อันนี่เป็นเรื่องที่เกิดใกล้ตัวผมครับ เป็นเรื่องของเพื่อนแม่ผมเอง ผมขอเรียกเธอว่าน้าฮึมนะครับ
น้าฮึมเป็นเพื่อนแม่ที่ผมรู้จักมากที่สุด เพราะแกจะไปมาหาสู่กับแม่ผมอยู่เป็นประจำ แกเป็นหม้ายครับ น้าฮึมมีลูกสาวคนเดียวอายุประมาณ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 ผมขอเรียกลูกน้าฮึมว่าฝนละกันครับ
เพราะเป็นลูกเพียงคนเดียว น้าฮึมแกเลยตามใจฝนทุกอย่าง จนฝนเป็นเด็กเอาแต่ใจ นิสัยเสีย พูดจาโผงผางไม่มีหางเสียง ดูแล้วเป็นเด็กเกเรใช้ได้เลย น้าฮึมเคยพาฝนมาที่บ้านผมครั้งนึง ผมถึงกับประสาทเสียกับพฤติกรรมของฝนเลยจริงๆ ก้าวร้าวมาก
ด้วยความเป็นเด็กนิสัยเสีย ทำให้ฝนมีวีรกรรมที่โรงเรียนบ่อยๆ จนทางโรงเรียนต้องเรียกน้าฮึมเข้าไปพบ เพื่อรายงานพฤติกรรมของฝนให้ทราบ และช่วยกันหาทางออกก่อนที่ฝนจะกลายเป็นเด็กที่ควบคุมไม่ได้
พฤติกรรมของฝนที่โรงเรียนมันหนักหนากว่าที่น้าฮึมคิดไว้มาก นอกจากพฤติกรรมแย่ๆของฝนที่ผมเล่าไปแล้ว ฝนยังแอบสูบบุหรี่ที่รร. มีการทดลองใช้ยาเสพย์ติด ข่มขู่เพื่อนร่วมห้องตั้งตนเป็นใหญ่ ทะเลาะกับอาจารย์จนถึงขั้นจะตบหน้าอาจารย์แต่อาจารย์ท่านอื่นห้ามไว้ทัน มีเรื่องของการชู้สาวกอดจูบกับนักเรียนชายในห้องน้ำ มีการเปิดกล้องโชว์ของลับผ่านมือถือในห้องเรียน และล่าสุดที่จับได้คือไปหลับนอนกับผู้ชาย ซึ่งเป็นพี่ชายของแฟนฝนเอง เฮ้อออ สุดๆ
น้าฮึมพอแกได้รับรู้เรื่องพวกนี้แกช็อคมากครับ แต่ด้วยความที่แกเครียดไม่รู้จะทำยังไง(ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมกับแม่ไปตจว.พอดี) แกเลยเอาเรื่องของฝนไปปรึกษาป้าข้างบ้าน แล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง เพียงเพราะความเป็นห่วงลูก และอยากระบายความอัดอั้นตันใจออกไปบ้าง พอน้าฮึมได้ปรึกษาเพื่อนบ้านแกก็สบายใจขึ้น ป้าข้างบ้านเป็นผู้ฟังที่ดี แถมยังช่วยหาทางออกให้ฝน ดูเป็นห่วงเป็นใยน้าฮึมไม่น้อยเลย
แต่ครับแต่ หลังจากนั้นประมาณ3วัน เรื่องที่น้าฮึมเล่าให้ป้าข้างบ้านฟัง มันกลับกลายเป็นเรื่องที่คนทั้งหมู่บ้านรู้ น้าฮึมไปไหนก็มีแต่เสียงนินทาเรื่องฝนเข้าหูอยู่ประจำ พอเรื่องมันพูดกันปากต่อปาก มันก็ขยายเป็นวงกว้างออกไปอีก ตอนนี้ฝนเปรียบเหมือนกับเด็กที่เป็นขยะของคนทั้งหมู่บ้านไปแล้ว ไปไหนก็ไม่มีใครอยากต้อนรับ
ตัวฝนเองพอรู้ว่าเรื่องทั้งหมด เป็นสิ่งที่หลุดออกมาจากปากแม่ของตัวเอง ก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนฝนหนีออกจากบ้าน ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว5วัน ยังตามหาตัวฝนไม่เจอเลย น้าฮึมได้ไปแจ้งความไว้แล้ว หวังว่าจะเจอตัวเร็วๆนี้นะครับ
เฮ้ออ เรื่องนี้มันทำให้ผมได้คิดนะครับ ว่าบางครั้งการที่เราเอาเรื่องของคนในบ้านไปปรึกษาคนอื่น มันอาจกลายเป็นว่า เรานี่แหละที่เป็นฝ่ายเอาเรื่องของคนในบ้านไปนินทาให้คนอื่นฟัง โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะเราไม่รู้เลย..ว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง
ก็ในเมื่อตัวคุณเองยังไว้ใจตัวเองไม่ได้ที่เอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วคุณยังจะไว้ใจใครได้อีก..
