“ตุ๊กตาสัญลักษณ์แห่งความหวัง”
เมื่อนึกถึงญี่ปุ่น สัญญาลักษณ์อย่างหนึ่งที่เราคิดถึง นั่นคือ
เจ้าตุ๊กตาล้มลุกสีแดง กลมๆ ไม่มีแขนและขา สีแดง มีหนวดมีเคราหน้าตาบึ้งตึง และไม่มีลูกตาสีดำข้างใน
เจ้าตุ๊กตาตัวนี้มีชื่อว่า "ดะรุมะ (Daruma)"
นับเป็นหนึ่งในตุ๊กตาโชครางที่รู้จักกันทั่วในประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ที่ครอบครองเป็นเจ้าของ
คนญี่ปุ่นเชื่อว่าตุ๊กตาดารุมะเป็นสัญลักษณ์ของนิกายเซน ความเพียรพยายาม ความอุตสาหะและความโชคดี ทั้งยังนิยมนำไปมอบให้เป็นของขวัญในการให้กำลังใจผู้อื่นอีกด้วยเพราะฉะนั้น ตุ๊กตาดารุมะ จึงกลายเป็นสินค้าที่นิยมซื้อกันมากในช่วงเทศกาลปีใหม่
------------------
การขอพรกับตุ๊กตาดะรุมะ ทำได้โดยใช้หมึกสีดำ เขียนตาดำข้างขวาของตุ๊กตาและทำการขอพร จากนั้นจะเก็บตุ๊กตาไว้บนหิ้งหรือที่สูงสามารถมองเห็นตุ๊กตาได้
และวันใดเมื่อพรสมหวังเราจะทำการเติมตาอีกข้างให้สมบูรณ์ ทุกสิ้นปี คนญี่ปุ่นจะนำตุ๊กตาที่ขอพรสมหวังแล้วไปคืนที่วัดเพื่อทำพิธี daruma kuyō (だるま供養) หรือทำการเผา ซึ่งหนึ่งในวัดที่โตเกียวที่สามารถทำพิธีนี้ได้ คือวัด Jindai-ji เมือง Cho-fu ซึ่งจะไม่ไกลจากโตเกียวนัก
------------------
โดยก่อนหน้านี้ เราได้เคยขอพรจากตุ๊กตาดะรุมะไว้และตอนนี้พรได้สมหวังแล้ว แต่เนื่องจากเราไม่สามารถกลับไปโตเกียวได้ในตอนปลายปี
ดังนั้นในทริปนี้เราจะไปตามหาวัด...ที่สามารถนำตุ๊กตาดะรุมะไปคืนหรือเพื่อให้ทางวัดทำพิธีเผาให้ตอนช่วงปลายปี
https://www.facebook.com/29degreec/
เส้นทางการเดินทาง : เราสามารถไปได้หลายทาง จาก Shibuya หรือ Shinjuku
เดินทางโดย JR Chofu ลงที่ Kichijoji station จะต่อบัสหมายเลขที่ 4 แต่ถ้าลงที่ Mitaka จะต่อบัสหมายเลขที่ 65
เดินทางโดย Kio Line ลงที่ Chofu station จะต่อบัสหมายเลขที่ 34 แต่ถ้าลงที่ Tsutsujigaoka จะต่อบัสหมายเลขที่ 21
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกับที่จะไปพิพิธภัณฑ์ Glibli หากเพื่อนไปเที่ยว Glibli แล้วอยากหาที่เที่ยวใกล้ๆ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรไป
วัด Jindai-ji (จินไดอิ-จิ) ชื่อเต็มภาษาญี่ปุ่นคือ Jindaiji Yakuyoke Ganzan Jie Daishi Sai เป็นวัดพุธที่เก่าแก่เป็นอันดับที่สองรองจาก วัดเซนโซจิหรือที่รู้จักกันในชื่อของวัดอาซากุซะ
แถวบริเวณวัดนี้จะมีชื่อในเรื่องเส้นโซบะ เมื่อมาถึงเราหาอะไรรองท้องได้ที่นี่
set นี้ในราคา 1200 เยน
เมื่อท้องอิ่มแล้ว จากนั้นเราก็นำตุ๊กตาเข้าไปคืนที่วัด โดยเข้าไปที่ Main Gate ซึ่งเป็นประตูหลักของวัดกัน
