ผลการทดสอบแบ็ตเตอรี่ของ note 8 อึดกว่า s8+ และ iphone 7+ มาดูผลงานทดสอบกัน
จากวีดีโอด้านบนเป็นการทดสอบในโหมดต่างๆ ซึงจะเห็นได้ว่า note 8 แบ็ตน้อยกว่า s8+ และใกล้เคียงกับ iphone 7+
กลับประหยัดแบ็ตได้มากอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยการทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบด้วยการปรับหน้าจอไว้ที่ความละเอียดสูงและรัน app และเกมต่างๆต่อเนื่องกัน การประหยัดพลังงานได้มากเช่นนี้น่าจะเป็นผลงานมาจากการใช้ชิปเซ็ตแบบใหม่ ซึ่งมีขนาดเหลือเพียง 10 นาโน แต่ช่วยเรื่องการจัดการประหยัดพลังงานได้ออย่างดีมาก
ใครที่ลังเลเรื่องแบ็ตจะหมดไว ดูคลิปนี้แล้วก้าวข้ามไปได้เลยครับ
การทดสอบในคลิปดังกล่าวมีอะไรบ้าง
1. รัน social ต่อเนื่องด้วยการเปิด instagram (note 8 ใช้พลังงานไป 27% | s8+ ใช้ไป 29% | iphone 7+ ใช้ไป 27%)
2. รันวีดีโอบน youtube ต่อเนื่อง (note 8 ใช้พลังงานไป 18% | s8+ ใช้ไป 21% | iphone 7+ ใช้ไปถึง 48%)
3. รันเกมต่อเนื่อง (
มาถึงตรงนี้ iphone 7+ ตกรอบไปเพราะแบ็ตหมดก่อน เหลือแต่ s8+ กับ note 8 เท่านั้นที่ใช้พลังงานไป 30% เท่ากัน)
4. บันทึก video 4k จนแบ็ตหมดคาเครื่อง (
มาถึงตรงนี้ s8+ หมดไปก่อน ผลคือ เหลือแค่ note 8 ที่เหลืออีก 1%)
จากผลการทดสอบนี้เห็นได้ชัดว่า note 8 ที่ว่าแบ็ตน้อยกว่ากลับทำได้ดีกว่า s8+ ซึ่งมีแบ็ตมากถึง 3500 มิลลิแอม
ที่มาจาก
http://www.thaitecnews.com/detail/แบ็ตเตอรี่ของ-note-8-อึดกว่า-s8-และ-iphone-7-มาดูผลงานทดสอบกัน
หมดห่วงเรื่องแบ็ตแบบ note 7 มองแบบก้าวข้ามไปเถอะครับ เพราะ s8 กับ note 8 คือร่างเดียวกัน 5555 แค่มีปากกาากับไม่มีปากกา ถ้าระเบิดมันระเบิดไปตั้งแต่ S8 แล้ว แถมแบ็ตรอบนี้มิธรรมดาครับปรับปรุงมาอย่างดีมาก ลองดูได้จากคลิปด้านล่างครับ
การทำลายแบตเตอรีเริ่มที่ 6:33 เป็นต้นไป คือจะบอกว่าถ้าเป็นแบ็ตทั่วไปเจอเจาะเจอผ่าแบบนี้มีโอกาสเกิดไฟลุกไหม้ได้ทันทีครับ แต่แบ็ต s8 มีแค่บวมแลละเกิดควันขึ้นแค่นั้น ว้าวววววววววววว!!
Samsung Galaxy Note 8 จะปลอดภัยมั่นใจ ไม่ซ้ำรอย Galaxy Note7 หรือไม่ ? มาดูขั้นตอนตรวจสอบแบตเตอรี่ Note8 ก่อนออกมาวางขายกัน!