“อยากให้เป็นห่วงอย่างมีสตินะครับ”
อยากฝากถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่.. ควรคิดให้ดีก่อนจะเอาเรื่องของลูกไปปรึกษาใคร เพราะมันอาจกลายเป็นการฆ่าลูกตัวเอง โดยไม่รู้ตัว
น้าฮึมเป็นเพื่อนแม่ที่ผมรู้จักมากที่สุด เพราะแกจะไปมาหาสู่กับแม่ผมอยู่เป็นประจำ แกเป็นหม้ายครับ น้าฮึมมีลูกสาวคนเดียวอายุประมาณ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 ผมขอเรียกลูกน้าฮึมว่าฝนละกันครับ
เพราะเป็นลูกเพียงคนเดียว น้าฮึมแกเลยตามใจฝนทุกอย่าง จนฝนเป็นเด็กเอาแต่ใจ นิสัยเสีย พูดจาโผงผางไม่มีหางเสียง ดูแล้วเป็นเด็กเกเรใช้ได้เลย น้าฮึมเคยพาฝนมาที่บ้านผมครั้งนึง ผมถึงกับประสาทเสียกับพฤติกรรมของฝนเลยจริงๆ ก้าวร้าวมาก
ด้วยความเป็นเด็กนิสัยเสีย ทำให้ฝนมีวีรกรรมที่โรงเรียนบ่อยๆ จนทางโรงเรียนต้องเรียกน้าฮึมเข้าไปพบ เพื่อรายงานพฤติกรรมของฝนให้ทราบ และช่วยกันหาทางออกก่อนที่ฝนจะกลายเป็นเด็กที่ควบคุมไม่ได้
พฤติกรรมของฝนที่โรงเรียนมันหนักหนากว่าที่น้าฮึมคิดไว้มาก นอกจากพฤติกรรมแย่ๆของฝนที่ผมเล่าไปแล้ว ฝนยังแอบสูบบุหรี่ที่รร. มีการทดลองใช้ยาเสพย์ติด ข่มขู่เพื่อนร่วมห้องตั้งตนเป็นใหญ่ ทะเลาะกับอาจารย์จนถึงขั้นจะตบหน้าอาจารย์แต่อาจารย์ท่านอื่นห้ามไว้ทัน มีเรื่องของการชู้สาวกอดจูบกับนักเรียนชายในห้องน้ำ มีการเปิดกล้องโชว์ของลับผ่านมือถือในห้องเรียน และล่าสุดที่จับได้คือไปหลับนอนกับผู้ชาย ซึ่งเป็นพี่ชายของแฟนฝนเอง เฮ้อออ สุดๆ
น้าฮึมพอแกได้รับรู้เรื่องพวกนี้แกช็อคมากครับ แต่ด้วยความที่แกเครียดไม่รู้จะทำยังไง(ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมกับแม่ไปตจว.พอดี) แกเลยเอาเรื่องของฝนไปปรึกษาป้าข้างบ้าน แล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง เพียงเพราะความเป็นห่วงลูก และอยากระบายความอัดอั้นตันใจออกไปบ้าง พอน้าฮึมได้ปรึกษาเพื่อนบ้านแกก็สบายใจขึ้น ป้าข้างบ้านเป็นผู้ฟังที่ดี แถมยังช่วยหาทางออกให้ฝน ดูเป็นห่วงเป็นใยน้าฮึมไม่น้อยเลย
แต่ครับแต่ หลังจากนั้นประมาณ3วัน เรื่องที่น้าฮึมเล่าให้ป้าข้างบ้านฟัง มันกลับกลายเป็นเรื่องที่คนทั้งหมู่บ้านรู้ น้าฮึมไปไหนก็มีแต่เสียงนินทาเรื่องฝนเข้าหูอยู่ประจำ พอเรื่องมันพูดกันปากต่อปาก มันก็ขยายเป็นวงกว้างออกไปอีก ตอนนี้ฝนเปรียบเหมือนกับเด็กที่เป็นขยะของคนทั้งหมู่บ้านไปแล้ว ไปไหนก็ไม่มีใครอยากต้อนรับ
ตัวฝนเองพอรู้ว่าเรื่องทั้งหมด เป็นสิ่งที่หลุดออกมาจากปากแม่ของตัวเอง ก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนฝนหนีออกจากบ้าน ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว5วัน ยังตามหาตัวฝนไม่เจอเลย น้าฮึมได้ไปแจ้งความไว้แล้ว หวังว่าจะเจอตัวเร็วๆนี้นะครับ
เฮ้ออ เรื่องนี้มันทำให้ผมได้คิดนะครับ ว่าบางครั้งการที่เราเอาเรื่องของคนในบ้านไปปรึกษาคนอื่น มันอาจกลายเป็นว่า เรานี่แหละที่เป็นฝ่ายเอาเรื่องของคนในบ้านไปนินทาให้คนอื่นฟัง โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะเราไม่รู้เลย..ว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง
ก็ในเมื่อตัวคุณเองยังไว้ใจตัวเองไม่ได้ที่เอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วคุณยังจะไว้ใจใครได้อีก..
“อยากให้เป็นห่วงอย่างมีสตินะครับ”