ช่วงกลางปีที่แล้ว
มีข่าวอยู่คอลัมน์หนึ่งที่นำเสมอข่าวแบบเย้ยฟ้าท่าให้ขบคิดมากว่า
แท้จริงแล้ว วิกฤตพระพุทธศาสนาในอดีตมีความเป็นมา และมีความเกี่ยวเนื่องกันมาอย่างไร
---
บทความจากข่าว
ทำไม...!! ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวพุทธในประเทศไทย ส่วนหนึ่งจึงปักใจเชื่อว่า
ประเทศไทย มีขบวนการ “นารีพิฆาต” อันโด่งดังในอดีต สู่ “กลุ่มหรือขบวนการจับพระสึก” ในปัจจุบัน
คนที่มีอายุเลยเลข 40 ไปแล้ว คงเคยได้ยินคำว่า “นารีพิฆาต”
บ่อยๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือจากปากต่อปากในแวดวงพระพุทธศาสนา เพราะในอดีต “พระภิกษุ”
ไม่ว่าจะดังแค่ไหน มีคนห้อมล้อมติดตามระมัดระวังปานใด “มักจบชีวิตสมณะด้วยสตรี” ทุกรูปนามไป
จนทำให้ชาวพุทธเชื่อว่ามีขบวนการ “นารีพิฆาต” จากคนต่างศาสนามา “ทำลาย”
พระภิกษุที่ชาวพุทธให้ “ความเคารพ” ทั้งๆ ที่สตรีเหล่านั้น ทุกรายล้วนเป็น “ชาวพุทธที่ใกล้ชิด”
พระภิกษุรูปนั้นๆ ทั้งสิ้น ความจริงชาวพุทธน่าจะสืบต่อว่า “นารี” เหล่านี้หลังจากพิฆาต “พระ” แล้ว ชีวิตเป็นอยู่กันอย่างไรต่อ?
ยกตัวอย่าง “พระดัง” ที่มีชื่อและถูกสึกเพราะ “นารี” ที่ลูกศิษย์ลูกหา และคนศรัทธาเชื่อสนิทว่านี้คือ “แผนนารีพิฆาต”
ขอขอบคุณภาพจากเพจ พัดยศ สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย
“พระภาวนาพุทโธ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จังหวัดนครปฐม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อดีตพระภาวนาพุทโธ มีลูกศิษย์ลูกหามาก
มีสาขาวัดในไทยหลายแห่ง สุดท้ายถูกจับสึกและขังคุก ในข้อหาหลอกข่มขืนเด็กชาวเขาอายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องรับโทษติดคุกยาวนานถึง 50 ปี
แม้ติดคุกแต่ก็มีลูกศิษย์ไปเข้าคิวรอพบจนเป็นที่เลื่องลือ เพราะบรรดาศิษย์เชื่อว่า “พระภาวนาพุทโธ” ถูกใส่ร้ายและถูกแผน “นารีพิฆาต”
เผด็จสึก ปัจจุบันได้ข่าวว่าท่านพ้นคุกแล้วใช้ชีวิตแบบเงียบๆ
“พระวินัย อมโร” หรือที่เรียกติดปากว่า “พระยันตระ” สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย พระหนุ่มรูปงาม มีแม่ยก พ่อยกทั่วประเทศ
สมัยยังครองสมณะเพศ จำวัดอยู่ที่ วัดป่าสัญญาตาราม เกริงกระเวีย จังหวัดกาญจนบุรี มีผู้คนศรัทธารถจอดเรียงสองข้างทางหลายกิโลเมตร
เพื่อไปพบไปฟังธรรมจากท่าน ลูกศิษย์ศรัทธามากถึงขนาด “ดื่มฉี่” เพราะเชื่อว่าเป็นยาสามารถ “รักษาโรค” ได้
ลูกศิษย์ “อดีตพระยันตระ” เชื่อว่าท่านถูกแผน “นารีพิฆาต” เพราะถูกสีกากลุ่มหนึ่งออกมาแฉจนเป็นข่าวโด่งดังสะเทือนใจชาวพุทธมาก
