สวัสดีจ้าาา เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของผู้หญิงโลกสวยคนๆนึง ที่อยากจะแชร์ประสบการณ์ชีวิตที่เรียกว่าบัดซบ ! เลยจะได้ไหม 555+
         เอาล่ะ เริ่มละนะ ... ดิฉัน นส.เอ (นามสมมุติ) และแฟนของเรา(เขาเป็นพี่เรา 3ปี)  พี่เขาได้ลงมาทำงานในพื้นที่จังหวัดเอ เอก็ไม่รู้ว่าพี่เขาลงมาประจำอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว  เรารู้จักกันในวันเกณฑ์ทหารประจำปีของอำเภอเอ แล้วเอไปประจำอยู่ที่เต้นท์พยาบาล เราเจอกัน มองกันไปกันมา พี่เขาก็แซวๆมา เอก็แซวๆกลับ แต่เอก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ก็คิดแค่ว่าแซวขำๆ (ปล.เอเป็นคนบ้างานค่ะเลยยังไม่มีแฟน) แล้วประมาณ 4 วันต่อมา อยู่ๆก็มีผู้ชายชุดลายพราง 3 คนเข้ามาในที่ทำงานเอตอนพักเที่ยง บร๊ะเจ้า!!! พี่คนนั้นที่เจอวันเกณฑ์ทหาร เขามาทำไม ? เขาเข้ามาขอไลน์เอค่ะ เราก้ลังเลอยู่นะแต่ก็ให้ไปค่ะ  เอาน่ะ ไม่เสียหายอะไรหรอกมั้งเขาอาจจะอยากติดต่อเราเรื่องงานก็ได้ เราก็คุยกันมาเรื่อยๆ จะบอกว่าฮอร์โมนเราตรงกันมาก แรกๆเอก็คุยแค่เรื่องงานนะ แต่พี่เขาอ่ะชอบแวะมาขายขนมจีบอยู่เรื่อยเลยแล้วเอก็ตกลงคบกับพี่เขาค่ะ ทางผู้ใหญ่รับรู้รับทราบค่ะ  ต่อมาพี่เขาต้องไปประจำการอีกจังหวัดหนึ่ง เราก็ยังคบกันอยู่นะและมีเวลาเอก็ไปหาพี่เขา หรือเมื่อเวลาพักพี่เขาก็จะกลับมาหาเอที่บ้านค่ะ เรารักกันดี มีความสุข แฮปปี้มากกกก ไม่เคยทะเลาะกันเลยค่ะ เพราะเอเป็นคนไม่ชอบทะเลาะกันเลย เอเป็นคนโลกสวย ทุกครั้งที่มีปัญหาเอจะพยายามคุยกันโดยไม่มีการลงไม้ลงมือหรือคำหยาบออกจากปากเลยค่ะ
                ฉากเศร้าไม่ได้อยู่ตอนแรกค่ะ นี่ๆๆ มันอยู่ตอนที่ 2 ค่ะ คือตอนนี้ค่ะเพื่อนๆ
                ปจด.เอไม่มาค่ะ พอตรวจดูขึ้น 2 ขีดค่ะ (ประมาณ 2 เดือนค่ะ) เอดีใจมากกกกกกก เพราะเอก็มีการมีงานทำแล้วและเอเองก็อยากมีครอบครัวแล้วด้วย เอคิดว่าเอจะบอกข่าวดีกับพี่เขาตอนวันเกิดเอค่ะ ซึ่งจะมาถึงอีก 5 วัน ด้วยความที่ดีใจสุดขีดเอกดส่งรูปแผ่นตรวจไปให้พี่เขาดูค่ะ แล้วพี่เขาก็ตอบกลับมาแบบงงๆ ว่า
แฟนเอ : อะไร ? มันคืออะไร ?
เอ : อ้าว 2 ขีดไง เอท้องนะเธอ เธอดีใจไหม ?
