กฎแห่งแรงดึงดูด กับคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น ย้อนแย้งกันไหม?

มีความสงสัยค่ะว่า...

กฎแห่งแรงดึงดูดนั้น บอกให้เราคิดซ้ำๆ ย้ำๆ เชื่อในสิ่งที่เราอยากจะเป็น
อยากรวย ก็ต้องคิดว่า
ฉันมีบ้านหลังใหญ่โต (ทั้งๆ ที่ยังอยู่ห้องเช่าแคบๆ )  
ฉันมีรายได้ 1 ล้านบาทต่อเดือน (ทั้งๆ ที่จริงๆเงินเดือนแค่ 15,000)
ฉันมีสุขภาพที่แข็งแรง (ทั้งๆ ที่เจ็บๆ ออดแอดมาตลอด)
แต่ต้องสะกดจิตตัวเองเข้าไว้  เพื่อให้มันเป็นจริงขึ้นมาในอนาคต


ในขณะที่ทางพระพุทธศาสนานั้น สอนให้เรา  ปล่อยว่างความคิด
ทำจิตให้ว่าง   ให้ว่างจากความคิด   มีสติอยู่กับปัจจุบัน
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น...

พระพุทธศาสนา  สอน ให้เราละทิ้งซึ่งตัวตน ลดอัตตา คลายความยึดมั่นถือมั่น
แต่กฎแห่งแรงดึงดูด  มีแต่ ฉัน... ฉัน... ฉัน  ฉันรวยนะ..ฉันสวยมาก...ฉันดีมาก...ฉันเก่งมาก...ฉันทำได้...

พระพุทธศาสนา สอนให้ เราละสมบัติภายนอกซึ่งไม่ใช่ของของเรา  
งั้นแสงดว่า กฎแห่งแรงดึงดูด สอนให้เรามีความโลภ   เพิ่มความโลภให้กับเรา เช่นนั้นหรือไม่

เมื่อเป็นเช่นนี้ หมายความว่าเราต้องเลือกใช่ไหม
ว่าถ้าเราอยู่ทางโลก ยังมีความ "อยาก"  เราก็ต้องใช้กฎแห่งแรงดึงดูด

แต่ถ้าเราต้องการสละ อยู่ทางธรรม เราก็ต้อง ศึกษาคำสอนของพระพุทธศาสนา

สองแนวคิดนี้คือไปด้วยกันไม่ได้ใช่ไหม?  หรือไปด้วยกันได้อย่างไร?
ใครเคยมีประสบการณ์การใช้กฎแห่งแรงดึงดูดให้เป็นจริง โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาไปด้วย
แชร์ประสบการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ

ขอบคุณค่ะ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่