นี้จะเป็นส่วนของ Main hall ของวัด
หากใครไม่ทราบว่าส่วนไหนของวัด แค่เพียงท่านยื่นตุ๊กตาดะรุมะให้เจ้าหน้าที่วัดและบอกว่า daruma kuyō (だるま供養) เค้าก็จะชี้ไปที่จุดที่เค้ารับคืนให้ เดินไปเรื่อยๆ พบศาลานี้จะมีจุดรับคืนตุ๊กตาดะรุมะตัวใหญ่อยู่ด้านหน้าศาลา
เจอกล่องรับคืนแล้ว มีคนนำตุ๊กตามาคืนเหมือนเราเลย
เมื่อเสร็จภารกิจนำตุ๊กตามคืนแล้ว จากนั้นเราก็เดินเล่นรอบๆ วัดได้ วันนี้มาวันธรรมดาคนไม่พลุกพล่านมากนักและสงบ แต่ก็มีคนเข้ามาที่วัดเรื่อยๆ
รอบๆ วัดก็จะมีของที่ระลึกขาย หรือถ้าใครอยากขอพรกับตุ๊กตาตัวใหม่ที่นี่ก็มีให้ซื้อ
น้ำแข็งใส 400 เยน แอบแพง แต่เป็นราคาปกติของที่นี่
และเพราะหน้าร้อน เราเลยต้องลอง
บริเวณหน้าวัดยังมี คาเฟ่ของอสูรกายน้อยคิทาโร่ด้วย
นอกจากนี้ใกล้ๆ กับวัดยังมีสวนสาธารณะ botanic garden หากมาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี น่าจะสวยงามมาก แต่ตอนนี้เป็นหน้าร้อนทุกอย่างเลยดูเขียวสดชื่นไปหมด
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เบื่อป่าคอนกรีตในกรุงโตเกียวแล้ว อยากหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก
[CR] Tokyo - Jindai-ji Temple กับ Daruma doll (One day trip in Tokyo) หลบป่าคอนกรีตในกรุงโตเกียวไปสูดอากาศธรรมชาติกัน
เมื่อนึกถึงญี่ปุ่น สัญญาลักษณ์อย่างหนึ่งที่เราคิดถึง นั่นคือ
เจ้าตุ๊กตาล้มลุกสีแดง กลมๆ ไม่มีแขนและขา สีแดง มีหนวดมีเคราหน้าตาบึ้งตึง และไม่มีลูกตาสีดำข้างใน
เจ้าตุ๊กตาตัวนี้มีชื่อว่า "ดะรุมะ (Daruma)"
นับเป็นหนึ่งในตุ๊กตาโชครางที่รู้จักกันทั่วในประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ที่ครอบครองเป็นเจ้าของ
คนญี่ปุ่นเชื่อว่าตุ๊กตาดารุมะเป็นสัญลักษณ์ของนิกายเซน ความเพียรพยายาม ความอุตสาหะและความโชคดี ทั้งยังนิยมนำไปมอบให้เป็นของขวัญในการให้กำลังใจผู้อื่นอีกด้วยเพราะฉะนั้น ตุ๊กตาดารุมะ จึงกลายเป็นสินค้าที่นิยมซื้อกันมากในช่วงเทศกาลปีใหม่
------------------
การขอพรกับตุ๊กตาดะรุมะ ทำได้โดยใช้หมึกสีดำ เขียนตาดำข้างขวาของตุ๊กตาและทำการขอพร จากนั้นจะเก็บตุ๊กตาไว้บนหิ้งหรือที่สูงสามารถมองเห็นตุ๊กตาได้
และวันใดเมื่อพรสมหวังเราจะทำการเติมตาอีกข้างให้สมบูรณ์ ทุกสิ้นปี คนญี่ปุ่นจะนำตุ๊กตาที่ขอพรสมหวังแล้วไปคืนที่วัดเพื่อทำพิธี daruma kuyō (だるま供養) หรือทำการเผา ซึ่งหนึ่งในวัดที่โตเกียวที่สามารถทำพิธีนี้ได้ คือวัด Jindai-ji เมือง Cho-fu ซึ่งจะไม่ไกลจากโตเกียวนัก
