### สรุปความพังของซัมเมอร์ปี 2017 เทศกาลที่ทำเงินรวมต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2006 | Wonder Woman ครองแชมป์หนังทำเงินในอเมริกา



ซัมเมอร์ 2017 เคยถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นซัมเมอร์ที่ซบเซาที่สุดในรอบหลายปี พอผลสรุปสุดท้ายออกมา มันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ด้วยการที่หนังทำเงินในวีคสุดท้ายช่วงวันหยุดแรงงาน กลายเป็นเจ้าของรายรับรวม TOP 12 ที่ตัวเลขต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 เลยทีเดียว! และนอกจากนี้มันก็ยังมาพร้อม Performance ในการทำเงินที่ค่อนข้างน่าผิดหวังในหลายๆเรื่องด้วย ด้วยผลงานภาคต่อมากมายและด้วยหน้าหนังที่น่าจะเข้าถึงคนดูหมู่มากได้ไม่ยาก แต่หนังบางเรื่องก็กลับพลิกคว่ำอย่างน่าใจหาย ส่วนบางเรื่องก็เป็นไปตามที่ประมาณการเอาไว้ ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นซัมเมอร์ที่เข้าขั้น Worst อยู่ดี และถ้าว่ากันถึงรายรับตลอดการฉายในอเมริกาของทั้งฤดูกาล ตังเลข 3.8 พันล้านดอลล่าร์ที่หนังทำได้ไป ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่ตัวเลขรวมของหนังซัมเมอร์น้อยกว่า 4 พันล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว

ซัมเมอร์ปี 2017 ยังเป็นซัมเมอร์แรกในรอบ 8 ปีนับตั้งแต่ปี 2009 ที่ไม่มีหนังเรื่องไหนทำเงินรวมทั่วโลกได้เกิน 1000 ล้านดอลล่าร์ ทั้งๆที่ศักยภาพในการทำเงินทะลุหลักดังกล่าวในหนังหลายๆเรื่องมีมากทีเดียว Despicable Me 3 ปิดโปรแกรมฉายในระดับ 994 ล้านดอลล่าร์ อีกไม่กี่ล้านก็จะเกินพันแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะถึงหรือไม่ เพราะหนังเปิดตัวฉายทุกประเทศไปหมดแล้ว โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน และญี่ปุ่น ในขณะที่ Transformers : The Last Knight กลายเป็นหนังหุ่นเหล็กภาคที่แป้กเกินคาด แม้จะไม่ได้ขาดทุนอะไร แต่ศักยภาพในการเป็นหนังพันล้านที่วางเอาไว้กลับพังครืน โดยในบ้านนั้น ถือว่าเป็น TF ภาคแรกเลยที่ไม่สามารถกวาดไปได้มากกว่า 200 ล้านดอลฯ รวมทั่วโลกหนังก็อยู่แค่ 604 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น เป็นความน่าผิดหวังและน่าเป็นห่วงไปในตัว ว่าภาคต่อไปที่กำลังจะมา จะทำให้แฟรนไชส์ชุดนี้กลับมาอู้ฟู่เหมือนเดิมได้หรือไม่ หรือจะพากันดิ่งลงไปอีก


สตูดิโอที่สามารถทำเงินได้เป็นแชมป์ของซัมเมอร์ปีนี้ ไม่ใช่ดิสนีย์เหมือนที่เก็งกันไว้ หากแต่เป็น วอร์เนอร์ ที่มีหนังประสบความสำเร็จพอสมควร โดย Wonder Woman ที่กลายเป็นม้ามืดเข้าตำแหน่งแชมป์ทำเงินในบ้านสูงสุดถึง 409 ล้านดอลล่าร์ สามารถทำเงินแซงหน้า 389 ล้านดอลล่าร์ของ Guardians of The Galaxy Vol.2 ไปได้ นอกจากนี้ก็มี Dunkirk ของคริสโตเอร์ โนแลน ที่สามารถเก็บไปได้ 180 ล้านดอลล่าร์ ตามด้วย Annabelle : Creation ที่กวาดไป 90 ล้านดอลล่าร์ (และกำลังจะทะลุร้อยในเร็ววัน) แม้จะมีหนังแป้กอย่าง King Arthur และ The House แต่ก็ถือว่าหนัง TOP 3 ของวอร์เนอร์ในฤดูฉายนี้เด็ดดวงจริงๆ


