แฟนไม่มีมารยาท พ่อแม่เราไม่ปลื้ม ทำไงดี?

สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน เรามีเรื่องจะปรึกษาค่ะ
ยาวนิดนึงนะคะ ขออภัย
ตอนนี้เราคบกับแฟนคนนี้มาได้เกือบ 9 เดือนแล้วค่ะ ขอใช้ชื่อสมมติ "เอ" นะคะ
เอ เป็นคนที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร ซื่อสัตย์ เป็นตัวของตัวเองค่ะ เป็นคนที่ไม่ค่อยคิดมาก แนวโลกสวยทำนองนั้น ขนาดอายุ 22 ก็ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร เอเป็นเติบโตในครอบครัวจีนแผ่นดินใหญ่ค่ะ
เราคบกับเอมาก็ราบรื่นพอสมควรค่ะ มีทะเลาะกันบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่เคยรุนแรงค่ะ ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนที่ใจเย็น สุขุม ส่วนเราจะค่อนข้างใจร้อน แต่ก็ไปกันได้สม่ำเสมอค่ะ
ข้อเสียของเอคือเพราะการเลี้ยงดูของเขาค่ะ ด้วยความที่ครอบครัวเป็นคนจีนแท้ มิหน่ำซ้ำเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน ทำให้พ่อแม่เขาตามใจตะพึดตะพือค่ะ เช่น ห้องส่วนตัวแม่เขาจะเก็บให้ตลอด (ทั้งๆที่อายุ 22) รถพ่อแม่ก็ขับแล้วก็ชนแต่พ่อแม่ก็ไม่เคยว่า พ่อแม่ให้เงินรายอาทิตย์ละหมื่น ...หลายอย่างค่ะแต่นึกไม่ออก
แล้วเอก็ยังรับนิสัยการกินเหมือนพ่อแม่ เช่นกินเสียงดัง เคี้ยวเสียงดัง กินเหมือนคนตายอดตายอยาก เดินเสียงดังๆ ห้องน้ำแฉะเละเทะ คือเหมือนบางกลุ่มของคนจีนแผ่นดินใหญ่มากค่ะ แล้วพ่อแม่ก็ไม่เคยตักเตือน
ส่วนเราด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่ไม่ได้เชิงเข้มงวดแต่จะสอนให้มีมารยาทแต่เด็กค่ะ แบบเจอผู้ใหญ่ให้ไหว้ทักทาย พูดขอบคุณค่ะ/ขอโทษค่ะให้ติดปาก ใช้อะไรเสร็จก็ให้วางเก็บที่เดิม กินข้าวใช้มีด ซ้อม (พ่อเป็นคนฝรั่ง แม่เป็นคนไทยค่ะ) ส่วนใหญ่เพราะคุณพ่อจะเป็นคนทำอาหารให้ ก็เน้นแต่อาหารฝรั่ง เค้าจะสอนเราให้เราไปไหนก็มีคนเอ็นดูค่ะ เราเลยติดนิสัยไม่เชิงระเบียบจ๋า แต่มีมารยาทเข้ากับผู้ใหญ่ได้ค่ะ (เวลาเราไปบ้านเพื่อน พ่อแม่เขาส่วนใหญ่จะเอ็นดูเราค่ะ ซื้อของมาฝากตลอด เราไปบ้านเขาทีไรจะทำกับข้าวโปรดเราตลอด)
หลังจากที่เราคบกับเอได้ครึ่งปี เขาก็พาเราไปเจอที่บ้านเขาค่ะ เย็นนั้นจำแม่นเลยกินกับบ้านเขา แม่เขาทำบะหมี่ให้กิน นั่งตั้งโต๊ะกันทั้งหมด 6 คน (เอมีน้องสาวสองคน) ไม่ทันจะได้กินได้ยินเสียง "ซู้ดดดด~~~ แจ๊บๆๆๆ" ดังแล้วค่ะ เราก็นั่งอยู่ก็ตกใจนิดนึงค่ะ คือตอนที่คบกันแรกๆก็เริ่มๆชะงักกับการกินของเอแล้ว แต่เย็นวันนั้นก็เข้าใจเลยค่ะว่าเขาได้จากใครมา ส่วนตัวเรา เราไม่ได้รังเกียจค่ะ คนในบ้านเขาเป็นคนจริงใจด้วยซ้ำ เราไม่เคยรู้สึกขยะแขยงกับพฤติกรรมเค้าค่ะ เพราะเราก็เข้าใจว่าพฤติกรรมอย่างนี้ก็แก้ไม่ได้เพราะเขาโตกันมาอย่างนี้ เราก็เลยไม่เคยคอมเม้นต์อะไรเลยค่ะ มิหนำซ้ำก็เข้ากับคนในบ้านเขาด้วยดี
แล้วก็ถึงตาเราพาเขามาเจอบ้านเราบ้างค่ะ เย็นวันนั้นที่เอเข้าบ้านเรา เขาทักทายพ่อแม่เราตามปกติ แต่พูดจาไม่ค่อยมีหางเสียง (ถึงพ่อเราจะฝรั่งแต่ก็พูดไทยได้ค่ะ) เนื่องจากบ้านเราค่อนข้างไกลห่างจากเมืองประมาณชั่วโมง แม่เราเลยบอกให้เอมาข้างบ้านเราค่ะ แม่เราก็จัดเตียงไว้ให้ดี พอเอถึงบ้านเราปุ๊บ ไม่ค่อยคุยอะไรกับแม่เรา โยนกระเป๋าบนเตียง แล้วนอนเลยค่ะ นอนรอจนกว่าจะได้กินข้าวเย็น