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไป ก็ทำให้ผู้คนทั่วโลกจับตามอง Samsung ทุกย่างก้าวว่า Samsung จะกลับมากู้ชื่อคืนด้วยการเปิดตัว Samsung Galaxy S8 ได้หรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ Galaxy S8 และ S8+ นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้ให้ความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของปีเลยทีเดียว ด้วยนวัตกรรมหน้าจอไร้ขอบ Infinity Display และคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดมาให้แบบเต็มที่ พร้อมทั้งการเพิ่มมาตรการตรวจสอบมาตรฐานเรื่องแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดีถึง 8 ขั้นตอน (8-Point Battery Safety Check) ซึ่งการคุมเข้มเรื่องการทดสอบแบตเตอรี่นี้ก็ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 8 ด้วยเช่นกัน โดยขั้นตอนการทดสอบแต่ละรูปแบบ จำแนกรายละเอียดได้เป็นวิธีการดังนี้
การทดสอบความทนทาน
Samsung ทดสอบด้านความทนทานของแบตเตอรี่ด้วยการนำแบตไปทดสอบการชาร์จแบบ Overcharge, การอยู่ภายใต้อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน และเพิ่มการทดสอบด้วยการนำตะปู หรือเหล็กปลายแหลม มาเจาะแบตเตอรี่ด้วยความเร็วระดับหนึ่ง ถ้าหากแบตเตอรี่ไม่เกิดอาการลัดวงจร หรือลุกไหม้ ก็เท่ากับว่าสอบผ่าน
ตรวจสอบทุกขั้นตอนการผลิต
ปกติแล้วเทคโนโลยีการผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้เครื่องจักรเกือบทั้งหมด ซึ่งทาง Samsung ได้เพิ่มมาตรการการตรวจสอบด้วยการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ ก่อนเริ่มการผลิตในทุกๆ กระบวนการ ทั้งตัวเครื่องจักร และตัวแบตเตอรี่ เพื่อค้นหาว่ามีจุดบกพร่องในด้านใดบ้างหรือไม่
การใช้รังสี X-Ray
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ของ Note 7 ลุกไหม้นั้นเกิดจากปัญหาทางเทคนิคที่อยู่ภายในแบตเตอรี่ ซึ่งทางเดียวที่จะตรวจสอบได้ก็คือ ต้องนำแบตเตอรี่มาเอกซ์เรย์ดูว่าการจัดการกระแสไฟฟ้าภายแบตเตอรี่นั้นมีความสมดุล และไม่ก่อให้เกิดปัญหาดังเช่นก่อนหน้านี้ ดังนั้น Samsung จึงกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบให้สูงขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการเอกซ์เรย์จะสามารถตรวจหาข้อบกพร่องได้จริง
การทดสอบ Charge และ Discharge
วิธีการนี้เป็นวิธีใหม่ที่ Samsung เพิ่มเข้ามาหลังจากเกิดปัญหาของ Galaxy Note 7 โดย Samsung จะนำตัวเครื่องจำนวนกว่า 1 แสนเครื่อง มาทดสอบชาร์จพลังงานพร้อมกัน โดย Samsung ค้นพบว่าสาเหตุของการลุกไหม้บางส่วนเกิดจากแบตเตอรี่บางชิ้นมีพื้นที่ไม่มากพอที่จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนภายในแบตเตอรี่ได้อย่างคล่องตัว ทำให้กระแสไฟเกิดชนกัน และลุกไหม้ในที่สุด ซึ่งการ Charge และ Discharge อุปกรณ์จำนวนมากเช่นนี้ จะสามารถตรวจหาความผิดปกติได้ทันที
การทดสอบ TVOC
โดยปกติแล้วผู้ผลิตแบตเตอรี่จะใช้การทดสอบแบบ VOC (Volatile Organic Compounds) สำหรับการประกอบแบตเตอรี่ และป้องกันสารเคมีรั่วไหล ซึ่งการทดสอบแบบ TVOC ก็ยังคงเป็นลักษณะการตรวจสอบที่คล้ายกัน เพียงแต่ใหม่กว่าเท่านั้น ซึ่งการทดสอบ TVOC นี้จะใช้ในการประกอบแบตเตอรี่ และเป็นการตรวจหาสารเคมี หรือสารพิษที่รั่วไหลออกมานอกตัวแบตด้วย
การแยกชิ้นส่วนแบตเตอรี่
Samsung ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบแบตเตอรี่ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ด้วยการนำตัวอย่างแบตเตอรี่มาทดสอบด้วยการแยกชิ้นส่วนภายในทั้งหมดว่า มีการประกอบอย่างถูกต้องครบถ้วนทุกประการหรือไม่ เพราะปัญหา Note 7 ส่วนหนึ่งเกิดจาก ชิ้นส่วนเทปฉนวนที่ป้องกันเรื่องกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ชนกันได้หายไป จึงทำให้แบตเตอรี่ลุกไหม้อย่างง่ายดาย
การทดสอบด้วยการใช้งานแบบหนักหน่วง