ส่วนดิสนีย์ก็ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยผลงานที่เข้าฉายเพียง 3 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Guardians of The Galaxy Vol.2, Pirates of The Caribbean 5 และ Cars 3 แต่ก็น่าเสียดายที่สองเรื่องหลังกลายเป็นความน่าผิดหวังไปสักเล็กน้อย เมื่อเทียบกับตัวเลขในภาคก่อนๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นความล้มเหลวจนขาดทุนหรือน่าผิดหวังในแบบที่คาดการณ์เอาไว้แต่แรกแต่อย่างใด  โดยเฉพาะโจรสลัดภาคล่าสุด ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า หนังเป็นงานทำกำไรให้กับผู้สร้างไปแล้วเรียบร้อย


พูดถึงเรื่องที่น่ายินดี นอกเหนือจาก Wonder Woman แล้ว ซัมเมอร์ปีนี้ก็ทำให้เราเซอร์ไพรส์ด้วยการที่ได้เห็นหนังทุนน้อยๆ ของเอ็ดการ์ ไรท์อย่าง Baby Driver กลายเป็นเจ้าของความสำเร็จ ที่สามารถทำเงินทะลุ 100 ล้านในบ้าน และ 200 ล้านทั่วโลกไปได้อย่างเกินความคาดหมาย เรียกว่าเป็นผลงานของไรท์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไปแล้ว ในช่วงเวลาที่หนังแต่ละเรื่องไม่เข้าเป้า การพาหนังซิ่งมันส์ปล้นระห่ำเรื่องนี้ไปสู่จุดพีคของไรท์ ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่ายินดี


Girls Trip ผลงานตลกโปกฮาขายความแสบซ่าของแก๊งค์ชะนีผิวสี ทีมีควีน ลาติฟาห์และจาด้า พิงเกต สมิธในบทนำ ก็ถือเป็นการสร้างความสำเร็จแบบเซอร์ไพรส์สุดๆให้วงการหนังตลกเรต R ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการกวาดรายรับในอเมริกาไปถึง 112 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้างเพียง 19 ล้านดอลฯ ในขณะที่หนังเรต R แนวตลกเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Baywatch, Rough Night, The House หรือ Snatched กอดคอกันแป้กถ้วนหน้า


ความน่ายินดียังเกิดขึ้นกับ ผลงานที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบจะได้กลายเป็นหนังแผ่น แต่ก็ได้นายทุนรายใหญ่ชุบชีวิตหนังทรานสฟอร์มให้มาเป็นงานฉายโรงแทน สำหรับ 47 Meters Down ที่ลงทุนสร้างไปเพียง 5.5 ล้านดอลล่าร์ แต่กวาดรายรับเข้ามาเป็นกอบเป็นกำที่ 44 ล้านดอลฯ นี่อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่สูงสำหรับหนังสักเรื่อง แต่ก็ถือเป็นข่าวดีมากๆแล้ว ของหนังที่เคยเกือบจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเรื่องนี้


ถ้าไม่มี Spider-Man : Homecoming เป็นหนึ่งหนังฟอร์มดีซัมเมอร์ปีนี้ โซนี่ก็คงจะซบเซามากกว่าที่เป็น (และมากด้วย) เพราะนอกจากหนังไอ้แมงมุมแล้ว ผลงานแอนิเมชั่นที่เป็นความหวังอย่าง The Emoji Movie หรือแม้แต่หนังฟอร์มใหญ่เลื่อนฉายมาหลายรอบอย่าง The Dark Tower รวมไปถึงหนังตลกที่หวังจะเป็นความฮิตเซอร์ไพรส์อย่าง Rough Night ก็กลายเป็นความล้มเหลวกันโดยสิ้นเชิง เรียกว่าโซนี่หายใจหายคอขึ้นมาได้หน่อยก็เพราะสไปดี้ล้วนๆเลย


