ้นแพงไปแล้วหรือเปล่า? และถ้า Peak กันหมดแบบนี้จะลงทุนยังไง(วะ)?
จริงอยู่ที่ไม่มีใครอยากซื้อของแพง แต่การบอกว่า “ชั้นจะไม่ซื้อหุ้น เพราะตลาดหุ้น peak แล้ว” ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดาทางตลาดโดยไม่มีหลักการ แน่นอนว่าถ้าเราเดาถูก ผลตอบแทนย่อมมหาศาล หรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนหนักได้แบบสวยๆ แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ไม่มีใครเดาทางตลาดได้ถูกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกูรูมาจากไหน และการซื้อๆ ขายๆ อย่างไม่มีหลักการ จะไม่ทำให้เราประสบผลสำเร็จในการลงทุนแน่
The Coffee Shop Investor (แอบโฆษณาเพจที่พึ่งเปิดหน่อยครับ แหะๆ) เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนอย่างมีหลักการ บวกกับการออมอย่างมีวินัย ชนะการเดาทางตลาดเสมอ และขอเสนอกลยุทธ์รับมือกับตลาด ณ จุด Peak ตามนี้ครับ
1. เกาะไปกับ Momentum: วิธีที่พูดง่าย แต่ทำใจยากอย่างที่สุด คือถือหุ้นต่อไป หรือซื้อเพิ่มตอนตลาด Peak ตามหลัก Momentum หรือ Trend-following เพราะ peak มักตามมาด้วย peak ถ้าตลาดยังเป็นขาขึ้น ก็ต้องตามตลาดไป จนกว่ามันจะพลิกกลับเป็นขาลง ถึงจะขายหุ้นหรือลดพอร์ต คนที่ใช้กลยุทธ์นี้ควรมีกฎเกณฑ์การลงทุนที่ชัดเจน เพื่อกันไม่ให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
2. Rebalance: สำหรับคนที่ลงทุนเป็นพอร์ต การยึดมั่นในแผนลงทุนที่วางไว้ดีแล้วตั้งแต่แรกถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด เช่น ถ้าตั้งใจลงหุ้น 60% ตราสารหนี้ 40% ก็ควรปรับพอร์ตให้รักษาอัตราส่วนการลงทุนนี้ไว้ เพราะถ้าพอร์ตนี้สะท้อนความสามารถในการรับความเสี่ยงของเราจริง เราก็ไม่ควรกังวลกับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต
3. DCA: สำหรับคนที่มีเงินสดอยู่ในมือ และต้องการจะลงทุนโดยตัดอารมณ์ออกไป การทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอแบบ DCA ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า DCA จะเป็นวิธีบ้านๆ แต่ถ้าสามารถทำได้อย่างมีวินัย ผลลัพธ์ที่ออกมามักดีกว่าการเสียเวลานั่งเครียดคิดหาเวลาลงทุนที่เหมาะสมที่สุด (ซึ่งมักจะผิดอยู่ดี)
4. Buy-and-hold: ถ้ามั่นใจว่าหุ้นที่ถือเป็นบริษัทที่มั่นคง ราคาสมเหตุสมผล และตัวเราเองก็มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาว จะเสียเวลานั่งคิดมากทำไม ว่าควรขายหุ้นทิ้งไปก่อนหรือเปล่า... Buy-and hold ฟังดูง่าย แต่ความยากอยู่ที่การความคุมอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวตามราคาที่วิ่งขึ้นลง นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้สำเร็จนอกจากจะลดการตัดสินใจเดาทางตลาดอย่างผิดๆ แล้วยังลดค่า fee ในการซื้อขายได้อีกด้วย
กลยุทธ์พวกนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ยังไงก็ดี กลยุทธ์ที่ดีที่สุด คือกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวคนใช้มากที่สุดครับ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.facebook.com/thecoffeeshopinvestor/ ครับ
4 กลยุทธ์ลงทุนตอนตลาดหุ้น Peak!
จริงอยู่ที่ไม่มีใครอยากซื้อของแพง แต่การบอกว่า “ชั้นจะไม่ซื้อหุ้น เพราะตลาดหุ้น peak แล้ว” ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดาทางตลาดโดยไม่มีหลักการ แน่นอนว่าถ้าเราเดาถูก ผลตอบแทนย่อมมหาศาล หรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนหนักได้แบบสวยๆ แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ไม่มีใครเดาทางตลาดได้ถูกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกูรูมาจากไหน และการซื้อๆ ขายๆ อย่างไม่มีหลักการ จะไม่ทำให้เราประสบผลสำเร็จในการลงทุนแน่
The Coffee Shop Investor (แอบโฆษณาเพจที่พึ่งเปิดหน่อยครับ แหะๆ) เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนอย่างมีหลักการ บวกกับการออมอย่างมีวินัย ชนะการเดาทางตลาดเสมอ และขอเสนอกลยุทธ์รับมือกับตลาด ณ จุด Peak ตามนี้ครับ
1. เกาะไปกับ Momentum: วิธีที่พูดง่าย แต่ทำใจยากอย่างที่สุด คือถือหุ้นต่อไป หรือซื้อเพิ่มตอนตลาด Peak ตามหลัก Momentum หรือ Trend-following เพราะ peak มักตามมาด้วย peak ถ้าตลาดยังเป็นขาขึ้น ก็ต้องตามตลาดไป จนกว่ามันจะพลิกกลับเป็นขาลง ถึงจะขายหุ้นหรือลดพอร์ต คนที่ใช้กลยุทธ์นี้ควรมีกฎเกณฑ์การลงทุนที่ชัดเจน เพื่อกันไม่ให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
2. Rebalance: สำหรับคนที่ลงทุนเป็นพอร์ต การยึดมั่นในแผนลงทุนที่วางไว้ดีแล้วตั้งแต่แรกถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด เช่น ถ้าตั้งใจลงหุ้น 60% ตราสารหนี้ 40% ก็ควรปรับพอร์ตให้รักษาอัตราส่วนการลงทุนนี้ไว้ เพราะถ้าพอร์ตนี้สะท้อนความสามารถในการรับความเสี่ยงของเราจริง เราก็ไม่ควรกังวลกับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต
3. DCA: สำหรับคนที่มีเงินสดอยู่ในมือ และต้องการจะลงทุนโดยตัดอารมณ์ออกไป การทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอแบบ DCA ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า DCA จะเป็นวิธีบ้านๆ แต่ถ้าสามารถทำได้อย่างมีวินัย ผลลัพธ์ที่ออกมามักดีกว่าการเสียเวลานั่งเครียดคิดหาเวลาลงทุนที่เหมาะสมที่สุด (ซึ่งมักจะผิดอยู่ดี)
4. Buy-and-hold: ถ้ามั่นใจว่าหุ้นที่ถือเป็นบริษัทที่มั่นคง ราคาสมเหตุสมผล และตัวเราเองก็มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาว จะเสียเวลานั่งคิดมากทำไม ว่าควรขายหุ้นทิ้งไปก่อนหรือเปล่า... Buy-and hold ฟังดูง่าย แต่ความยากอยู่ที่การความคุมอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวตามราคาที่วิ่งขึ้นลง นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้สำเร็จนอกจากจะลดการตัดสินใจเดาทางตลาดอย่างผิดๆ แล้วยังลดค่า fee ในการซื้อขายได้อีกด้วย
กลยุทธ์พวกนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ยังไงก็ดี กลยุทธ์ที่ดีที่สุด คือกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวคนใช้มากที่สุดครับ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/thecoffeeshopinvestor/ ครับ