ขั้นตอนนี้จะเป็นการนำตัวเครื่องจำนวนมากมาทดสอบใช้งานในลักษณะของการใช้งานจริง แต่จะเร่งอัตราการใช้งานอย่างหนักหน่วงมากขึ้น โดย Samsung จะเซ็ตระบบให้ตัวเครื่องเร่งเวลาใช้งานที่ยาวนานประมาณ 2 สัปดาห์ให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วัน พร้อมทั้งทำการ Charge และ Discharge ไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งการทดสอบเช่นนี้จะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่า แบตเตอรี่ชิ้นไหนที่ใช้งานหนักๆ แล้วมีปัญหา ทาง Samsung ก็จะนำออกไปทันที
การทดสอบแบบ △OCV
การทดสอบแบบ △OCV หรือการทดสอบแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิด ถือเป็นการทดสอบที่สำคัญมากที่สุด เพราะเป็นส่วนสุดท้ายก่อนที่จะนำแบตเตอรี่ไปประกอบรวมกับตัวเครื่อง ซึ่งการทดสอบนี้จะทดสอบ "ทุกชิ้น" ไม่ใช่การเลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยแบตเตอรี่ที่ทดสอบจะต้องมีค่าแรงดันไฟฟ้าคงที่เมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับวงจร ถ้าหากทีมตรวจสอบพบความผิดปกติก็จะนำแบตเตอรี่ชิ้นนั้นออกไปทันที พร้อมทำเครื่องหมายกำกับว่า "มีปัญหา" ด้วย
จะเห็นว่าขั้นตอนการตรวจสอบแบตเตอรี่ทั้ง 8 วิธีการนั้นมีความละเอียด, เข้มงวด และพิถีพิถันมากที่สุดเท่าที่ Samsung จะทำได้ ซึ่งในระหว่างการผลิต Samsung Galaxy Note 8 ก็มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งชื่อว่า UL Consumer ได้เข้ามาตรวจสอบแบตเตอรี่ที่จะใช้งานใน Galaxy Note 8 และทางด้านนาย Sajeev Jesudas ประธานบริษัท UL Consumer ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ทาง UL Consumer ได้ร่วมงานกับ Samsung อย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนให้อยู่ในระดับสูงที่สุด ซึ่ง Samsung Galaxy Note 8 ทุกเครื่องที่จะวางจำหน่ายนั้นผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยทั้งหมด"
แหล่งที่มาจาก
http://www.thaimobilecenter.com/content/samsung-galaxy-note8-with-battery-safety-check-process.asp
^___^ แบ็ตเตอรี่ของ note 8 อึดกว่า s8+ และ iphone 7+ มาดูผลงานทดสอบกัน
จากวีดีโอด้านบนเป็นการทดสอบในโหมดต่างๆ ซึงจะเห็นได้ว่า note 8 แบ็ตน้อยกว่า s8+ และใกล้เคียงกับ iphone 7+
กลับประหยัดแบ็ตได้มากอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยการทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบด้วยการปรับหน้าจอไว้ที่ความละเอียดสูงและรัน app และเกมต่างๆต่อเนื่องกัน การประหยัดพลังงานได้มากเช่นนี้น่าจะเป็นผลงานมาจากการใช้ชิปเซ็ตแบบใหม่ ซึ่งมีขนาดเหลือเพียง 10 นาโน แต่ช่วยเรื่องการจัดการประหยัดพลังงานได้ออย่างดีมาก
ใครที่ลังเลเรื่องแบ็ตจะหมดไว ดูคลิปนี้แล้วก้าวข้ามไปได้เลยครับ
การทดสอบในคลิปดังกล่าวมีอะไรบ้าง
1. รัน social ต่อเนื่องด้วยการเปิด instagram (note 8 ใช้พลังงานไป 27% | s8+ ใช้ไป 29% | iphone 7+ ใช้ไป 27%)
2. รันวีดีโอบน youtube ต่อเนื่อง (note 8 ใช้พลังงานไป 18% | s8+ ใช้ไป 21% | iphone 7+ ใช้ไปถึง 48%)
3. รันเกมต่อเนื่อง (มาถึงตรงนี้ iphone 7+ ตกรอบไปเพราะแบ็ตหมดก่อน เหลือแต่ s8+ กับ note 8 เท่านั้นที่ใช้พลังงานไป 30% เท่ากัน)
4. บันทึก video 4k จนแบ็ตหมดคาเครื่อง (มาถึงตรงนี้ s8+ หมดไปก่อน ผลคือ เหลือแค่ note 8 ที่เหลืออีก 1%)
จากผลการทดสอบนี้เห็นได้ชัดว่า note 8 ที่ว่าแบ็ตน้อยกว่ากลับทำได้ดีกว่า s8+ ซึ่งมีแบ็ตมากถึง 3500 มิลลิแอม
ที่มาจาก http://www.thaitecnews.com/detail/แบ็ตเตอรี่ของ-note-8-อึดกว่า-s8-และ-iphone-7-มาดูผลงานทดสอบกัน
หมดห่วงเรื่องแบ็ตแบบ note 7 มองแบบก้าวข้ามไปเถอะครับ เพราะ s8 กับ note 8 คือร่างเดียวกัน 5555 แค่มีปากกาากับไม่มีปากกา ถ้าระเบิดมันระเบิดไปตั้งแต่ S8 แล้ว แถมแบ็ตรอบนี้มิธรรมดาครับปรับปรุงมาอย่างดีมาก ลองดูได้จากคลิปด้านล่างครับ
การทำลายแบตเตอรีเริ่มที่ 6:33 เป็นต้นไป คือจะบอกว่าถ้าเป็นแบ็ตทั่วไปเจอเจาะเจอผ่าแบบนี้มีโอกาสเกิดไฟลุกไหม้ได้ทันทีครับ แต่แบ็ต s8 มีแค่บวมแลละเกิดควันขึ้นแค่นั้น ว้าวววววววววววว!!