เย็นวันนั้นพ่อเราทำสเต็กเนื้อวัวกินค่ะ เราก็ช่วยจัดจาน จัดมีด ซ้อม พอเอมานั่งบนโต๊ะปุ๊บ อย่างแรกที่เค้าถามคือมีตะเกียบมั้ย พ่อเราก็เงียบเลยค่ะ (อันนี้เข้าใจค่ะ เพราะคนไทย เอเชียอย่างเราไม่ค่อยกินเน้นมีด ซ้อม ก็เลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะขออย่างอื่น) เสร็จปุ๊บเขาก็นั่งขัดสมาธิเอาแข้งขาข้างนึงพิงกับโต๊ะค่ะ พอกัดสเต็กเข้าไปก็เคี้ยวเสียงดังมากค่ะ กินไปพูดไป อาหารยังอยู่ในปาก พ่อเรานั่งอึ้งอยู่นาน เพราะปกติคนที่เราพามาบ้าน เพื่อนเรา ก็ค่อนข้างจะมีมารยาท ใช้มีดซ้อมไม่เป็นไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อเราสอนเผื่อโอกาสหน้า (พ่อเราชอบสอนคน) แล้วแต่ละคนจะไม่มีใครเคี้ยวดังขนาดนี้ พอเอกินเสร็จก็ลุกออกจากโต๊ะค่ะ ไม่รอว่าใครจะกินเสร็จ จาน ตะเกียบก็วางเละเทะบนโต๊ะกินข้าว ทั้งพ่อแม่แล้วเรายังกินไม่ถึงครึ่งก็งง คือกินเร็วมาก แนวคนจีน ตอนที่เราไปบ้านพ่อแม่เขาเราจะรอให้เขากินเสร็จก่อนแล้วจะลุก แล้วก็จะเอาจานไปวางที่อ่าง เป็นไปได้ก็ล้างของเราให้ค่ะ หลังจากนั้นเอเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ เราเข้าต่อค่ะ เกือบล้มเพราะพื้นห้องน้ำแฉะมากค่ะ ไอ้ตรงที่ที่มันไม่ควรจะแฉะก็แฉะค่ะ ผ้าเช็ดเท้ากระจัดกระจาย เราคิดในใจโชคดีที่พ่อแม่เราไม่เห็น ไม่งั้นเดี๋ยวเสียแต้มไปอีก แต้มยิ่งไม่มี
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นสายเหมือนเอค่ะ ปกติจะทำอาหารเช้ากินเองตลอดเพราะพ่อแม่เราตื่นเช้า เราตื่นประมาณ 10 โมงก็เริ่มมาทำอาหารเช้าค่ะ เช้าวันนั้นเราทำข้าวไข่เจียวหมูสับกับผัดผักค่ะ เราก็ทำเผื่อเอ ส่วนเอตื่น 10.30 ค่ะ เขาเดินผ่านเห็นเราเข้าในห้องครัวก็เดินเข้ามาดื่มน้ำแล้วกลับไปนอนต่อบนเตียงค่ะ บอกว่าอาหารเสร็จแล้วไลน์มาเลยเดี๋ยวลงมากิน แม่เรามองเข้ามาในครัวเห็นก็ไม่ค่อยพอใจค่ะ พออาหารเราเสร็จ เอก็กินสไตล์เดิมค่ะ กินเสร็จก็กองไว้ที่เดิมไม่คิดจะช่วยเราล้าง (ตอนที่เราไปบ้านเขา เราก็ช่วยตลอดเลย) หลังจากนั้นเอก็ขับรถกลับบ้าน แม่เราบอกกับเราว่า แม่โอเคกับเอนะ คือดูแล้วเขาไม่คิดร้ายกับใคร เป็นคนดี แต่แม่ไม่ชอบตรงที่เขาไม่มีมารยาท แล้วก็ไม่เคยช่วยลูกเลย ลูกลองคิดดูสิ ขนาดคบกันไม่ถึงปีเค้ายังเป็นแบบนี้ ต่อไปอนาคตไม่เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเขาล่ะ.. พอแม่พูดแบบนั้นเราก็กลับไปคิดเลย อาทิตย์ต่อไปก็มารู้ค่ะว่าพ่อเราไม่ชอบเขามากๆ คือแม่เราโอเคกับเค้าแต่แค่ไม่ชอบพฤติกรรมนี้ แต่เค้าก็รู้ว่ามันติดมาแต่เด็กคงแก้ไม่ได้ แต่พ่อเราไม่ชอบตัวเขาเลยค่ะ บอกว่าเกิดมาไม่เคยเจอใครไร้มารยาทแบบนี้
แต่เราก็ไม่เคยบอกเอเรื่องนี้ค่ะ ถึงบอกไปก็คงเปลี่ยนอะไรไม่ค่อยได้นอกจากผิดใจกับครอบครัวเราเปล่าๆค่ะ แต่คำพูดวันนั้นของแม่ก็ติดหูจริงๆค่ะ คือเราเป็นคนเชื่อแม่เราตลอด ท่านผ่านน้ำร้อนมาเยอะแล้ว เราก็เลยพยายามที่จะหลีกเลี่ยงให้เอเจอกับพ่อเราค่ะ พอเราพูดถึงเอต่อหน้าพ่อทีไร พ่อจะไม่ค่อยสบอารมณ์ค่ะ

