แฟนเคยบอกว่าอยากใช้ชีวิตกับเรา แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย....ในเมื่อมันมีแต่ปัญหาแบบนี้

สวัสดีค่ะอันนี้เป็นกระทู้แรก อยากจะขอระบาย คำปรึกษา และคำแนะนำหน่อยนะคะ มันอาจจะยาวไปนิดนึงและวกไปวนมาก็ขออภัยด้วยนะคะ แต่นี่คือความในใจที่เรารู้สึกว่าเราตัดสินใจพลาดไปแล้ว…
    ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ คือเรามีแฟนที่คบกันมาสามปีกว่าจะสี่ปีได้แล้วละค่ะ แรกๆอะไรก็ดีนะคะ เรารู้จักกันผ่านเกมออนไลน์เกมนึง ขอแทนแฟนว่าเอนะคะ ตอนที่คุยกับเอครั้งแรก เอบอกว่าเออายุ 25 และเรียนจบปริญญาตรีที่มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ  และด้วยความบังเอิญว่าเราอยู่บ้านใกล้กันแค่นิดเดียว การเจอกันครั้งแรกคือเอพาเราไปเลี้ยงหมูกะทะแถวบ้าน พร้อมกับเจอแม่และพี่น้องของเค้า แม่ของเอก็ถามว่าเราเกิดปีอะไร เราก็บอกปีเกิดของเราไป แล้วแม่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า อ้าวก็แก่กว่าเอปีนึงนี่ ทำไมไปเรียกมันว่าพี่ คือตอนนั้นเราก็ตะหงิดๆละเราก็เลยมาถามว่าสรุปยังไงโกหกเหรอ เอก็บอกว่าแม่เค้ามั่วแม่จำปีเกิดของเอไม่ได้หรอก แต่เราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะคะคือทำไมแม่จะจำวันเกิดลูกตัวเองไม่ได้ แต่ที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเป็นเพราะเอกับแม่ทะเลาะกันบ่อยครั้งก็เลยอาจจะไม่อยากจำรึเปล่า เราก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจและไม่อยากจะถามเซ้าซี้ ก็เลยปล่อยผ่านมันมา จนได้มีโอกาสได้ไปงานแต่งญาติของเอที่ต่างจังหวัด และได้ยินญาติพี่น้องเค้าคุยกันถึงอนาคตของเอ และรู้ว่าจริงๆแล้วเออ่อนกว่าเราปีนึง และไม่มีวุฒิม.3ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเด็กเกเร มีวุฒิแค่ป.6 ตอนนั้นรู้สึกว่าโกรธ โกรธมากด้วย ตอนที่ได้ยินญาติเค้าคุยกันเราได้แต่นั่งมองหน้าเอแบบยิ้มๆโดยไม่พูดอะไร เอก็ทำหน้าเหมือนแบบยิ้มกลับแบบรู้สึกผิด เอก็มาขอโทษเราทีหลังที่เอได้โกหกเราไว้ เราก็ยังอยากให้โอกาสเค้าอยู่ อายุน้อยกว่าแค่ปีเดียวไม่มีปัญหาหรอก ส่วนวุฒิไปเรียนกศนเอาก็ได้…. แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราคงบอกเลิกเค้าตั้งแต่ตอนนั้นเลย…..  