Samsung Galaxy Note 8 จะปลอดภัยมั่นใจ ไม่ซ้ำรอย Galaxy Note7 หรือไม่ ? มาดูขั้นตอนตรวจสอบแบตเตอรี่ Note8 ก่อนออกมาวางขายกัน!
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไป ก็ทำให้ผู้คนทั่วโลกจับตามอง Samsung ทุกย่างก้าวว่า Samsung จะกลับมากู้ชื่อคืนด้วยการเปิดตัว Samsung Galaxy S8 ได้หรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ Galaxy S8 และ S8+ นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้ให้ความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของปีเลยทีเดียว ด้วยนวัตกรรมหน้าจอไร้ขอบ Infinity Display และคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดมาให้แบบเต็มที่ พร้อมทั้งการเพิ่มมาตรการตรวจสอบมาตรฐานเรื่องแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดีถึง 8 ขั้นตอน (8-Point Battery Safety Check) ซึ่งการคุมเข้มเรื่องการทดสอบแบตเตอรี่นี้ก็ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 8 ด้วยเช่นกัน โดยขั้นตอนการทดสอบแต่ละรูปแบบ จำแนกรายละเอียดได้เป็นวิธีการดังนี้
การทดสอบความทนทาน
Samsung ทดสอบด้านความทนทานของแบตเตอรี่ด้วยการนำแบตไปทดสอบการชาร์จแบบ Overcharge, การอยู่ภายใต้อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน และเพิ่มการทดสอบด้วยการนำตะปู หรือเหล็กปลายแหลม มาเจาะแบตเตอรี่ด้วยความเร็วระดับหนึ่ง ถ้าหากแบตเตอรี่ไม่เกิดอาการลัดวงจร หรือลุกไหม้ ก็เท่ากับว่าสอบผ่าน
ตรวจสอบทุกขั้นตอนการผลิต
ปกติแล้วเทคโนโลยีการผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้เครื่องจักรเกือบทั้งหมด ซึ่งทาง Samsung ได้เพิ่มมาตรการการตรวจสอบด้วยการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ ก่อนเริ่มการผลิตในทุกๆ กระบวนการ ทั้งตัวเครื่องจักร และตัวแบตเตอรี่ เพื่อค้นหาว่ามีจุดบกพร่องในด้านใดบ้างหรือไม่
การใช้รังสี X-Ray
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ของ Note 7 ลุกไหม้นั้นเกิดจากปัญหาทางเทคนิคที่อยู่ภายในแบตเตอรี่ ซึ่งทางเดียวที่จะตรวจสอบได้ก็คือ ต้องนำแบตเตอรี่มาเอกซ์เรย์ดูว่าการจัดการกระแสไฟฟ้าภายแบตเตอรี่นั้นมีความสมดุล และไม่ก่อให้เกิดปัญหาดังเช่นก่อนหน้านี้ ดังนั้น Samsung จึงกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบให้สูงขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการเอกซ์เรย์จะสามารถตรวจหาข้อบกพร่องได้จริง
การทดสอบ Charge และ Discharge
วิธีการนี้เป็นวิธีใหม่ที่ Samsung เพิ่มเข้ามาหลังจากเกิดปัญหาของ Galaxy Note 7 โดย Samsung จะนำตัวเครื่องจำนวนกว่า 1 แสนเครื่อง มาทดสอบชาร์จพลังงานพร้อมกัน โดย Samsung ค้นพบว่าสาเหตุของการลุกไหม้บางส่วนเกิดจากแบตเตอรี่บางชิ้นมีพื้นที่ไม่มากพอที่จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนภายในแบตเตอรี่ได้อย่างคล่องตัว ทำให้กระแสไฟเกิดชนกัน และลุกไหม้ในที่สุด ซึ่งการ Charge และ Discharge อุปกรณ์จำนวนมากเช่นนี้ จะสามารถตรวจหาความผิดปกติได้ทันที