แต่เมื่อคืนค่ะ พอดีเพื่อนเรามีงานวันเกิดค่ะ แถวบ้านเรา เขาชวนเอมางานวันเกิดด้วย ซึ่งถ้าขับรถจากบ้านเขามาบ้านเราก็ชั่วโมงกว่าๆแล้วแต่จราจรบางทีก็เกินสองชั่วโมง เมื่อวานเขาใช้เวลาขับมาสองชั่วโมงค่ะ เราก็เลยบอกแม่ว่าโอเคมั้ยถ้าเขามานอนค้างคืนบ้านเรา ไม่งั้นเค้าคงเหนื่อยขับเราไปกลับ แม่ก็บอกว่าให้ถามพ่อ พ่อก็ไม่ได้พูดอะไรค่ะ หลังเลิกงานวันเกิดเอก็มาบ้านเราค่ะ ก็ทำตัวตามเดิมค่ะ เหมือนครั้งที่แล้วที่เขาทำ โชคดีเย็นนั้นไม่ได้กินที่บ้านค่ะ พอดีกินกันที่งานวันเกิดเพื่อนแล้ว ก่อนนอนเอก็ไปอาบน้ำค่ะ เราก็คอยเล็งรอเข้าห้องน้ำต่อจะได้ไม่มีใครเห็นผลงานเอ แต่แม่ดันไปเห็นค่ะ แม่เราไม่ได้ปิดประตูแต่เราแอบเหลือบเห็นแม่เช็ดพื้นต่อจากเอ เก็บผ้าขนหนูเอเข้าเครื่องซักค่ะ เราเห็นก็รู้สึกขึ้นเลยค่ะ แม่เราไม่ควรที่จะมาเช็ดอะไรต่อจากใคร ท่านก็อายุไม่น้อยแล้ว คืนนั้นก็ใกล้เวลานอนท่านแล้ว ท่านไม่ควรที่จะมาเช็ดอะไรให้ใครเลย คืนนั้นเราเลยตัดสินใจมาคุยกับเอที่ห้องค่ะ เราอยากจะบอกเค้านิดนึงว่า เออ เวลากินข้าววันพรุ่งนี้ให้กินมีมารยาทหน่อยนะ แล้วเวลาทำอะไร ใช้อะไรให้เก็บด้วย (พ่อเราถ้าเค้าโมโหก็จะว่าเลยค่ะ) เรากลัวจะมีปัญหาในบ้านค่ะ
เรา: ตัวเอง เราขอคุยอะไรกับตัวเองหน่อย
เอ: *กำลังจะนอน* อะไร ว่ามา
เรา: คือเรา ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่เวลาตัวเองกินข้าวมันค่อนข้างเสียงดังอ่ะ
เอ: ....
เรา: แล้วคือแบบพ่อเราเค้าเป็นฝรั่งเค้าคงไม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนจีน.. ตัวเองเราว่าเธอกินเสียงดังไปหน่อยอ่ะ แล้วก็เอาขาพาดโต๊ะด้วย..
เอ: ก็มันเป็นเรื่องปกติของเรารึเปล่า
เรา: เราก็แค่บอกตัวเอง ไม่ได้คิดไม่ดี แต่เราแค่อยากให้เรากินข้าวกันอย่างสบายใจ เพราะพ่อเราเค้าค่อนข้างเข้มงวด.. เราอยากให้เธอเข้าใจนะ พรุ่งนี้เราจะได้กินข้าวกันโดยที่ไม่ต้องมีเรื่องทะเลาะกันทีหลัง
*เอไม่คุยไปซักพักนึง*
เอ: บ้านเธอนี่ใจแคบนะ ทำไมไม่ยอมรับเราในสิ่งที่เราเป็น เราจะกินอะไรยังไงก็เรื่องของเรา เราเป็นของเราอย่างนี้มา 22 ปีก็ไม่มีใครว่าอะไร เราไม่ได้อยากมาบ้านเธอเพื่อจะโดนคอมเม้นต์อะไรแบบนี้นะ ทีเธอใช้มีด ซ้อม ชั้นยังไม่เห็นพูดอะไรเลย ทีเราใช้ตะเกียบทำเป็นว่า
เรา: เอ เราไม่ได้ว่าเธอว่าให้ใช้มีดซ้อม แต่เราแค่พูดเรื่องการกิน การพาดขา เราไม่ได้บอกให้เธอเปลี่ยนหรือมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เราแค่บอกว่าพ่อเราแค่ไม่ชอบ ถ้าอยู่ต่อหน้าท่านอยากให้ตัวเองสำรวมนิดนึง เพราะเราก็ไม่อยากให้มันมีปัญหาอะไร

