เรารักแม่มาก แต่แม่เป็นแบบนี้เราควรทำยังไงดี??

สถานะในครอบครัว
*เรา อายุเข้า 27 ปี ทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่ได้ขี้เหล่ค่ะ ใช้คนเดียวแบบไม่มีภาระนี่สบายมาก
*แม่รับราชการครูอายุใกล้เกษียณ มีหนี้ในเยอะมาก หนี้นอกยังไม่ทราบจำนวนอีกน่าจะมากพอดู และเงินเดือนไม่เหลือ มากสุดที่เหลือน่าจะ 4000 บาท น้อยสุดก็ 900 บาท จากที่เช็ค นอกนั้นโดนหักหนี้ในค่ะ (สถานะคือมีปัญหา)
*พ่อรับราชการครูอายุใกล้เกษียณ ตอนนี้เงินเดือนเท่าเรา แต่เขาบอกว่าใช้ไม่พอ คือเขาอยู่บ้านพักครู ไม่เสียค่าน้ำค่าไฟ ข้าวเที่ยงกินที่ รร. ข้าวเย็น บางครั้งก็กินจากที่เหลืออาหารกลางวัน รร. ก็งงว่าทำไม ยังต้องไปหายืมคนอื่นมาใช้ เราไม่ได้คาดคั้นพ่อมาก ถ้าไม่เดือนร้อนมาถึงเราก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะ มันคือชีวิตส่วนของพ่อ (สถานะคือไม่เดือนร้อนเราแต่ไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ)
*พี่ชาย พี่ชายเรา อายุ 28 ปีนี้ เรียนไม่จบ  พ่อแม่ไปกู้หนี้เพื่อให้มันเรียนมหาลัยให้ได้ ก็เรียนไม่จบ  เรียนภาคพิเศษก็เรียนไม่จบ  ตอนนี้เป็นลูกจ้างชั่วคราวที่กรมชล เงินเดือนน่าจะไม่ถึง 10000 แต่ก็อยู่บ้านพักของกรมชล แต่เงินเดือนก็ยังไม่พอ ก็ไปรบกวนพ่อบ้าง (สถานะแค่มันไม่มาขอก็ประเสริฐล่ะค่ะ)
*น้าชาย(น้องของแม่)  อันนี้ทำงานที่ไหนได้ไม่นาน ไม่อดทน ขี้เกียจ และบอกว่าตอนนี้ป่วย แต่เราก็ยังเห็นเขาสูบบุหรี่ กินเหล้า เขาไม่ได้มาขอเรานะเงิน แต่แม่เอาเงินจากเราเอาไปให้เขา  มันพ่วงกันอยู่  

ขอเล่าให้เข้าใจ
         ตั้งแต่ที่เราอยู่มัธยม แม่เรามักจะไปยืมเงินของแม่เพื่อนเรา และจะไม่บอกค่ะจนแม่เพื่อนโทรมาทวงเงินจากเรา เราถึงรู้ แต่ก่อนเกิดเหตุเราไม่รู้ว่าเขาจะไปยืมหรอกค่ะ แต่เราสังหรณ์ใจเพราะเขาถามว่าบ้านเพื่อนคนนี้อยู่ไหน อะไรยัง เราเอ๊ะใจ ตอนเขาถามก็เตือนเขาไปว่าอย่าไปยืมเงินเขานะ ถ้าไม่มีคืนจะทำยังไง จะให้เราเสียเพื่อนมองหน้าเพื่อนไม่ได้เหรอ  แต่สุดท้ายแม่ก็ไปยืม พี่ชายเราเขาก็โดน ถึงขั้นยืมเงินครูประจำชั้นของพี่ชายเลยด้วย แม่เพื่อนพี่ก็โดน โดยเวลาที่เขาไปยืมเขาก็จะพูดประมาณว่าเขาหาเงินอยู่คนเดียวพ่อเราไม่ช่วย ไปร้องห่มร้องไห้ หลอกคนอื่นเขา และกำชับกับคนที่โดนยืมตลอดว่าอย่าบอกเรานะ แต่ก็รู้ตลอดค่ะ เพราะสุดท้ายเขาจะมาทวงที่เราทั้งหมด  