การทดสอบ TVOC
โดยปกติแล้วผู้ผลิตแบตเตอรี่จะใช้การทดสอบแบบ VOC (Volatile Organic Compounds) สำหรับการประกอบแบตเตอรี่ และป้องกันสารเคมีรั่วไหล ซึ่งการทดสอบแบบ TVOC ก็ยังคงเป็นลักษณะการตรวจสอบที่คล้ายกัน เพียงแต่ใหม่กว่าเท่านั้น ซึ่งการทดสอบ TVOC นี้จะใช้ในการประกอบแบตเตอรี่ และเป็นการตรวจหาสารเคมี หรือสารพิษที่รั่วไหลออกมานอกตัวแบตด้วย
การแยกชิ้นส่วนแบตเตอรี่
Samsung ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบแบตเตอรี่ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ด้วยการนำตัวอย่างแบตเตอรี่มาทดสอบด้วยการแยกชิ้นส่วนภายในทั้งหมดว่า มีการประกอบอย่างถูกต้องครบถ้วนทุกประการหรือไม่ เพราะปัญหา Note 7 ส่วนหนึ่งเกิดจาก ชิ้นส่วนเทปฉนวนที่ป้องกันเรื่องกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ชนกันได้หายไป จึงทำให้แบตเตอรี่ลุกไหม้อย่างง่ายดาย
การทดสอบด้วยการใช้งานแบบหนักหน่วง
ขั้นตอนนี้จะเป็นการนำตัวเครื่องจำนวนมากมาทดสอบใช้งานในลักษณะของการใช้งานจริง แต่จะเร่งอัตราการใช้งานอย่างหนักหน่วงมากขึ้น โดย Samsung จะเซ็ตระบบให้ตัวเครื่องเร่งเวลาใช้งานที่ยาวนานประมาณ 2 สัปดาห์ให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วัน พร้อมทั้งทำการ Charge และ Discharge ไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งการทดสอบเช่นนี้จะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่า แบตเตอรี่ชิ้นไหนที่ใช้งานหนักๆ แล้วมีปัญหา ทาง Samsung ก็จะนำออกไปทันที
การทดสอบแบบ △OCV
การทดสอบแบบ △OCV หรือการทดสอบแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิด ถือเป็นการทดสอบที่สำคัญมากที่สุด เพราะเป็นส่วนสุดท้ายก่อนที่จะนำแบตเตอรี่ไปประกอบรวมกับตัวเครื่อง ซึ่งการทดสอบนี้จะทดสอบ "ทุกชิ้น" ไม่ใช่การเลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยแบตเตอรี่ที่ทดสอบจะต้องมีค่าแรงดันไฟฟ้าคงที่เมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับวงจร ถ้าหากทีมตรวจสอบพบความผิดปกติก็จะนำแบตเตอรี่ชิ้นนั้นออกไปทันที พร้อมทำเครื่องหมายกำกับว่า "มีปัญหา" ด้วย
จะเห็นว่าขั้นตอนการตรวจสอบแบตเตอรี่ทั้ง 8 วิธีการนั้นมีความละเอียด, เข้มงวด และพิถีพิถันมากที่สุดเท่าที่ Samsung จะทำได้ ซึ่งในระหว่างการผลิต Samsung Galaxy Note 8 ก็มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งชื่อว่า UL Consumer ได้เข้ามาตรวจสอบแบตเตอรี่ที่จะใช้งานใน Galaxy Note 8 และทางด้านนาย Sajeev Jesudas ประธานบริษัท UL Consumer ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ทาง UL Consumer ได้ร่วมงานกับ Samsung อย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนให้อยู่ในระดับสูงที่สุด ซึ่ง Samsung Galaxy Note 8 ทุกเครื่องที่จะวางจำหน่ายนั้นผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยทั้งหมด"
แหล่งที่มาจาก http://www.thaimobilecenter.com/content/samsung-galaxy-note8-with-battery-safety-check-process.asp