ซัมเมอร์ปี 2017 ได้ชื่อว่าเป็นซัมเมอร์ที่มาพร้อมงานภาคต่อ ที่ไม่เข้าเป้าอย่างหนัก เพราะหนังที่กลับมาในภาคใหม่หลายๆเรื่องกลับทำรายรับได้น้อยกว่าภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น Pirates 5, Cars 3, Transformers 5, Alien : Covenant, War For The Planet of The Apes, Despicable Me 3, The Nut Job และ Diary of A Wimpy Kid ผิดกับหนังภาคต่อของจีนอย่าง Wolf Warrior 2 ที่กลายเป็นโคตรอภิมหาหนังทำลายสถิติบนแผ่นดินใหญ่ เพราะสามารถเก็บเงินในบ้านไปได้ 800 ล้านดอลฯ เลยทีเดียว สวนทางกันเห็นๆ !!!


ในข่าวร้ายก็ยังแอบมีข่าวดี เพราะหนังเปิด DarK Universe ของยูนิเวอร์แซลอย่าง The Mummy ที่เคยถูกวาดความหวังเอาไว้ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยหรูดูอลังของโลกปีศาจ กลับทำเงินเปิดตัวได้น่าใจหายในอเมริกา ทั้งที่มีพลังดาราของทอม ครูซมาแบกเอาไว้ แต่ก็ยังเคราะห์ดีที่นอกอเมริกา โดยเฉพาะในจีน ทำให้หนังสามารถหายใจหายคอได้ โดยรายรับจากแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาให้กับหนังเกือบๆ 100 ล้านดอลฯ มาบวกๆกับเงินที่ได้มาทั้งหมดจากทุกประเทศที่ออกฉายเป็นเงินราวๆ 407 ล้านดอลฯ แล้ว ก็น่าจะทำให้หนังได้มีโอกาสไปต่อมากขึ้น (พิจารณาว่าทุนสร้าง 125 ล้านดอลฯ + มาร์เกตติ้ง น่าจะไปได้อยู่)


ในทางกลับกันที่ไม่มีอนาคตในการสร้างภาคต่อ นอกจาก King Arthur แล้ว Valerian And The City of A Thousand Planets ก็ถือเป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก กับการที่หนังเซลฟ์ไปหน่อย ด้วยการลงทุนระดับ 200+ ล้านดอลล่าร์ แต่กลับไม่สามารถทำได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ โดยหนังมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ได้เงินราวๆ 470 - 500 ล้านดอลฯ เพื่อไปต่อ แต่ตัวเลขทั้งหมดที่ทำได้ก็คือแค่ 172 ล้านดอลฯ ตีเป็นรายรับในบ้านเกิดผู้กำกับอย่างฝรั่งเศส  ก็ได้มาแค่ 32 ล้านดอลฯ เท่านั้น ไม่รู้จะไปยังไงต่อเลยทีนี้


หนังใหญ่ล้มเหลวกันเป็นแถบๆ หนังเล็กก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับการยกเว้น เซอร์ไพรส์ในแง่ลบของหนังจำกัดโรงฉายในซัมเมอร์ปีนี้ หวยมาตกที่ The Book of Henry ผลงานใหม่ของผู้กำกับ Jurassic World อย่างโคลิน เทรวอร์โรว์ ที่นอกจากจะไม่ได้ใจนักวิจารณ์จนทำให้รีวิวดิ่งหนักถึงขีดสุดแล้ว หนังก็ยังไม่ได้ใจคนดูด้วยเช่นกัน โดยเก็บเงินไปตลอดการฉายเพียงแค่ 4 ล้านดอลฯ เท่านั้น ทั้งๆที่มันควรจะได้มากกว่านี้จริงๆ

มาร์ค เว็บบ์ที่เพิ่งแป้กจาก Gifted เมื่อต้นปี ก็กลับมาแป้กอีกหนกับผลงานใหม่อย่าง The Only Living Boy In New York ที่แม้จะมีดาราระดับ เคต เบกิ้นเซล, เพียรส บรอสแนนและเจฟฟ์ บริดเจสมาขายฝีมือ แต่หนังก็ยังไม่สามารถทำเงินได้เกิน 1 ล้านดอลฯ เลย น่าเห็นใจมากๆ

ส่วนหนังที่ถือว่าเป็นแชมป์งานทำเงินในสายอินดี้ประจำซัมเมอร์ปีนี้ ต้องยกให้ The Big Sick งานดีจากเทศกาลซันแดนซ์ไปเลย ที่สามารถกวาดเงินทั่วโลกไปได้ 49 ล้านดอลฯ เทียบกับงานอินดี้ที่ทำเงินได้สูงสุดปีที่แล้วอย่าง Hell or High Water ซึ่งกวาดไป 27 ล้านดอลฯ ถือว่าโอเคมากๆ นอกจากนี้ The Beguiled ของโซเฟีย คอปโปล่าก็ยังเก็บเงินทั่วโลกไปได้ 20 ล้านดอลฯ ดูเผินๆอาจจะเห็นว่าน้อย แต่ทุนมาแค่ 10 ล้านฯ เท่านั้นเอ๊ง

บ็อกส์ ออฟฟิศประจำซัมเมอร์ปีนี้ หนังทำเงินในบ้านสูงสุดคือ Wonder Woman ที่กวาดไป 409 ล้านดอลฯ ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากๆแล้ว แต่ก็ยังสู้หนังทำเงินสูงสุดของซัมเมอร์ปีก่อนไม่ได้นั่นก็คือ Finding Dory ที่กวาดไป 486 ล้านดอลล่าร์ ในขณะที่หนังอันดับที่ 2 อย่าง Captain America : Civil War ก็ทำเงินไปถึง 408 ล้านดอลฯ เลยทีเดียว เอาเป็นว่าอันดับหนึ่งของเทศกาลในปีนี้ เทียบได้เท่าแค่อันดับสองของปีก่อนเท่านั้น! นอกเหนือจากนี้หนังปีที่แล้วก็ยังมีผลงานที่ทำเงินเกิน 300 ล้านดอลฯ ในบ้านถึง 4 เรื่อง ในขณะที่ปีนี้ 3 เรื่อง และถ้าวัดกันถึงหนังที่ทำเงินเกิน 100 ล้านดอลฯ ปีที่แล้วมี 14 เรื่อง ปีนี้มีแค่ 11 เรื่องเท่านั้น

ซัมเมอร์ 2017 เป็นกรณีศึกษาในหลายๆอย่างให้กับผู้สร้างหนังและสตูฯ ใหญ่ๆได้เห็นกันแล้วว่า เทรนด์ในการดูหนังของคนดูเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ซึ่งก็น่าจะได้เห็นการ Improve อะไรต่อมิอะไรมากขึ้นในปีต่อๆไป ซึ่งถ้ามองกันไปถึงซัมเมอร์ปีหน้า เชื่อได้ว่า เทศกาลอันเป็นจุดขายที่สุดของปี จะมาพร้อมความตื่นตัวกว่าเดิมแน่นอน

โดยโปรแกรมที่เราจะได้ชมกันซัมเมอร์ปีหน้าซึ่งประกอบไปด้วย


Avengers : Infinity War
Han Solo
Deadpool 2
Ocean's 8
The Incredibles 2
Jurassic World 2
Sicario 2
Purge 4
Ant-Man And the Wasp
Hotel Transylvania 3
Alita : Battle Angel
Mamma Mia 2
Mission Impossible 6
The Predator
Barbie
Meg

เรียกได้ว่าแต่ละเรื่องมีศักยภาพที่จะสามารถเป็นงานทำเงินที่มากกว่าปีนี้ได้ เอาแค่ Avengers เรื่องเดียว ก็น่าจะสร้างสถิติอะไรใหม่ๆให้สะเทือนเทศกาลฉาย ลามไปจนถึงสะเทือนวงการภาพยนตร์กันไปเลย ถึงตอนนั้นเราค่อยมาลุ้นกันว่าจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่

ส่วนซัมเมอร์ปีนี้ขอลากันไปด้วยความน่าผิดหวังอีกครั้งหนึ่งในวงการภาพยนตร์ทั้งๆที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่