หลังถูกกล่าวหาว่าล่อลวงสีการายหนึ่งไปเสพเมถุนจนตั้งครรภ์ และคลอดเด็กออกมา และมีแฉตามมาอีกหลายคน
ทำนองว่า “ตัวเองเป็นหลวง” และ “เป็นน้อย”
ปัจจุบันยังใช้ชีวิตเยี่ยงพระในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนสตรีบางรายก่อนตายมีข่าวซุบซิบว่ายอม “สารภาพบาปว่าใส่ความพระ”
เพราะโกรธคนใกล้ชิด ที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้
ปัจจุบันชาวพุทธกลุ่มหนึ่งเชื่อปักใจว่า “พระพุทธศาสนามีภัย” ยังน้อย บรรดาสาวก
วัดพระธรรมกาย บางท่านเชื่อสนิทใจว่า พระพุทธศาสนากำลังมีภัย ชนิดถูกถอนรากถอนโคน
โดยมี “ขบวนการ” คอยทำลาย “พระ” และมีแผนทำลายล้าง “พระพุทธศาสนา”
ในไทยโดยตรง โดยอาศัยกฎหมาย องค์กร ทุนและบุคคลที่เตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ และมีการรับลูก รับช่วงเป็นทอด ๆ
เริ่มจากขบวนการจ้องทำลาย วัดพระธรรมกาย “รถโบราณ” เพื่อไปกระทบชิ่ง “สมเด็จช่วง” วัดปากน้ำ
ในฐานะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะพระอุปัชฌาย์ พระธัมมชโย
และอาศัยจุดอ่อนระหว่างนิกายในช่วงตำแห่ง “สังฆราช” ว่างลง
อันเป็นรอยแผลเดิม “ระหว่างนิกาย” แล้วทะลวงทุบเพื่อยุบ “มหาเถรสมาคม”
เมื่อสำเร็จก็จะร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ใหม่ แล้วเข้าไปจัดการกับ “สถาบันสงฆ์”
เป้าหมายแรก คือ “ทรัพย์สินของวัด” และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดหลวงพ่อโสธร วัดไร่ขิง
วัดพระพุทธชินราช และอีกหลายวัดที่มีผลประโยชน์มหาศาล
เพราะคนกลุ่มนี้เชื่อว่า “เงิน” คือต้นตอสำคัญที่ทำให้สังคมสงฆ์ “เน่าเฟะ” อยู่ ณ ตอนนี้
และคนธรรมกายเชื่อว่าหากล้ม “วัดธรรมกาย” ได้ ก็ล้ม “วัดอื่น” ได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันคนกลุ่มเดียวกันนี้พยายามสร้างกระแส โดยมีทีมชง ตี ทุบ ทำลาย
ลดเครดิตพระผู้ใหญ่ให้คนไทยพุทธเชื่อว่า “มหาเถรสมาคมล้มเหลว”
แล้วล้มศูนย์กลางการปกครองคณะสงฆ์ คือ มหาเถรสมาคม
เพื่อเข้าไปจัดการโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ใหม่
ซึ่งขบวนการนี้มีแนวคิดจะปัดฝุ่น พ.ร.บ.การปกครองคณะสงฆ์ 2484 ขึ้นมาใช้ใหม่
หรือแม้กระทั้งมีแนวคิด “เก็บภาษีพระ”
ล๊อคเป้าเปลี่ยน “เจ้าอาวาส” ทุกๆ5 ปี บางคน “บังอาจ" ขนาดขอยกเลิก “สมณศักดิ์” ด้วยซ้ำไป
ซึ่งกระแสนี้นับว่ามีคน “สนับสนุน”
มิใช่น้อย ในขณะที่ทีมงานประชาสัมพันธ์ของ “มหาเถรสมาคม” กลับอ่อนปวกเปียก
…..............................