ไม่ใช่แค่ช่วงมัธยมนะคะ มหาวิทยาลัยก็ยังเป็น  และมีอีกเยอะที่ไปยืม แต่ตอนนี้เราไม่รู้เลยค่ะว่าเขายังติดหนี้ที่ไหนบ้าง และปัญหาคือเขาไม่บอกเลย และบางครั้งบอกก็โกหก จนเราเรียนจบแม่ขอให้เราสมัครบัตรเครดิต ทั้งหมดสามใบ และให้เรากดเงินสดให้ ก่อนจะสมัครเราร้องไห้หนักมาก เราจะบอกเขาตลอดว่าเราไม่อยากเป็นหนี้นะ เพราะเราเห็นพ่อกับแม่ลำบากมาก เราเลยอยากดำเนินชีวิตแบบไม่มีหนี้ เราร้องไห้ เราเสียใจมาก แต่เขาก็จะอ้างว่าเขาจำเป็นเราก็เห็นว่าเป็นแม่ สุดท้ายก็ใจอ่อนสมัครให้ หนี้ก้อนแรกเกือบเป็นแสนโดยเป็นชื่อเรา เขาก็ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง เราก็ต้องส่งเองบ้างเพราะยังไงบัตรทั้งหมดก็ชื่อเรา จนแม่เราลาออกจาก กบข.หรือ ชพค. เราไม่แน่ใจ ได้เงินมา 1 ก้อน ช่วงนั้นบ้านเรามีรถ 1 คัน แต่แม่กับพ่ออยู่คนล่ะโรงเรียนกันแต่มีรถคันเดียวแล้วเขาก็บอกว่าเบื่อที่มาแย่งรถใช้กับพ่อ แล้วเวลาพ่อเอารถไปใช้ กลับช้า เขาต้องหาทางกลับเอง เขาลำบากมาก ให้เราออกรถให้ได้ไหมเดี๋ยวเขาจะส่งเอง เขาบอกว่า เขามีเงินดาวน์อยู่ แต่ว่าหนี้บัตรยังค้างเป็นหมื่น สองหมื่นทุกใบ เราเลยไม่ยอม บอกให้เขาเอาเงินมาปิดบัตรให้หมด  ให้โอนให้เราเดี๋ยวเราจะไปจ่ายบัตร เขาก็ยังจะออกรถให้ได้ เถียงกันนานมากเขาว่าเราไม่เคยช่วยเขาเลย เราอกตัญญูเขาลำบากก็ยังไม่ช่วย แค่ออกรถให้แค่นี้ก็ไม่ทำ เขาว่าเราเยอะมาก ตอนนั้นเสียใจมากแต่ก็กลั้นใจไม่ยอมออกให้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราขัดใจและต่อต้านเขา เรารู้เลย ถ้ารถคันนี้ออกมา เราก็คงได้ส่งอีก แม่ยอมโอนเงินให้เราไปปิดบัตร แต่แค่สองใบ แต่เรากลั้นใจ เอาเงินเก็บตัวเองมาใช้อีก 1 ใบแล้วพอหนี้บัตรหมด  เขาพูดเรื่องอยากได้บ้านใหม่ เพราะหลังเดิมเก่าแล้วอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ถามว่ามีปัญหาอะไร ถึงอยากได้ใหม่ จะโดนยึดเหรอ เขาบอกว่าไม่ใช่ บอกมันเก่าอยากได้ที่มันน่าอยู่กว่านี้ เราเลยบอกว่าเดี๋ยวมีเงินสักก้อนจะซ่อมแซมหลังนี้ให้น่าอยู่ให้นะ อดทนก่อน เราก็เฉยกับเรื่องบ้านเขาก็ไม่ได้พูดเซ้าซี้มา แล้วช่วงต่อมารถที่มีอยู่ 1 คันก็โดนยึด บ้านเรามีรถประมาณ 5 คันได้โดนยึดหมด  คันล่าสุดที่โดนยึดคันนี้เป็นชื่อพี่ชายเรา พ่อแม่เราชื่อติดแบล็คลิสหมดค่ะ พอรถโดนยึด เรื่องบ้านยังไม่ทันจบ อยากได้รถค่ะ คำๆเดียวคือแม่ลำบากมาก แม่จะส่งเอง