แฟนเอโทรเข้า : เธอท้อง ? จริงหลอ ? เขาเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า "เธอ เค้ายังไม่พร้อม"
เอ : อ้าว อะไรยังไง ไม่พร้อมยังไง หมายความว่าไง ??? นี่ไม่ตลกนะ เราเริ่มน้ำตาคลอ เธอมีอะไรเธอพูดมาเลยดิ ทำไมถึงยังไม่พร้อม พูดงี้หมายความว่าไง (วินาทีนั้นเราสติแตกค่ะ) เธอมีอะไรปิดบังเอ เธอพูดออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมอ่ะๆ เราก็ได้แต่ถามๆๆๆๆ พี่เขาก็เอาแต่เงียบ
          เชื่อไหม ถ้าสมมุติว่าเขาไม่รับผิดชอบมันก็รู้ แล้วนะ แต่พีคกว่านั้นค่ะท่านผู้ชม คำตอบที่ได้มาคือ....
แฟนเอ : เค้ามีลูกมีเมียแล้ว แต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
เอ : สตั้น !!! ............................................................น้ำตาเริ่มไหล.........ไหล......ไหล..........ไหลไม่หยุดเลย................พูดไม่ได้...............
...........................................เอเอาแต่ร้องไห้.....................พูดไม่ออกจริงๆค่ะ....................................................................................
เอ : ทำไมอ่ะ หมายความว่าไง ทำไมทำแบบนี้กับเอ เอพูดด้วยร้องไห้ด้วย......เอเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง.................น้ำตาก็ไหลมาเป็นทางหยั่งกะเขื่อนแตก..
                                   ไม่ไหวค่ะ เอไม่ไหว คุยไม่ได้ เอกดวางสาย ทั้งคืนเอเอาแต่ร้องไห้ เช้าวันต่อมาเอามาทำงานด้วยความปวดหัว ตาบวมวันนั้นมีงานสำคัญ เอต้องมา ตกบ่ายเอขอหัวหน้าลากิจ เอเดินทางไปหาพี่เขาที่ค่ายเพื่อที่จะคุยเรื่องนี้กันค่ะ เอไปถึงที่ค่ายประมาณ 3 ทุ่ม พี่เขาก็มารับเราและพาเราไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนเขาในค่าย เพื่อนๆเขาและเมียเพื่อนเขาก็ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ทักทายยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรเชียวนะ ทั้งๆที่ตอนนนั้นความรู้สึกเอ ทั้งเครียดทั้งอาย ที่ไปในฐานะ "เมียน้อย" ไม่กล้าสบตาไม่กล้ามองหน้าเพื่อนๆเขาเลยค่ะ พี่เขาก็เฮฮาอารมณ์ดีกับเพื่อนๆปกตินะคะ ส่วนเอก็เอาแต่นั่งเงียบในวงอาหาร จนเกือบเที่ยงคืนเขาพากลับไปบ้านพัก เราถามเขาเลยว่าทำไมทำแบบนี้ ทำไมต้องมาหลอกกัน เราเริ่มร้องไห้อีกละ พี่เขาก็พูดแค่ว่าเขาขอโทษนู่นนี่นั่น ตอนนั้นนะ ความรู้สึกเห้มากกกค่ะ โดนหลอกไม่พอ แถมท้องอีก รับผิดชอบไหม ? ก็ไม่ค่ะ !!!