หลังจากนั้นเอก็เหมือนรู้สึกสบายใจไม่ต้องมาปกปิดอะไรเราไว้ละ เค้าก็ทำตัวตามสบาย ส่วนเราก็เรียกเค้าว่าปีจนติดปากไปละ แต่ความสัมพันธ์ของแม่กับเอก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะแม่ของเอเลิกกับพ่อของเอไปนานแล้วและได้แต่งงานใหม่จนมีน้องชายและน้องสาวอีก 3 คน เอก็เลยเป็นเหมือนลูกนอกคอก แล้วเค้าก็ทะเลาะกันหนักขึ้นๆจนไล่เอออกจากบ้าน เอที่ตอนนั้นไม่มีเงินเลยก็มาขอยืมเงินเราและไปอยู่บ้านยายอยู่พักนึงและเริ่มหางานทำเลี้ยงตัวเอง(ตอนเออยู่กับแม่เอไม่ได้อยู่เฉยๆนะคะ เอช่วยแม่ทำงานเพราะแม่เอทำขนมขาย เอก็เลยเป็นลูกมือช่วยตลอด แต่แม่เอก็หาเรื่องด่าเอได้ตลอดว่าไม่ช่วยทำงานเลย)  ส่วนตัวเราก็พยายามช่วยเต็มที่ ช่วยหางานจนเค้าได้งานและได้ไปทำงานกับเพื่อน เอต้องไปกลับต่างจังหวัดบ่อยขึ้นเพราะทำงาน เราก็ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ ถือว่าเค้าทำงานหาเรื่องดูตัวเองได้มันก็ดีละแต่เราก็ทะเลาะกันบ่อยเพราะเค้าไม่ยอมเรียน กศน สักที บอกว่าไม่มีเวลาเรียน มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาว่างไปเรียนหรอก ถ้าไปเรียนก็ไม่ได้ทำงานนะ แล้วมีอยู่วันนึงเอโทรมาบอกว่าเอขี่มอไซค์ไปชนท้ายรถกระบะที่จอดอยู่ เค้าเรียกค่าเสียหายมา 8,000 ส่วนตัวเอบาดเจ็บต้องไปโรงบาลให้หมอเย็บ เอต้องการจะยืมเงินเรา 5,000 แต่เราก็ให้ไป 3,000 แล้วลองให้เอไปขอกับหัวหน้าที่ทำงานดูแล้วก็ให้เค้าหักกับเงินเดือนของเอไป เอป่วยอยู่ประมาณอาทิตย์นึงก็เริ่มไปทำงานได้ เอทำงานได้ปีกว่าๆ ก็เริ่มมีปัญหากับหัวหน้าที่ทำงาน เอเป็นคนที่ทิฐิสูงมากๆๆๆๆๆๆ ไม่ยอมใครเลย พูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง ตอนที่เอโทรมาปรึกษา เราก็ให้คำปรึกษาไป ให้เอไปขอโทษหัวหน้า เพราะยังไงเอก็เด็กกว่า ไปคุยกันให้รู้เรื่อง เคลียๆกันไปเลย เอก็รับปากว่าจะไปคุยแต่สุดท้ายเอก็ไม่ไป….เพราะนอนตื่นสายและบอกว่าขี้เกียจ เอบอกว่าจะกลับไปอยู่บ้านแม่ จะเริ่มไปเรียน กศน เอาวุฒิ เราก็โอเค ถึงปากเราจะบอกว่าโอเค แต่เอาจริงๆเราว่ามันไม่โอเคเลย เรารู้ว่าแม่เอนิสัยอย่างไง ถึงกลับไปอยู่กับแม่เดี่ยวก็โดนไล่ออกมาอยู่ดี ไอ้เรื่องเรียน กศน เนี้ย อย่าหวังเลยแต่เราบอกไปเอก็ไม่เชื่อเราอยู่ดี ก็ตามใจอยากกลับไปก็กลับเราไม่ยุ่ง แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เอเริ่มทะเลาะกับแม่และแม่เริ่มไล่เอออกจากบ้านอีกครั้ง เราก็ได้แต่บอกว่าแล้งจะทำยังไง เอมีแค่วุฒิ ป.6 จะไปทำงานอะไร จะให้ขายของก็ไม่เอาไม่ชอบงานบริการ ไปทำร้านอาหารก็ไม่ชอบ งานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้ พอเราถามว่าอยากทำอะไรก็เอาแต่บอกว่าไม่รู้ เราทะเลาะกันเรื่องอนาคตของเอกันหลายครั้ง เอได้แต่บอกว่าขอเวลาหน่อย แล้วก็มาว่าเราว่าไม่เคยให้กำลังใจเอเลย ค่อยแต่ตอกย้ำ บ่นอยู่นั้น เราก็ยอมรับนะ แต่ตอนที่เค้าทำงานเราก็ให้กำลังใจบอกว่าสู้ๆนะ เดี่ยวมันก็ผ่านไปได้ แล้วพอมีปัญหาเค้ามาปรึกษาเราแต่เค้าไม่ฟังเราเลย เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เราเตือนอะไรก็ไม่เคยฟังแล้วก็มาระบายให้เราฟังทีหลัง  เรารู้สึกเหนื่อยมากๆแล้วยิ่งคบกันนานขึ้น เรายิ่งรับรู้ถึงปัญหาหลายๆอย่างแต่เอไม่เคยสนใจมันเลย เรารับรู้ได้เลยว่าบ้านเราและบ้านเค้าไม่มีทางเข้ากันได้อย่างแน่นอน แม่เราเกลียดคนแบบแม่ของเอมาก แม่เราเกลียดคนไม่มีความรับผิดชอบ (เอเคยเล่าให้ฟังว่าแม่ของเอเคยไปกู้เงินมาแล้วพอไม่มีเงินใช้ก็หนี) แล้วยิ่งไม่ชอบเออีกเพราะเอดูไม่มีอนาคต เราเคยบอกเอว่าแม่ของเราไม่ชอบเอนะ เอก็บอกว่าไม่สนใจ เรารักเธอไม่ได้รักแม่เธอ…เราแบบเฮ้ย แต่นั้นแม่เรานะ เธอรักเราเธอก็ต้องรักครอบครัวเราด้วยสิ แต่เอก็ไม่สนใจมันเลย เราเลยถามกลับว่าถ้าแม่เธอไม่ชอบเรามั่งละ เธอจะทำยังไง เค้าก็บอกว่าไม่สนใจ จะไปสนใจทำไม เค้าเอาแต่บอกว่า เราสองคนรักกันมันก็พอแล้ว…. ตอนแรกๆเราเคยเชื่อว่าอนาคตเราสามารถสร้างด้วยกันได้ แต่ตอนนี้มันริบหรี่เหลือเกิน พ่อของเราเองที่ตอนแรกเฉยๆหลังๆมาก็เริ่มไม่ค่อยชอบ พ่อเราเคยพยายามฝากงานให้เอหลายครั้ง แต่เอไม่มีอะไรสักอย่างวุฒิก็ไม่มี  ใบขับขี่ก็ไม่มี จะทำอะไรก็ไม่ได้ พ่อก็ไม่ค่อยอยากให้เรายุ่งกับเอมากนัก หลายๆอย่างมันแตกต่างกันมากๆ บ้านของเอตั้งแต่ยาย พ่อ แม่ พี่ น้อง พูดคำหยาบกันเป็นกิจวัตร แค่เริ่มเปิดปากก็มีคำหยาบหลุดออกมา แล้วน้องๆของเอที่ยังเด็กอยู่ก็ซึมซับคำเหล่านั้นไปเรื่อยๆ  ในขณะที่บ้านเราไม่พูดคำหยาบใส่กันเลย อย่างมากก็แค่คำที่แทนตัว  เราเคยไปเจอเพื่อนเอหลายครั้ง ในขณะที่เอไม่เคยมาเจอเพื่อนของเราเลยสักครั้ง เอมาเล่าให้เราฟังทีหลังว่า เพื่อนของเอบอกว่าเราเหมือนลูกคุณหนู เราก็แบบเอ้า ก็พ่อแม่เราเลี้ยงมาแบบนั้น เราก็ว่าไม่ได้เป็นลูกคุณหนูอย่างนั้นนะ เราก็ยังเดินตลาดนัด ชอบเข้าร้านทุกอย่าง 20 มันเหมือนลูกคุณหนูตรงไหน เอก็บอกว่าไม่รู้ เราไปเจอกับญาติๆเอบ่อย ในขณะที่เอเคยมาเจอพ่อกับแม่เราแค่ครั้งเดียวในตลอดสามปีที่ผ่านมา…. บางครั้งเราก็รู้สึกว่าฐานะทางสังคม ฐานะทางการศึกษา หรือฐานะทางบ้านมันต่างกันมากเกินไป ฐานะทางสังคมเรารู้สึกว่ามันเป็นปัญหามากๆ เพราะเอไม่เคยพยายามปรับตัวเข้าหาเราเลย ในขณะที่เราต้องปรับตัวเข้ากับที่บ้านเค้า จนบางครั้งก็รู้สึกว่าบางทีมันก็เกินไป บางครั้งที่แม่หรือพ่อเลี้ยงของเอจะด่าลูกสาววัยอนุบาลของตัวเองว่ายิ้ม เราก็ต้องความรู้สึกแบบนั้นให้มันชินรึไง เรารู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเป็นแค่คนนอก เคยมีอยู่ช่วงนึงที่พ่อเราต้องผ่าตัดนอนโรงบาลอยู่สามเดือน เอก็ไม่เคยมาเยี่ยมพ่อเราเลยสักครั้ง บอกว่าไม่มีเงินมาเยี่ยม เราก็ไม่โกรธ โอเคเราเข้าใจในเมื่อที่บ้านเอเป็นแบบนั้น เราเป็นผู้หญิงคนนึงที่ชอบคิดถึงเรื่องราวในอนาคต เราคิดเสมอว่าถ้าเราแต่งกับเอไปมันจะเป็นยังไง ซึ่งมันไม่ดีเลยมันมืดแปดด้านไปหมด หรือถ้ามีลูกกับเอมันจะมีวิธีไหนบ้างที่จะให้ลูกของเราไม่ต้องไปเจอกับญาติๆของเอเพราะไม่อยากให้ซึมซับคำหยาบเหล่านั้นตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้เลย ในอนาคตเรามองเห็นแต่ปัญหา แต่เอก็ไม่เคยรับรู้และไม่คิดถึงอนาคตเลย เอเอาแต่บอกว่า จะไปคิดถึงอนาคตทำไมในเมื่อมันยังมาไม่ถึง คิดถึงแต่เรื่องในปัจจุบันดีกว่าว่าทำวันนี้ให้ดีพอรึยัง เราเคยพูดสวนกลับไปว่า แล้ววันนี้เธอทำอะไรที่มันดีพอรึยังในเมื่อเธอไปไหนก็ไม่ได้ มีวุฒิแค่นั้นจะไปทำงานอะไรได้ ให้ขายของก็ไม่เอา ให้ไปเป็นเด็กเสริฟก็ไม่ชอบ พ่อเราจะฝากงานให้เธอยังทำไม่ได้เลย ไหนบอกมาสิว่าวันนี้เธอทำอะไร เค้าก็ได้แต่เงียบตอบคำถามของเราไม่ได้ เราเคยบอกเลิกเค้าไปหลายครั้งเพราะเรื่องนี้ แต่เราก็ใจอ่อนเพราะเราเป็นห่วงเค้า เราเอาแต่คิดว่าเค้าไม่มีที่พึ่งเลย ญาติพี่น้องก็ช่วยอะไรเค้าไม่ได้เลย เค้าเหมือนอยู่ตัวคนเดียว จะให้ไปอยู่กับพ่อก็ติดต่อพ่อไม่ได้เลย เค้าเอาแต่บอกว่าสักวันมันต้องเป็นวันของเรา สักวันเค้าต้องมีทุกอย่างที่เค้าอยากได้….แล้วมันเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ถึงจะมี ถ้ายังอยู่กับที่แบบนี้เธอคิดว่ามันจะมีเหรอ เธอต้องใช้เวลาอีกกี่ปี ต้องให้เรารออีกกี่ปี เราคบกับเธอมาสามปีกว่า ตอนนี้เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เราอายุขึ้นเลขสองกลางๆแล้วนะ อึกไม่กี่ปีก็จะขึ้นเลขสามแล้วแล้วจะให้เรารอเธออีกกี่ปี…. มันมีช่วงที่มันเหมือนว่ามันจะมีดีขึ้น คือช่วงที่มีงานทำ แต่เธอไม่เคยเก็บเงินได้เลย ได้มาเท่าไหร่ใช้หมด แล้วมันก็มาแย่ลงก็ตอนที่เธอตกงาน….. ส่วนใหญ่เราจะทะเลาะกันเรื่องอนาคตและงานของเค้า และอีกเรื่องนึงคือ เรื่องนิสัย ความชอบ และความคิดเราไม่เหมือนกันเลยสักนิด แรกๆมันก็ดี แต่พอคบกันนานเข้าๆ เรื่องนิสัยนี่ยังโอเค แต่เรื่องความคิดกับความชอบมันเหมือนกับขั่วบวกกับขั่วลบเลย เอเป็นคนนิสัยดีนะคะ ไม่เจ้าชู้ เวลาเค้าจะไปไหนเค้าก็จะชวนเราไปด้วยตลอด พาเราไปเลี้ยงข้าว….