หลังจากที่คุยเสร็จเอก็แพ็คกระเป๋า ออกจากบ้านเราแล้วขับรถกลับบ้านค่ะ เขาบอกเค้าไม่ได้คิดจะมางานวันเกิดเพื่อนเรา แต่เค้าอยากมาเพราะอยากมาบ้านเรา แต่ทำไมคนบ้านเรารับตัวเขาไม่ได้ทั้งๆที่สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เสียหายอะไร เราก็นั่งคิดอยู่ทั้งคืน ว่าเรื่องแค่นี้ คอมเม้นต์เรื่องนี้ทำไมเขาต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียขนาดนี้ ควรจะเลิกดีมั้ยเพราะถ้าเค้าไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยนี้แล้วเราต้องใช้ชีวิตเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเค้าตลอดชีวิต? โดยรวมเอเป็นคนจริงใจและใจกว้างค่ะ ตลอดเวลาที่คบกันมาไม่เคยมีปัญหาค่ะ มีปัญหาเรื่องนี้เรื่องเดียว แล้วปัญหานี้บ้านเราก็ไม่ค่อยชอบ ตัวเขาเองก็ไม่ยอมรับฟังความเห็นใครค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปพอมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มั้ยคะ ที่พอจะแนะนำได้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบในฐานะผู้ชาย นะครับ

