เมื่อฉันขับรถเหยียบ "คนตาย"

สวัสดีค่ะ เราจะเริ่มยังไงดี ขอออกตัวก่อนว่านี้เป็นการตั้งใจสมัครพันทิปเพื่อมาเขียนกระทู้นี้ โดนเฉพาะ
ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ ไว้เป็นแนวทาง ไว้เป็นความรู้ บรา..บรา..บรา..อะไรก็แล้วแต่ เพราะเมื่อมันมีปัญหา
เกิดขึ้นแล้ว ความวิตกกังวล+สติที่หลุดลอยจะนำพาเราหลงทาง อย่างน้อยๆดิฉันอยากให้กระทู้นี้เป็นแนว
ให้หลายๆคนที่ประสบปัญหาเหมือนดิฉันได้พอมีทางออกบ้างค่ะ
      เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นดิฉันและเพื่อนได้นัดกกันไปกินหมูกระทะในตัวเมือง เราออกจากที่ทำงานประมาณ 5โมงเย็นคะ
เราไปกัน 3 คนคะแล้วนัดเพื่อนทีในเมืองอีก 2 กินข้าวกันไรกันตาม เลิกเสร็จก็ประมาณเกือบ2ทุ่มคะ เราก็กลับ
ทางกลับเป็นถนนสี่เลนมีเกาะกลาง ทางตรงตลอดไม่มีโค้ง เราก็ขับปกติคะไม่ได้เร็ว80-90 ตามประสาผู้หญิง
แต่เราขับชิดขวาเพราะว่าใกล้ยูเทินแล้ว ถนนมีไฟมาตลอดคะ มีช่วงสั้นๆที่มืดปะมาณ4-5Km ช่วงนี้แหละคะที่ทำให้เกิดเรื่อง
ดิฉันขับรถเปิดเพลงคุยกันไปเรื่อย พอขับเลยถึงช่วงไม่มีไฟมาได้สักพักก็สังเกตเห็นวัตถุสีดำอยู่ที่พื้น ขวางทางเราอยู่
สีดำจริงๆคะ และขวางอยู่กลางทางคล้ายถุงอะไรสักอย่างสีดำๆ (ดิฉันคิดว่ามันเป็นถุงที่ตกจากรถคันอื่น)
เราไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร ไฟก็ไม่มีถนนมืดมากๆดิฉันเหยียบเบรกแล้วก็ตะโกนขึ้นว่า"อะไรนะ"
ทุกคนก็มองไปที่ถนนพร้อมกัน "คน"ดิฉันตะโกนลั่นเหยียบเบรกสุดแรง แต่รถไม่หยุดคะ(รถอายุ7ปีABS)
รถพุ่งชนร่างอย่างจัง ช่วงร่างดังกรุกกรักๆ ดิฉันและเพื่อนกรี๊ดลั่น ตั้งสติได้อีกทีรถจอดค่อมเลนอยู่
เอาไงๆสติแต่ละคนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว กลับรถๆฉับบอกทุกคนอย่างนั้นแล้วใช้ก็ถอยรถ เพื่อจะกลับไปช่วยคู่กรณี
แต่รถถอยไม่ได้ ดิฉันเข้าใจว่าช่วงล่างคงเสียหาย งั้นๆแอบรถเพื่อนดิฉันบอก โอเคแอบรถแล้ววิ่งกลับไปดู
เราแอบรถชิดขวาเพื่อลงไปดู จอดรถได้ก็รีบเปิดประตูรถลงไปโดยดิฉันลงคนแรก กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงฉันร้องแบบคนเสียสติ เค้าอยู่ตรงนี้ๆๆๆ ภาพที่ฉันเห็นคือมีคนติดอยู่ใต้ท้องรถฉัน หน้าเละ สมองแตก กลิ่นคาวเลือด+กลิ่นเหล้าคุ้ง
ฉันกรี๊ดๆๆๆแบบคนบ้า เหมือนในละครเลย วินาทีนั้นไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไร สักพักตั้งหลักได้ตามรถๆๆๆ เพื่อนโทร1669 ตามกู้ชีพมา
ดิฉันก็โทรตามรถโรงบาลของที่ทำงาน และให้เค้าประสานตำรวจเพราะว่าใกล้กว่าของตัวเมือง ระหว่างที่รอสติฉันไม่อยู่แล้ว
ฉันร้องไห้แล้วก็กรี๊ดๆเพื่อนมาด้วยกันยืนกอดกันกลม ถนนมืดแล้วก็มีศพอยู่ใต้รถ มีกลิ่นคาวเลือดเต็มไปหมด มันเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายมากๆๆๆ
สักพัก(แต่ในความรู้สึกฉันคือแสนนานเหลือเกิน) พี่กู้ชีพมาถึงยืนยันเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ตำรวจมานักข่าวมาเยอะแยะไม่หมด