(พี่เขามีลูกสองคนค่ะ เป็นลูกชายทั้งสองคนเลย คนโตอายุ 4 ขวบ ลูกคนเล็กอายุได้ 1 ปี เมียเขาอายุเท่ากับเอเลย หุหุ)
                            พีคกว่าตอนรู้ว่าเขามีเมียมีลูกแล้วนั้น คือ " พี่เขาบอกว่า มันขึ้นสองขีดใช่ไหม เธอไปทำให้มันเป็นขีดเดียวได้ไหม ? "
เหมือนโลกทั้งใบหยุดไปเลยค่ะ พ่อจ๋า แม่จ๋า เอไม่ไหวแล้วว น้ำตาไหลออกมา ไหลมา ไหลมามากกว่าคืนแรกอีกค่ะ เราทะเลาะกันเกือบ 3 ชม. กว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง กว่าเราจะตกลงกันได้เวลาก็เกือบตี 5 ค่ะ เรื่องนี้เอเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาก เอไม่อยากให้พ่อแม่เอรับรู้เรื่องราวอันนี้ ใช่ค่ะ เอรับข้อเสนอเขา เอเอาเด็กออกค่ะ  10โมงเช้าเขามาส่งเอที่สถานีรถไฟ เอแบกความรู้สึกที่นับว่าแย่ที่สุดในชีวิตกลับมาแล้วต้องกลับมาทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ในวันเกิดตัวเอง เอเข้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ โดยให้พี่ที่เราไว้ใจที่สุดมาเซ็นยินยอมให้ ลูกเอ๋ยโลกนี้ไม่ใช่ของเรา กลับไปที่เก่าที่เจ้าเคยมา.... หลังจากนั้นเราพักฟื้นตัว 1 วัน พี่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเอที่ รพ.เลยนะ แต่เขาก็โทรมาถามอาการทุกวัน ค่าพยาบาลหรอคะ เงินพี่เขาไม่พอค่ะ ช่วงนั้นเมียเขาทำรถยนต์พัง เขาให้เงินเอมาเพียงครึ่งเดียวค่ะ ที่เหลือหลอ ? เงินเอไงจะใครล่ะ 555+    เอออกจาก รพ.กลับมาทำงานปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ เห้ ไหมล่ะ ที่ต้องฝืนยิ้มกับทุกคน ทั้งๆเอก็ไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้น 1 เดือน พี่เขาได้พัก เขาก็มาหาเอที่บ้านครั้งนี้เราไปทำบุญที่วัดใกล้บ้านเอ เอก็คุยกับเขา เอขอเลิกกับเขาอย่างทางการ เอบอกเขาว่าไม่ต้องกลับมา ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องตามหาเอแล้วนะ  เพราะเอไม่อยากไปเป็นมือที่ 3 ไปทำลายครอบครัวเขาค่ะ (เหตุผลแค่นี้พอไหมที่ยอมทำเรื่องเลวๆลงไป) ลูกชายเขาทั้งสองกำลังน่ารักเลยค่ะ  แต่พี่เขายังไม่ยอมเลิกกับเอค่ะ เขาขอโอกาสกับเอ เขาขอเวลาไปจัดการเรื่องราวของเขาก่อนได้ไหม แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน เอรับไม่ได้ค่ะ เอทำไม่ได้ค่ะถ้าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ เอตีตัวออกห่างทุกอย่าง ตอนนี้พี่เขาลงไปประจำการที่ภาคใต้ ทำให้เขามาเจอเอไม่ได้ อ้อ ตั้งแต่คบกันมาจนเกิดเรื่อง เอไม่เคยได้ค่าเลี้ยงดูหรืออะไรจากเขาเลยสักบาทค่ะ ได้แค่ค่านอน รพ.เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
                        เอรู้ว่าเอกับเขาทำความเลวกันมามาก เอไม่รู้จริงๆค่ะว่าเขามีครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่าเขาได้หลอกทั้งพ่อแม่เอด้วย ส่วนเรื่องนี้เมียเขายังไม่รู้ค่ะ เอเลือกที่จะให้เรื่องของเราจบลงแบบนี้ เพราะเอเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่เข้าไปยุ่งกับคนที่มีครอบครัวแล้ว (เอไม่รู้มาก่อนจริงๆ) ที่เอออกมาแชร์ ไม่ได้อยากจะโชว์โง่หรืออวดความเลวใดๆนะคะ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่เอได้รับ เป็นเพียงวิทยาทานให้แก่คนที่ไม่รู้จักพอเท่าน้น จะทำอะไรยังไงก็ขอให้คิดถึงหน้าลูกเมียบ้างนะคะ แค่ความรักสนุกของคุณแต่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างนี้มันอาจจะไปทำลายชีวิตใครเขาได้  
                      ตอนนี้เอก็ยังใช้ชีวิตปกติค่ะ ทำงาน อยู่กับครอบครัวตัวเอง  เอเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง แต่ชีวิตเอก็ต้องเดินหน้าต่อไป ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