คุณพ่อคุณแม่ คุณ สอนคุณดีแล้วครับ
และที่ท่านแนะนำ ก็ถูกเลย

ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่แค่   "ไม่มีมารยาท" (อย่างที่สุด)
แต่ ยิ่งไปกว่านั้น คือ

- ไม่มีความคิด
- ไม่แคร์คนอื่น ไม่เห็นคนอื่นในสายตา ไม่สนใจคนอื่น
- ไม่รู้จักการเข้าสังคม
- โลกนี้ ฉันคือศูนย์กลาง ฉันถูกเสมอ


คุณลองเอาที่ผม List ไว้ ไปคิดดู ครับ ว่า ถูกไหม ที่ว่า นอกจาก "ไม่มีมารยาท"
เขายังเป็นคนในแบบ 4 ข้อข้างบน



............ว่าแต่ เขาทำงานอะไรครับเนี่ย
แล้ว อายุเท่าไรแล้ว



>>> แต่แม่ดันไปเห็นค่ะ แม่เราไม่ได้ปิดประตูแต่เราแอบเหลือบเห็นแม่เช็ดพื้นต่อจากเอ เก็บผ้าขนหนูเอเข้าเครื่องซักค่ะ
>>> เราเห็นก็รู้สึกขึ้นเลยค่ะ แม่เราไม่ควรที่จะมาเช็ดอะไรต่อจากใคร ท่านก็อายุไม่น้อยแล้ว คืนนั้นก็ใกล้เวลานอนท่านแล้ว
>>> ท่านไม่ควรที่จะมาเช็ดอะไรให้ใครเลย

จากข้อความนี้
ขอชื่นชม จากใจจริงครับ
คุณมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ รู้จักคิด รู้จักสิ่งที่ควรไม่ควร
ดีมาก ๆ  ครับ



>>> เอ: บ้านเธอนี่ใจแคบนะ ทำไมไม่ยอมรับเราในสิ่งที่เราเป็น เราจะกินอะไรยังไงก็เรื่องของเรา
>>> เราเป็นของเราอย่างนี้มา 22 ปีก็ไม่มีใครว่าอะไร เราไม่ได้อยากมาบ้านเธอเพื่อจะโดนคอมเม้นต์อะไรแบบนี้นะ
>>> ทีเธอใช้มีด ซ้อม ชั้นยังไม่เห็นพูดอะไรเลย ทีเราใช้ตะเกียบทำเป็นว่า

เขามองผิดประเด็นไปมาก เลยครับ


>>> เขาบอกเค้าไม่ได้คิดจะมางานวันเกิดเพื่อนเรา แต่เค้าอยากมาเพราะอยากมาบ้านเรา
>>> แต่ทำไมคนบ้านเรารับตัวเขาไม่ได้ทั้งๆที่สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เสียหายอะไร

เสียหาย นะครับ
ไปบ้านคนอื่นเขา มิใช่บ้านนั้น ต้องเป็นคนรับใช้
จะทำอะไร ก็ต้องคิดถึงคนที่อยู่ด้วยกัน