ฉันจำได้ฉันพูดอยู่คำเดียว "เขานอนขวางถนนอยู่ ฉันไม่เห็นเค้า"พูดไปร้องไห้ไป พูดไปสะอื้นไป ความรู้สึกตอนนั้นมันมืดแปดด้านจริงๆ
ในหัวคิดแต่ฉันจะทำยังไงๆฉันต้องติดคุกใช่มั๊ย แล้วก็ร้องไห้ๆ ตำรวจได้ให้ฉันไปรอที่โรงพัก แล้วก็ให้เอารถไปด้วย พี่ที่ทำงานเป็นคนขับไปให้
รถวิ่งได้ปกติไม่มีอะไร พอถึงสถานีตำรวจก็มาสอบถามเรื่องราวว่าอะไรเป็นยังไง ฉันก็บอกไปตามความจริงว่าขับรถมามันมืดไม่เห็นว่าเค้า
นอนขวางทางอยู่ก็เลยเหยียบไป ตำรวจได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นชายสูงวัย สูงราว150 cmใส่กางเกงยีนเสื้อแจ๊คเก๊ตดำ
ณ จุดที่ชนพบโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง กระจกรถยนต์1ชิ้น(ซึ้งไม่ใช่ของรถดิฉัน) เบีย2กระป๋อง ไม่มีบัตรประชาชน เพื่อนและแฟนได้ช่วยกันถอดซิม
เพื่อจะติดต่อญาติ แต่ไม่สำเร็จเพราะไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย ตำรวจส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาล แล้วก็ให้ดิฉันกลับบ้านเพื่อมาสอบปากคำวันหลัง
ไม่กักตัวเพราะว่า ไม่ได้หลบหนีและแจ้งความเอง(สำคัญมากนะคะ ชนแล้วห้ามหนีเด็ดขาด!!)
   เช้าวันถัดมา ดิฉันตื่นมาแต่เช้าด้วยความรู้สึกย่ำแย่  ความรู้สึกผิด ความกลัว ทุกสิ่งทุกอย่างถาโถมเข้ามา เดินลงมาเห็นพ่อกับแม่กำลังวุ่นกับโทรศัพท์
เพราะตามญาติไม่ได้ ประมาณ 7โมงเช้าแม่โทรติดดีใจมาก อย่างน้อยเราก็ตามญาติได้แล้ว แม่บอกข่าวสักพักแล้วนัดกันไปพบที่บ้านคู่กรณี
คู่กรณีเป็นชายอายุประมาณ 70กว่าปี ทำงานก่อสร้างอยู่โรงงานใกล้ๆ(โรงงานอยู่ตรงยูเทินพอดีและตรงงานโรงงานมีไฟสว่างมาก)มีเมีย2คน คนแรกเลิกกันนานแล้วและมีลูก3คน มีครอบครัวหมดแล้ว เมียคนที่2อายุ40 กว่าๆ มีลูกสาว 1 คนเรียน ป.6(สองคนนี้จดทะเบียนซ้อน)
พอไปถึงบ้านญาติ ภาพที่เห็นคือบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ มีเสา+หลังคา กั้นห้อง 1 ห้องไว้เป็นห้องนอน เพื่อนบ้านมาเตรียมงานรอที่บ้าน
เมียและลูกยังมาไม่ถึง เพราะเข้าไปรับศพ เรารอทีประมาณ30นาที ศพก็มาถึงบ้าน เมียเดินมาน้ำตาซึม  คนที่ร้องไห้หนักกว่าคือฉัน ฉันรีบเข้าไปขอโทษ(พูดไปร้องไปไม่รู้เค้าจะรู้เรื่องมั๊ย)บอกแต่ว่าดิฉันไม่ได้ตั้งใจ เค้าดูยังเป็นงงอยู่ ดิฉันไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าศพเงียบๆ เค้าไม่มีรถพ่อเลยพาเค้าไปทำธุระทุกอย่าง แม้แต่รูปติดหน้าศพพ่อก็ทำให้ เรากับแม่และเพื่อนที่ไปด้วย รอที่บ้านงาน ชาวบ้านนิมนต์พระมาสวดนำศพลงโลง
หลังพระสวดเสร็จ ไม่มีเจ้าของบ้านเลย เรากับแม่เลยรวมเงินกันใส่ซองพระไปก่อน หลังจากเค้าทำธุระเสร็จก็กลับมาจัดแจงงานเพื่อที่จะสวดอภิธรรมเย็น เราและเพื่อนได้ทำพิธีจขอขมาศพ ขอขมาญาติ เมียและลูกของเค้า หลังจากนั้นเราก็มาตกลงเรื่องการรับผิดชอบกัน เราบอกทางเราก็ไม่ได้ร่ำรวยไม่มีเงินอะไรเราจะช่วยงานศพ และวันนี้เราเตรียมเงินมาหมื่นนึงจะให้เอาไว้จัดงานก่อน( จ่ายรอบที่1 ) แล้ววันเผาเราจะจ่ายอีก 3หมื่น เราขอเป็นเจ้าภาพ1คืน(เค้าสวด3คืน)และขอเป็นเจ้าภาพวันเผา เรื่องประกันเราจะยกให้หมด แต่ก้อนแรกเค้าจะจ่ายก่อน3หมื่นที่เหลือเรื่องเสร็จเค้าจะจ่ายให้ทีหลัง