ที่คิดออกก็มีประมาณนี้  มาเรื่องความชอบ ทั้งเรื่องหนัง หรือเรื่องเพลง เราเป็นคนชอบดูหนังซาวแทร็คแต่เค้าดูพากย์ไทย เราก็โอเค ดูกับเค้าได้ ไว้เราค่อยไปดูซาวแทร็คทีหลังก็ได้ หรือเรื่องเพลง เอชอบฟังเพลงไทย แต่เราชอบฟังสากลมากกว่าเค้าก็มาว่า ว่าเรากระแดะฟังแต่เพลงภาษาอังกฤษ….เราแบบเฮ้ย เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องว่า??? ถึงตอนหลังเค้าจะขอโทษแต่เราก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคอยู่ลึกๆ… มาเรื่องความคิดตอนแรกๆที่คบกันเอเค้าดูเป็นผู้ใหญ่มากๆๆๆ ให้คำปรึกษาเราดีมาก แต่พอมาพักหลังๆ เรารู้สึกเหมือนเรามีลูกไม่ได้มีแฟนเลย เรารู้สึกเหนื่อยมาก กับการเอาแต่ใจของเอ การมีทิฐิที่สูงนั้นด้วย เรารู้สึกเหนื่อยและท้อ เราเคยบอกเค้าว่าเราอยากมีแฟนไม่ได้อยากมีลูกนะ เหมือนจะเข้าใจแต่เอก็ไม่เคยเข้าใจ และการที่เอมีทิฐิที่สูงนั้นทำให้คำขอโทษของเอออกมาได้ยากมาก ช่วงแรกๆเอไม่ยอมพูดคำนี้เลยแม้ว่าตัวของเอจะผิด จนเราเหนื่อย เหนื่อยมากที่ต้องมารับรู้ปัญหาของเค้าและเค้าไม่เคยฟังเราเลย แล้วช่วงนี้เอกำลังบวชอยู่ มันทำให้เราอยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้เราเริ่มลังเล ว่าความรู้สึกที่ให้เอมันคือความรักหรือความสงสารกันแน่ เราเริ่มสับสน ถ้าเราเลิกกับเอไปเราก็ยังห่วงว่าเอจะเป็นยังไงในบ้านหลังนั้น เรากังวลหลายเรื่องๆ เราอยากเลิกกับเอ แต่เอก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เราสับสนกับความรู้สึกของเอในตอนนี้ ว่าเรารักหรือสงสาร…..ถ้าเรากับเค้าตอนนี้มันจะกลายเป็นว่าเราทิ้งเค้าในเวลาลำบากรึเปล่า…แต่เราพยายามแล้ว พยายามผลักดันให้เค้ามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว พยายามจะทำให้เค้าสามารถอยู่กับเราได้ แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่พยายามที่จะอยู่กับเราเลย เรารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เมื่อตอนเด็กๆเคยคิดว่าแค่รักกันก็พอแล้ว พอโตมาถึงรู้ว่าแค่รักอย่างเดียวมันไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ…..
ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่