แสดงว่า ผู้ชายคนนี้ ไม่รู้จักคำว่า "การเข้าสังคม" เลย



ลองคิดดูครับ แน่ใจหรือว่าสิ่งที่เขาทำมิใช่การ ทำร้ายคนอื่น
การทำร้ายมีหลายแบบ นะครับ
เช่นการสร้างภาระ
การทำของเสียหาย
การสร้างสถานการณ์อันตรายให้คนอื่น

เขาอาจไม่คิดว่า นั่นคือเขาผิด
เพราะเขาอยู่ใน 4 ข้อที่ผม List ไป



ผมเชื่อว่า คุณเอง ก็คงมีทางออกอยู่
เหลือแค่ว่า "เขาไม่ได้ทำอะไรให้คุณเดือดร้อน"
คุณเลย คิดว่า ยังรักเขาได้อยู่

ห้าม นะครับ
ห้าม มองว่า ... ต่อไป ถ้าแต่งงาน คุณก็ไปอยู่บ้านฝ่ายชาย ก็ได้
หรือ แยกออกมาอยู่ก็ได้

คุณคิดให้ดีก่อน ว่า
อนาคต ของคุณ จะเป็นอะไรสำหรับเขา
เขาเคยแคร์คุณไหม
ลูกคุณ(หากมี) จะเป็นคนเช่นไร จะเป็นคนมีมารยาท แบบคุณ ซึ่งได้มาเพราะมีพ่อแม่ที่ดีคอยสอน หรือ... จะเป็นแบบใด


ผมเชื่อ ครับ ว่าคุณคิดได้

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 36
สวัสดีค่ะ ขอขอบคุณเพื่อนๆพันทิปที่ตอบกันทั้งในเว็บและเฟสบุคนะคะ
ขออัพเดตเพิ่มเติมค่ะว่าตอนนี้เราได้ขอเลิกกับเค้าแล้วค่ะ
จะถามว่าเจ็บมั้ย.. เฮิร์ทมั้ย.. ก็ไม่เชิงนะคะ เรารู้สึก "โล่งใจ" มากกว่านะคะ เหมือนอะไรที่มันถ่วงอกเรามันหลุดแล้ว
ตอนที่เราบอกเลิกกับเจ้าตัว เขาก็ช็อกค่ะ แล้วก็มาถามเราว่าเป็นเพราะพฤติกรรมเมื่อวันก่อนเหรอ
มันไม่ใช่แค่เมื่อวันก่อนหรือเดือนก่อนค่ะ เราไม่ได้คิดแค่อดีต แต่เราคิดถึง อนาคต ของเราด้วยค่ะ
ที่เราเตือน เราบอกเธอไม่ใช่ว่าเราจงใจที่จะว่าติเขา แต่เราเตือนด้วยความหวังดี ไม่ใช่แค่ให้พ่อแม่เราปลื้มแต่คนรอบตัวของเขาด้วยค่ะ
ที่เราพูดเตือนเค้าไปจะได้ไม่ไปเป็นตัวตลกให้คนอื่นว่าถึงพ่อแม่เขาค่ะ.  แต่เมื่อเจ้าตัวมองความหวังดีของเราเป็นคำดูถูกก็ตามใจเค้าเนอะ
ตอนนี้เราว่าเราอยู่ของเราเองดีกว่า ตั้งใจเรียน ดูแลพระในบ้านดีกว่า
ขอบคุณเพื่อนๆพันทิปทุกคนนะคะที่ให้กำลังใจและเล่าประสบการณ์