พ่อแม่พี่ ติดแบล็คลิส ทีนี้ก็เหลือเรา แต่เราจะไม่ออกให้ เขาโทรมาทุกวันค่ะเป็นเดือน เราเครียดมาก เราได้ส่งแน่ๆ คันนี้  และช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาบอกความจริงกับเราว่าบ้านโดนยึดนานแล้วนะแต่แค่ยังไม่มีหมายศาลให้ย้ายออก ทั้งจะให้เราซื้อบ้านช่วยกันส่ง ออกรถอีก  เราเลยบอกว่าถ้าเอาบ้านก็ไม่ต้องมีรถ แต่ถ้ามีรถก็ไม่มีทางซื้อบ้านได้ แม่เลือกรถค่ะ โดยแม่กับพ่อคิดไปคนล่ะแนวอีกค่ะ พ่อจะชวนแม่ไปอยู่บ้านพักครูแล้วหารถไม่แพงมากไว้ใช้ แต่แม่ไม่เอาอีกค่ะ แม่บอกจะย้ายไปอยู่บ้านยาย แต่จำเป็นต้องมีรถ สุดท้ายตอนนี้เรามีหนี้ก้อนใหม่ รวม 700,000 บาท  โดยเราออกรถให้พ่อกับแม่คนละคัน พ่อบอกถ้าแม่ไปแล้วพ่อจะเอารถที่ไหนใช้พ่อก็อยากมีรถใช้ แล้วไม่นานแม่ก็ขอพ่อหย่าทั้งคู่ไปหย่ากันช่วงเดือน พ.ค.60 ที่ผ่านมา แม่เกริ่นเรื่องนี้กับเราแล้วแต่เราบอกถ้ามีเรื่องอะไรต้องเคลีย ให้จบก่อนที่จะหย่า แต่เขาไปหย่าเลยค่ะไม่บอกเราด้วย บอกเราหลังจากหย่าแล้ว แล้วพ่อเราก็ย้ายไปอยู่บ้านพักครู แต่แม่เรามีน้องชายห่วงน้องชายยิ่งกว่าเราอีกมั่งค่ะ เขาบอกจะเช่าบ้านอยู่ ไม่ยอมไปอยู่บ้านพักครูเพราะอายคนอื่นเขา เรานี่แบบพูดไม่ออกเลย เงินเดือนแม่ก็ไม่เหลือ ยังเช่าบ้านเดือนล่ะ 3000 บาทแล้วจะเอาที่ไหนกินค่ารถอีกงวดละ 7000 บาท ค่ะสุดท้ายไม่พ้นเรา เขาโอนค่ารถมานะคะ แต่ไม่เคยโอนครบสักเดือน บางเดือนไม่โอนมาเลย เราก็ไม่ว่าเงินไม่กี่พันเราให้แม่ได้อยู่แล้ว แล้วขอยืมเล็กๆ น้อยๆ อีกเยอะค่ะ แต่เราไม่เคยทวงเพราะรู้ว่าเขาไม่มี  แต่เขาไม่เคยประหยัด เขาอาจจะกินไม่เปลืองแต่เขาไปเที่ยวกับเพื่อน แถมยังเอาเงินที่เราให้ไปให้น้าอีก น้าก็เฮงซวยขี้เกียจ ไม่ทำงานอีก แล้วปัญหาก็เกิดอีกช่วงนี้เจ้าหนี้ที่เราไม่เคยรู้ที่ว่ามีใครบ้างก็เริ่มผุดขึ้นมาค่ะ เพราะเขาขู่แม่ว่าถ้าไม่หามาคืนจะไปฟ้อง ผอ.เขต แม่กลัวขนหัวลุกเลยค่ะ เพราะถ้าไปฟ้อง ผอ.เขตแม่อาจไม่ได้วิทยฐานะ แล้วเงินเดือนก็จะไม่ขึ้น  แม่วิ่งหาเงินโดยไปยืมเจ้านายของพี่ชายเรา 60,000 บาท เรื่องนี้ตอนแรกเราก็ไม่รู้ แต่ว่าพี่ชายเราโทรมาถามว่าแม่ไปหาเจ้านายพี่มาเหรอ เราไม่รู้จริงๆ ก็โทรไปถามแม่ แม่ก็โกหกเราอีกค่ะ ว่าไปคุยเฉยๆ ไม่ได้ไปทำไร แต่พี่ชายเราไปถามเจ้านายเขาถึงรู้ว่าไปขอยืมเงิน พี่เราบ้าเลยค่ะ เพราะเขาจะพูดกับแม่ตลอดว่าห้ามไปยืมเงินเจ้านายเขานะ พูดตลอดที่เจอหน้าแม่เลยค่ะ เพราะรู้ดีว่าแม่เป็นคนยังไง แต่แม่ทำแบบนี้ พี่เลยขู่ถ้าหาเงินมาคืนไม่ได้มันจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเรากับ พ่อเครียดมาก เรารู้ว่าพี่เราแค่ขู่แหละแต่พี่ชายเรามันค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้มากคือแม่ทำอะไรไม่คิด ทำให้ทุกคนในครอบครัวเสียใจมากๆ เขาบอกว่าเขารักลูก แต่พี่ขอร้องเตือนแล้วเขาก็ยังทำ แม่ก็วิ่งหาเงินไปยืมยายที่เป็นญาติมา แต่เราไม่รู้ว่าจริงไหมนะ เพราะเงินจำนวนนี้เรายังไม่ได้คาดคั้น(อนาคตข้างหน้าเงินก้อนนี้ก็คงจะเป็นเราใช้อีกตามเคยแน่ๆค่ะ)  เรื่องนี้เพิ่งจบใหม่ ๆ มีคนมาทวงเพิ่มอีกแล้วบอกจะไปฟ้อง ผอ.เขตเหมือนกัน ก็ไปบ้านยายไปร้องไห้โกหกว่าแม่เลี้ยงของพ่อทวงเงินทั้งๆที่ไม่ใช่  เรารู้เพราะพี่ชายที่เป็นญาติเขาโทรมาถามว่าคุยกับแม่ยัง บอกว่าตอนนี้แม่มีปัญหามากรีบโทรหาแม่ด่วนๆ เรางงมากๆ เพราะก่อนหน้านี้ยังคุยกันดีๆ เราเลยถามว่าแม่มีปัญหาอะไรโทรไปยืมเงินพี่เขาทำไม แม่บอกว่าย่าเขาทวงเงินแม่ จะฟ้องแม่ เราเลย เอาเบอร์ย่ามาเดี๋ยวเราจะใช้เองเราจะคุยกับย่าเองจะขอผ่อนใช้นะ เราก็ไม่มีเป็นก้อน พอเราบอกจะโทรไป เขาถึงยอมบอกความจริงว่าคนอื่นทวงไม่ใช่ย่า (กับย่าก็ติดเงินเขาค่ะแต่เขายังไม่ทวงจริงจัง) ติดไว้นานแล้ว แล้วเขาจะเอาเดี๋ยวนั้น เราก็วิ่งหา ช่วยแม่ สองวันสามหมื่นโอนไปให้เขา ตอนนี้เราก็ยังทยอยใช้หนี้คนที่เราไปยืมมาอยู่ เดือนๆนึงตอนนี้เราเหลือเงินแค่ค่ากิน 3000 ค่าหอ 3000 เราประหยัดมากๆ แต่แม่ไปโน้นนี่ ไม่เคยถามเราด้วยซ้ำ ว่าเราเหลือเงินกินข้าวไหม เอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ แถมยังโทรมาขอเงินเรา 500 1000 บอกไม่มีตังกินข้าว เราไม่มีเราก็เจียดให้  เราอดทนมากค่ะ ตั้งแต่ทำงานมาแทบไม่มีอะไร หรือซื้ออะไรให้ตัวเอง เสื้อผ้าทำงานตอนนี้ก็แม่ให้มาเพราะเขาใส่ไม่ได้ ชุดส่วนใหญ่น้าก็ให้มา  เราอดทนเราประหยัดมาก ซื้ออะไรแค่ที่จำเป็นมากๆ เช่นพวกของใช้ เราอยากหาทางออก อยากเปลี่ยนเขา ให้เขาประหยัด ให้เขายอมรับความจริงว่าฐานะครอบครัวมันกำลังลำบาก เช่นถ้าเขาย้ายไปอยู่บ้านพักครู มันจะประหยัดขึ้นมาก ทั้งค่าน้ำมันและค่าบ้านเช่า และเราเริ่มมาคิดว่าเราอายุขนาดนี้แล้ว บ้านก็ไม่มีให้กลับไป เราก็คิดอยากซื้อบ้าน พ่อเราก็คิดค่ะบอกให้เราช่วย พี่เราก็อยากได้บ้านเอื้ออาทรบอกให้ซื้อเป็นชื่อเราแล้วช่วยกันส่ง