ทั้งหมดมัน 3 แสนบาท คุณโอเคมั๊ย เค้าบอกเค้าโอเค แล้วอยู่ๆน้องสาวของเมียคนที่2เค้าก็เข้ามา เข้ามาพูดๆว่า เนี่ยคุณต้องรับผิดชอบนะ ลูกเค้าก็เรียนอยู่ บ้านเค้ายังไม่เสร็จ เมียเค้าก็ไม่มีอาชีพโน้นนี้นั้น สุดท้ายจบลงที่ว่า ไม่อยากให้ดิฉันเค้าคุก ถ้าได้เงินแล้วเราจะถอนแจ้งความจะได้ไม่มีคดีติดตัว(เอ่าคุกมาขู่ และคนแจ้งความคือเราแถมเป็นคดีอาญา) พ่อเลยตัดความว่าเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ให้งานศพเสร็จก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน
    วันต่อมาช่วงเช้าเราเลยไปวิ่งเรื่องเอกสาร พรบ.แล้วซื้อของไปช่วยงาน พ่อกับแม่บอกเราช่วยเค้าเต็มที่นะ
เราเลยซื้อทุกอย่างคะ กับข้าวกับปลา ของสด น้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำสำหรับถวายพระ ซื้อของเหล่านี้ไปช่วยงาน คือเราช่วยเหมือนงานญาติเราเองจริงๆ
วันเผาเราก็ซื้อของไป แล้วที่ทำงานก็รวมเงินไปช่วยอีกจำนวนหนึ่ง ใส่ซองพระครบอายุผู้ตาย (70 กว่าซอง ขั้นต่ำซองละร้อย ไม่รวมเจ้าคณะตำบล500-1,000รวมเป็นเงินเกือบหมื่นบาท ) พ่อให้ผู้ใหญ่บ้านเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ในชุมชนไปร่วมงาน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต.ผอ.โรงเรียน คือจัดให้สมเกียรติไม่ให้น้อยหน้า เราก็เอาแต่ร้องไห้คือมันเจ็บปวดจริงๆเราร้องเหมือนเค้าเป็นญาติเราร้องจนเมียเค้าร้องตาม
หลังเสร็จงานก็จ่ายตามสัญญา 3 หมื่นบาท(จ่ายครั้งที่2) หลังเสร็จงานเผาญาติเค้าก็มาจากไหนไม่รู้เยอะแยะ มาขอโน้นนี้นั้น เริ่มจากูกสาวคนโต(กับเมียคนที่1 ) มาเรียกร้องค่าเลี้ยงดูน้องสาวคนเล็ก ขอเดือนละหมื่นห้า(บ้าไปแล้วมันเท่ากับเงินเดือนฉันเลยนะ )  พี่ชายคนตาย(บวชเป็นพระไม่เจอกันมา 30 ปี) ขอให้ทำบุญให้อีก พ่อเราปฏิเสธทุกข้อบอกว่าเราช่วยเยอะแล้ว มันก็เยอะจริงๆ ที่เหลือให้รอเงิน พรบ.แล้วกัน
อ่อลืมบอกการจ่ายเงินการไปช่วยงานให้บันทึกภาพไว้ทุกครั้งนะคะ หาพยานที่เป็นคนกลางอาจเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นเป็นได้ให้อัดวีดีโอทำสัญญาเป็นมั่นเหมาะ ไม่งั้นอาจมีกลับคำได้ กลับจริงๆนะเดี๋ยวจะเล่าต่อไป
เอาเป็นว่าการช่วยงานจบไป ดิฉันหมดไป(5-6หมื่นบาท) ทำงานไม่ได้อีกเป็นอาทิตย์ (จ้างเค้าทำงานแทนหมดอีกหลายพัน) เงินเราก็ไม่มีหรอกคะ จำได้ว่าวันที่เกิดเรื่องฉันมีเงินติดตัวอยู่แค่2หมื่น(นั้นคือเงินที่จะใช้จ่าย+ค่างวดรถของเดือนนั้น) ฉันเอาให้พ่อหมดบอกพ่อว่าเอาไปก่อนโอทีออกแล้วจะกดมาให้อีก พ่อถามฉันมีเงินกินข้าวมั๊ย ฉันน้ำตาใหล มันหมดเนื้อหมดตัวจริงๆพ่อเลยดึงเงินออกมาพันนึงแล้วยัดใส่มือฉัน เอาไว้กินข้าวบ้างนะลูก ฉันร้องไห้อีกรอบ ในใจตอนนั้นนี้ฉันทำให้คนพ่อแม่ เดือนร้อนถึงขนาดนี้เลยหรอ TT จบเรื่องจัดงานนะคะแล้วจะมาต่อกันที่เรื่องทางกฏหมายค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่