ปล. พ่อแม่แฟนเป็นจีนรุ่นแรกที่มาไทยค่ะ แต่ย้ายมาตอนอายุ 30 กว่าๆติดนิสัยจากจีนมาเยอะแล้วแก้ไม่ได้เลย ลูกก็เลยได้รับจากพ่อแม่ 100% ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
เราก็เกิดในครอบครัวจีนนะ ลูกชายนี่คือเทวดาอ่ะ ลูกสาวคือคนใช้
เราตามรับใช้มาตั้งแต่จำความได้อ่ะ
แต่ตอนแต่งเราเลือกคนที่มีน้ำใจช่วยเหลือ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่งั้นจะเหนื่อยมากนะ
เมืยต้องทำทุกอย่างจิงๆรับใช้ผัว พ่อแม่ผัว ดูแลลูกคนเดียว ทำงานอีก
ทนได้ไหมละ20-30ปีนะ  ไหวไหม
เค้าไม่เปลี่ยนหรอก เค้ามีตังโดนสปอยขนาดนั้นนะ
พ่อแม่เค้ายังไม่ดูแลรับใช้เลย แค่แฟนเค้าไม่ทำหร้อก
เป็นเราหาใหม่ดีกว่า ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะหาไม่ได้นิ
เราอ่ะเข็ดกะที่บ้านมาก(กระโถนดีๆเลยเรา)
ตั้งใจเลยจะไม่เลือกคนแบบน้องชาย แบบครอบครัวเราเด็ดขาด
อ้อ แล้วอย่าหวังมากนักว่าแต่งละจะแยกบ้านนะ ลูกชายคนเดียว บอกเลยยากกกกส์
ความคิดเห็นที่ 3
ขอแย้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เราเป็นคนจีนแบบ จีน 100% เลยนะ ปู่ย่าตายายอพยพมาหมด ที่บ้านไม่ได้สอนให้กินเสียงดังค่ะ
เราใช้ตะเกียบกับช้อนแกงกินข้าวตั้งแต่เด็ก แต่พ่อแม่ก็สอนการใช้ช้อน ส้อม มีด ตามปกติ ไม่ให้ชันขาตอนกินข้าว
ห้องน้ำทำเละเทะก็โดนว่าเหมือนกัน อันนี้เป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวเค้าแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเค้าโตมาได้ยังไง
มีเพื่อนมีสังคมได้ยังไงถ้าเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าเกิดมายี่สิบกว่าปี จะต้องเคยไปบ้านเพื่อนกันบ้างแหละ ไม่เคยโดนคอมเม้นบ้างเลยหรอ
อันนี้น่าแปลกมากๆ แล้วความคิดแคบด้วย อะไรๆก็เอาแต่ตัวเอง ถ้าตามบทสนทนาที่จขกท.บอก คือจขกท.ใจเย็นมากแล้วนะ
เป็นเราคงบอกให้แม่หยุดเช็ด แล้วไปลากเอมาเช็ดเดี๋ยวนั้นเลย แม่จขกท.ใจดีและใจกว้างมากจริงๆ

เสริมอีกนิด อยู่บ้านเราไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ อยากกินตอนไหน ตรงไหน เรียกพี่เลี้ยงยกโต๊ะ
กับอาหารมาตั้งให้ได้เลย
กินเสร็จเรียกให้เค้าเก็บ งานบ้านไม่ต้อง ผ้าห่มไม่ต้องพับด้วยซ้ำ พูดง่ายๆคือไม่ทำ 5 อะไรเลย
แต่อยู่กับคนอื่นเราทำได้หมด ไปแลกเปลี่ยนเราทำงานบ้านให้โฮสเท่าที่เราทำได้ เช็ดห้องน้ำยังทำเลย
ถึงเค้าไม่ได้ขอก็เหอะ แต่เราไปอาศัยเค้า แม่บ้านเค้าก็ไม่มี พ่อแม่เราไม่ได้สอนมาแบบนั้น เค้าสอนให้เราทำให้เป็น ถึงแม้อยู่ในบ้านเราจะไม่จำเป็นต้องทำก็ตาม
แต่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เรายังต้องคบหาสมาคมกับคนอื่นๆอยู่ มันก็ต้องปรับตัว ต้องทำให้ได้ นอกจากพ่อแม่ใครจะไปรับนิสัยแย่ๆของเราได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่