แม่ก็บอกว่าให้เรากู้สหกรณ์สร้างบ้านเดี๋ยวแม่จ่าย สรุปทุกคนอยากได้บ้าน คือเราต้องช่วยทั้งสามคนหาบ้านสามหลังเหรอ แล้วชีวิตเราล่ะ ถ้าเรามีครอบครัวเราก็ต้องหาอีกหลังกับครอบครัวเราเหรอ คือทุกคนในบ้านมีแต่อยากได้ แต่ไม่มีใครช่วยกัน แม่ก็บอกว่าทุกคนต้องช่วยกัน แต่แม่เราไม่เคยช่วยประหยัด ไม่เคยอดทน แถมยังโกหก ก่อหนี้ แล้วให้เราตามใช้อีก จนเราเครียดมาก  มีใครพอจะมีแนวทางแนะนำ หรือวิธีเปลี่ยนเขาบ้างไหมค่ะ
            **สิ่งที่เราทำทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้คือ พยายามถามเขาว่าตอนนี้เขามีหนี้ที่ไหนบ้าง ให้เขียนบอก  เดือนๆนึง ได้เงินเดือนเท่าไหร่  สรุปคือไม่ได้คำตอบอะไรสักอย่างค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมไมบอกเรา เพราะสุดท้ายคนที่ช่วยเขาก็มีแต่เรา แต่ยังโกหกเรา ไม่มีความจริงใจให้เรา เรื่องเงินเดือนก็บอกได้ 13000 ก็โกหก เพราะเราให้พ่อเราไปเช็คที่เขต บางเดือนเหลือ 900 บาทด้วยซ้ำ เราเลยอยากให้เขาย้ายไปอยู่บ้านพักครู เราว่าอย่างน้อยมันดีขึ้นระดับหนึ่ง เรื่องนี้ก็กำลังหาวิธีเกลี่ยกล่อมเขาค่ะ  แต่คิดว่าคงได้คำตอบว่าไม่ไปหรอกแม่อาย คงแนวเดิม  แม่เป็นประเภทที่จมไม่ลง โกหกคนที่ไม่สนิทว่าชีวิตตัวเองสวยหรู ทำตัวให้ดูดี ดูมีเงิน แต่เขาไม่เคยนึกเลยค่ะ ว่าลูกคนนี้กำลังจะเครียดตาย และชีวิตกำลังจะเดินรอยตามเขา
           **ขอบอกก่อนนะคะว่าเรารักแม่มาก ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าเราไม่ได้เอาครอบครัวมาประจาน เราอยากแก้ปัญหา เราอยากช่วยเขามาก ถ้าเราไม่อยากช่วยจริงๆ เราคงหนีไปไม่ให้เขาติดต่อได้ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันแล้วค่ะ แต่เราทำไม่ได้ เรารักเขามากจนบางเรื่องเหมือนคนโง่ยอมเขาเกินไปด้วยซ้ำ และเราตระหนักเสมอ หนี้บางก้อนที่แม่ไปยืมอาจเอามาให้เราเพื่อเรียนหนังสือ เราคิดเสมอว่าเรามีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะพ่อกับแม่ ในเมื่อเราทิ้งไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา และทุกครั้งเราไม่เคยด่าว่าแม่ ตะคอก หรือตะโกนใส่สักครั้งเดียว เราพูด ถามด้วยความใจเย็นมีเหตุผลตลอดมา ที่เราเอามาตั้งกระทู้เราอยากได้มุมมองหรือแนวคิดที่อาจเอามาใช้กับเหตุการณ์นี้ได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่