Cr. คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/article/504057
ทำไม...!! ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวพุทธส่วนหนึ่งจึงปักใจเชื่อว่า ประเทศไทยมีขบวนการ "จับพระสึก"
มีข่าวอยู่คอลัมน์หนึ่งที่นำเสมอข่าวแบบเย้ยฟ้าท่าให้ขบคิดมากว่า
แท้จริงแล้ว วิกฤตพระพุทธศาสนาในอดีตมีความเป็นมา และมีความเกี่ยวเนื่องกันมาอย่างไร
---
บทความจากข่าว
ทำไม...!! ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวพุทธในประเทศไทย ส่วนหนึ่งจึงปักใจเชื่อว่า
ประเทศไทย มีขบวนการ “นารีพิฆาต” อันโด่งดังในอดีต สู่ “กลุ่มหรือขบวนการจับพระสึก” ในปัจจุบัน
คนที่มีอายุเลยเลข 40 ไปแล้ว คงเคยได้ยินคำว่า “นารีพิฆาต”
บ่อยๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือจากปากต่อปากในแวดวงพระพุทธศาสนา เพราะในอดีต “พระภิกษุ”
ไม่ว่าจะดังแค่ไหน มีคนห้อมล้อมติดตามระมัดระวังปานใด “มักจบชีวิตสมณะด้วยสตรี” ทุกรูปนามไป
จนทำให้ชาวพุทธเชื่อว่ามีขบวนการ “นารีพิฆาต” จากคนต่างศาสนามา “ทำลาย”
พระภิกษุที่ชาวพุทธให้ “ความเคารพ” ทั้งๆ ที่สตรีเหล่านั้น ทุกรายล้วนเป็น “ชาวพุทธที่ใกล้ชิด”
พระภิกษุรูปนั้นๆ ทั้งสิ้น ความจริงชาวพุทธน่าจะสืบต่อว่า “นารี” เหล่านี้หลังจากพิฆาต “พระ” แล้ว ชีวิตเป็นอยู่กันอย่างไรต่อ?
ยกตัวอย่าง “พระดัง” ที่มีชื่อและถูกสึกเพราะ “นารี” ที่ลูกศิษย์ลูกหา และคนศรัทธาเชื่อสนิทว่านี้คือ “แผนนารีพิฆาต”
ขอขอบคุณภาพจากเพจ พัดยศ สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย
“พระภาวนาพุทโธ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จังหวัดนครปฐม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อดีตพระภาวนาพุทโธ มีลูกศิษย์ลูกหามาก
มีสาขาวัดในไทยหลายแห่ง สุดท้ายถูกจับสึกและขังคุก ในข้อหาหลอกข่มขืนเด็กชาวเขาอายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องรับโทษติดคุกยาวนานถึง 50 ปี
แม้ติดคุกแต่ก็มีลูกศิษย์ไปเข้าคิวรอพบจนเป็นที่เลื่องลือ เพราะบรรดาศิษย์เชื่อว่า “พระภาวนาพุทโธ” ถูกใส่ร้ายและถูกแผน “นารีพิฆาต”
เผด็จสึก ปัจจุบันได้ข่าวว่าท่านพ้นคุกแล้วใช้ชีวิตแบบเงียบๆ
“พระวินัย อมโร” หรือที่เรียกติดปากว่า “พระยันตระ” สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย พระหนุ่มรูปงาม มีแม่ยก พ่อยกทั่วประเทศ
สมัยยังครองสมณะเพศ จำวัดอยู่ที่ วัดป่าสัญญาตาราม เกริงกระเวีย จังหวัดกาญจนบุรี มีผู้คนศรัทธารถจอดเรียงสองข้างทางหลายกิโลเมตร
เพื่อไปพบไปฟังธรรมจากท่าน ลูกศิษย์ศรัทธามากถึงขนาด “ดื่มฉี่” เพราะเชื่อว่าเป็นยาสามารถ “รักษาโรค” ได้
ลูกศิษย์ “อดีตพระยันตระ” เชื่อว่าท่านถูกแผน “นารีพิฆาต” เพราะถูกสีกากลุ่มหนึ่งออกมาแฉจนเป็นข่าวโด่งดังสะเทือนใจชาวพุทธมาก
หลังถูกกล่าวหาว่าล่อลวงสีการายหนึ่งไปเสพเมถุนจนตั้งครรภ์ และคลอดเด็กออกมา และมีแฉตามมาอีกหลายคน
ทำนองว่า “ตัวเองเป็นหลวง” และ “เป็นน้อย”
ปัจจุบันยังใช้ชีวิตเยี่ยงพระในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนสตรีบางรายก่อนตายมีข่าวซุบซิบว่ายอม “สารภาพบาปว่าใส่ความพระ”
เพราะโกรธคนใกล้ชิด ที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้
ปัจจุบันชาวพุทธกลุ่มหนึ่งเชื่อปักใจว่า “พระพุทธศาสนามีภัย” ยังน้อย บรรดาสาวก
วัดพระธรรมกาย บางท่านเชื่อสนิทใจว่า พระพุทธศาสนากำลังมีภัย ชนิดถูกถอนรากถอนโคน
โดยมี “ขบวนการ” คอยทำลาย “พระ” และมีแผนทำลายล้าง “พระพุทธศาสนา”
ในไทยโดยตรง โดยอาศัยกฎหมาย องค์กร ทุนและบุคคลที่เตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ และมีการรับลูก รับช่วงเป็นทอด ๆ
เริ่มจากขบวนการจ้องทำลาย วัดพระธรรมกาย “รถโบราณ” เพื่อไปกระทบชิ่ง “สมเด็จช่วง” วัดปากน้ำ
ในฐานะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะพระอุปัชฌาย์ พระธัมมชโย
และอาศัยจุดอ่อนระหว่างนิกายในช่วงตำแห่ง “สังฆราช” ว่างลง
อันเป็นรอยแผลเดิม “ระหว่างนิกาย” แล้วทะลวงทุบเพื่อยุบ “มหาเถรสมาคม”
เมื่อสำเร็จก็จะร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ใหม่ แล้วเข้าไปจัดการกับ “สถาบันสงฆ์”
เป้าหมายแรก คือ “ทรัพย์สินของวัด” และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดหลวงพ่อโสธร วัดไร่ขิง
วัดพระพุทธชินราช และอีกหลายวัดที่มีผลประโยชน์มหาศาล
เพราะคนกลุ่มนี้เชื่อว่า “เงิน” คือต้นตอสำคัญที่ทำให้สังคมสงฆ์ “เน่าเฟะ” อยู่ ณ ตอนนี้
และคนธรรมกายเชื่อว่าหากล้ม “วัดธรรมกาย” ได้ ก็ล้ม “วัดอื่น” ได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันคนกลุ่มเดียวกันนี้พยายามสร้างกระแส โดยมีทีมชง ตี ทุบ ทำลาย
ลดเครดิตพระผู้ใหญ่ให้คนไทยพุทธเชื่อว่า “มหาเถรสมาคมล้มเหลว”
แล้วล้มศูนย์กลางการปกครองคณะสงฆ์ คือ มหาเถรสมาคม
เพื่อเข้าไปจัดการโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ใหม่
ซึ่งขบวนการนี้มีแนวคิดจะปัดฝุ่น พ.ร.บ.การปกครองคณะสงฆ์ 2484 ขึ้นมาใช้ใหม่
หรือแม้กระทั้งมีแนวคิด “เก็บภาษีพระ”
ล๊อคเป้าเปลี่ยน “เจ้าอาวาส” ทุกๆ5 ปี บางคน “บังอาจ" ขนาดขอยกเลิก “สมณศักดิ์” ด้วยซ้ำไป
ซึ่งกระแสนี้นับว่ามีคน “สนับสนุน”
มิใช่น้อย ในขณะที่ทีมงานประชาสัมพันธ์ของ “มหาเถรสมาคม” กลับอ่อนปวกเปียก
…..............................
Cr. คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/article/504057