------------------
โดยก่อนหน้านี้ เราได้เคยขอพรจากตุ๊กตาดะรุมะไว้และตอนนี้พรได้สมหวังแล้ว แต่เนื่องจากเราไม่สามารถกลับไปโตเกียวได้ในตอนปลายปี
ดังนั้นในทริปนี้เราจะไปตามหาวัด...ที่สามารถนำตุ๊กตาดะรุมะไปคืนหรือเพื่อให้ทางวัดทำพิธีเผาให้ตอนช่วงปลายปี
https://www.facebook.com/29degreec/
เส้นทางการเดินทาง : เราสามารถไปได้หลายทาง จาก Shibuya หรือ Shinjuku
เดินทางโดย JR Chofu ลงที่ Kichijoji station จะต่อบัสหมายเลขที่ 4 แต่ถ้าลงที่ Mitaka จะต่อบัสหมายเลขที่ 65
เดินทางโดย Kio Line ลงที่ Chofu station จะต่อบัสหมายเลขที่ 34 แต่ถ้าลงที่ Tsutsujigaoka จะต่อบัสหมายเลขที่ 21
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกับที่จะไปพิพิธภัณฑ์ Glibli หากเพื่อนไปเที่ยว Glibli แล้วอยากหาที่เที่ยวใกล้ๆ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรไป
วัด Jindai-ji (จินไดอิ-จิ) ชื่อเต็มภาษาญี่ปุ่นคือ Jindaiji Yakuyoke Ganzan Jie Daishi Sai เป็นวัดพุธที่เก่าแก่เป็นอันดับที่สองรองจาก วัดเซนโซจิหรือที่รู้จักกันในชื่อของวัดอาซากุซะ
แถวบริเวณวัดนี้จะมีชื่อในเรื่องเส้นโซบะ เมื่อมาถึงเราหาอะไรรองท้องได้ที่นี่
set นี้ในราคา 1200 เยน
เมื่อท้องอิ่มแล้ว จากนั้นเราก็นำตุ๊กตาเข้าไปคืนที่วัด โดยเข้าไปที่ Main Gate ซึ่งเป็นประตูหลักของวัดกัน
นี้จะเป็นส่วนของ Main hall ของวัด
หากใครไม่ทราบว่าส่วนไหนของวัด แค่เพียงท่านยื่นตุ๊กตาดะรุมะให้เจ้าหน้าที่วัดและบอกว่า daruma kuyō (だるま供養) เค้าก็จะชี้ไปที่จุดที่เค้ารับคืนให้ เดินไปเรื่อยๆ พบศาลานี้จะมีจุดรับคืนตุ๊กตาดะรุมะตัวใหญ่อยู่ด้านหน้าศาลา
เจอกล่องรับคืนแล้ว มีคนนำตุ๊กตามาคืนเหมือนเราเลย
เมื่อเสร็จภารกิจนำตุ๊กตามคืนแล้ว จากนั้นเราก็เดินเล่นรอบๆ วัดได้ วันนี้มาวันธรรมดาคนไม่พลุกพล่านมากนักและสงบ แต่ก็มีคนเข้ามาที่วัดเรื่อยๆ
รอบๆ วัดก็จะมีของที่ระลึกขาย หรือถ้าใครอยากขอพรกับตุ๊กตาตัวใหม่ที่นี่ก็มีให้ซื้อ
น้ำแข็งใส 400 เยน แอบแพง แต่เป็นราคาปกติของที่นี่
และเพราะหน้าร้อน เราเลยต้องลอง
บริเวณหน้าวัดยังมี คาเฟ่ของอสูรกายน้อยคิทาโร่ด้วย
นอกจากนี้ใกล้ๆ กับวัดยังมีสวนสาธารณะ botanic garden หากมาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี น่าจะสวยงามมาก แต่ตอนนี้เป็นหน้าร้อนทุกอย่างเลยดูเขียวสดชื่นไปหมด
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เบื่อป่าคอนกรีตในกรุงโตเกียวแล้ว อยากหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก