จากเด็กพิษณุโลกสู่ยุโรปด้วยทุน Erasmus Mundus

จากที่เคยได้ตั้งกระทู้ท่องเที่ยวในยุโรปเมื่อครั้งที่ผ่านมา วันนี้ผมอยากจะขอแชร์ประสบการณ์การได้ทุนของสหภาพยุโรปมาเรียนต่อที่ยุโรปครับ

ผมเกิดในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่พิษณุโลก ครอบครัวไม่ได้ลำบากขัดสน มีกินมีใช้ตามสมควร แต่ก็ไม่ได้มีเหลือเฟือสำหรับการไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เรื่องไปเรียนเมืองนอกไม่ต้องพูดถึง ผมจึงเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองและขวนขวายหาโอกาสเพื่อให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง

ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรกตอนอยู่ ป.๕ ระหว่างเรียนอยู่ที่โรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัด พอขึ้นมัธยมต้น ก็ขอให้ที่บ้านรับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายสัปดาห์สำหรับนักเรียน ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นฉบับละ ๑๐ บาท ทางบ้านก็ให้การสนับสนุนอย่างดี

ผมก็เอามานั่งอ่านในแต่ละสัปดาห์ ท้ายฉบับจะมีคำถามประมาณ ๕ คำถามให้ตอบชิงรางวัล โดยคำตอบจะอยู่ในเนื้อหาของหนังสือพิมพ์นั่นแหละ ผมก็ส่งไปเกือบทุกสัปดาห์ ได้เงินรางวัลครั้งละ ๒๐๐ บาท

ผมไม่ได้เรียนพิเศษกับอาจารย์ฝรั่ง นอกจากการเรียนรู้ในห้องเรียนแล้ว ก็อาศัยยืมหนังสือจากห้องสมุดเอามาอ่านเพิ่มเติมเอง หา pen pal ในต่างประเทศเพื่อเขียนจดหมายโต้ตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ อาศัยฟังวิทยุของ BBC ผ่านเว็บไซต์ ซื้อนวนิยายมาอ่าน จำได้ว่า เรื่องแรกที่ซื้อ คือ A Walk To Remember

เข้าสู่มัธยมปลาย ผมได้ทุนของคุณครูสมศรีไปเรียนคอร์สคำศัพท์อยู่คอร์สหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่เรียนรู้คำศัพท์จำนวนมากและสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้จริง

ตอนอยู่ ม.๖ ผมลองสอบชิงทุนของหลาย ๆ ที่ ทั้งทุนรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ และทุน ก.พ. แต่สอบไม่ผ่านเลยแม้แต่ที่เดียว เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกสิ้นหวังและสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ตอนนั้นร้องไห้โฮเลย ได้พี่สาวคอยปลอบใจมาตลอด แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ต้องเรียนในไทยไปก่อนแล้วค่อยหาโอกาสต่อไป

ต่อมาเมื่อกำลังจะเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมเห็นค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่สูงมาก รู้สึกสงสารทางบ้าน ผมคิดจะสละสิทธิ์แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดและทำงานพิเศษไปพลาง แต่แม่เป็นคนขอให้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้นจนจบ

ระหว่างที่เรียนที่คณะ ผมได้ทุนของมหาวิทยาลัยและสมาคมศิษย์เก่า เรียนเสร็จในแต่ละวัน ก็ไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่เป็นงานเดินเอกสาร ตอนเย็นก็อ่านหนังสือที่หอพักใกล้คณะ อยู่กับ ๔ คน ตอนนั้นไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเพื่อนร่วมชั้นถึงได้มองว่าผมเป็นคนเนิร์ด

เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ก็บอกกับตัวเองว่าจะยอมแพ้ไม่ได้

ระหว่างนี้ก็ทำกิจกรรมพิเศษไปด้วย ส่วนใหญ่เกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างประเทศระดับเยาวชน หรือการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศจำลองต่าง ๆ
จนกระทั่งจบปีที่ ๒ ผมได้ทุนของทั้งรัฐบาลเกาหลีและโครงการแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยที่เรียนกับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น

ก่อนหน้าผมไปลงเรียนภาษาเกาหลี ๑ นอกเวลาของต่างมหาวิทยาลัย จากนั้นก็มาศึกษาเองต่อ จนสอบเข้าเรียนเกาหลี ๔ ของคณะอักษรฯ ของมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ โดยไม่ต้องไปลงเรียนเกาหลี ๑, ๒ และ ๓ อาจารย์เห็นถึงความมุ่งมั่นเลยเสนอชื่อผมไปเป็นตัวแทนรับทุนไปเรียนต่อ
แต่แล้วผมต้องเลือกเพียง ๑ ทุน และได้ตัดสินใจไปเรียนที่ญี่ปุ่น

ระหว่างที่เรียน ผมคิดว่า จะมาเล่น ๆ เฉย ๆ ไม่ได้ อย่างน้อยตอนกลับไทย ต้องได้ภาษาญี่ปุ่น ผมเลยใช้เวลาเต็มที่ในการเตรียมสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับ ๒ (ระดับ ๑ คือ ระดับสูงสุด) และผ่านในที่สุดหลังจาก ๙ เดือนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นโดยเริ่มต้นจาก ๐ ตอนที่มาถึง ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ไม่ลืมที่จะเที่ยวด้วย
พอกลับมาไทย ผมตั้งเป้าหมายว่าจะสอบทุนรัฐบาลสวิส ซึ่งมหาวิทยาลัยที่ผมอยากเข้าเรียนใช้ภาษาฝรั่งเศส ผมก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาศึกษาภาษาฝรั่งเศสด้วยตัวเองขณะที่เรียนอยู่ที่คณะไปด้วย ก็อาศัยวิธีคล้าย ๆ เดิม คือ ยืมหนังสือจากห้องสมุดและเรียนรู้จากเว็บไซต์ จนกระทั่ง ๑ ปีครึ่งผ่านไป ผมก็สอบได้ใบประกาศในระดับที่ต้องใช้เรียนปริญญาโทเป็นภาษาฝรั่งเศส

แต่

ในปีที่สอบผ่าน รัฐบาลสวิสตัดทุนเรียนต่อในระดับปริญญาโทเป็นปีแรก คงเหลือแต่ทุนปริญญาเอกและทุนวิจัยเท่านั้น
เอาเป็นว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีภาษาฝรั่งเศสติดตัว

พอถึงคราวต้องสอบ IELTS ผมก็ศึกษาเอง ไม่ได้ไปเรียนพิเศษที่ไหน ลงทุนซื้อหนังสือเตรียมสอบมา ๑ เล่ม นอกนั้นก็อาศัยของเก่าที่สะสมมาโดยตลอด จนได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ

แต่แล้ว ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยตอนที่ผมอยู่ปี ๔ ทุนที่สมัครไปแต่ละที่ไม่ได้สักที่เลย ได้แต่ตอบรับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้ทุน ก็เป็นว่า อดไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็พอมีสิ่งที่ทำให้ชื่นใจอยู่บ้าง นั่นคือ เกียรตินิยมอันดับ ๑ ที่ได้รับตอนจบ

ผมกลับมาตั้งหลักที่บ้าน ขอเวลาที่บ้านสัก ๑ ปีเพื่อเตรียมตัวสอบใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกขอบคุณที่บ้านมากที่เข้าใจและเลี้ยงดูผม
จนเวลาผ่านไปราว ๙ เดือนก็มีข่าวดี ผมได้ทุนของสหภาพยุโรปที่นับเป็นทุนที่ดีที่สุดทุนหนึ่งของโลก เป็นทุนที่ได้เงินเยอะที่สุดในระดับปริญญาโทที่ยุโรป ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างทั้งค่าเรียน ค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง และค่าวีซ่า ได้ไปเรียนอย่างน้อย ๒ ประเทศ และเป็นทุนที่ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ การที่ได้ทุนนี้ ต้องใช้สิ่งที่ผมสั่งสมมาตลอด ทั้งผลการเรียน กิจกรรมนอกหลักสูตร และความสามารถทางภาษา

ผมเขียนโพสต์นี้ขึ้นมาไม่ได้เพื่อจะยกยอตัวเอง เพราะรู้อยู่เสมอว่า ที่มาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะความสามารถของตัวเองล้วน ๆ ต้นทุนทางสังคมที่มีอยู่บ้างทำให้ผมไม่ได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างยากลำบากและทำให้มีเวลาและโอกาสในการพัฒนาตนเอง มีครอบครัวที่สนับสนุน เข้าใจ และเคารพการตัดสินใจ มีอาจารย์ที่เห็นความตั้งใจและไม่เคยเหนื่อยที่จะเขียนจดหมายแนะนำให้ มีเพื่อนแท้ที่คอยให้กำลังใจในวันที่เหนื่อยล้า

ขอเป็นกำลังใจให้คนที่มีต้นทุนทางสังคมไม่สูงนักแต่มีความมุ่งมั่นพยายามมาตลอด ได้ทำให้ความฝันของตัวเองให้เป็นจริงครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครสนใจการเรียน การทำงาน และการท่องเที่ยวสถานที่แปลกใหม่ในยุโรป ก็ขอเชิญไปเยี่ยมชมหรือพูดคุยกันได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจครับ https://www.facebook.com/IRememberEurope/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่