ในปี 2024 สหรัฐอเมริกายังคงครองตำแหน่งผู้นำระดับโลกในด้านทองคำสำรอง ด้วยการถือครองทองคำถึง 8,133 ตัน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่มากกว่าประเทศอันดับถัดไปอย่างเยอรมนีที่มี 3,352 ตันเกือบ 2.5 เท่า โดยสหรัฐฯ ยังรักษาความเป็นผู้นำในด้านทรัพย์สินสำรองระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและบทบาทสำคัญในระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่วนของไทยอยู่อันดับที่ 22
ในลำดับถัดมา เยอรมนียังคงยืนตำแหน่งอันดับสอง โดยมีทองคำสำรอง 3,352 ตัน รองรับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ตามมาด้วยอิตาลีและฝรั่งเศสที่ถือครองทองคำ 2,452 ตัน และ 2,437 ตันตามลำดับ ทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกสำคัญของสหภาพยุโรปที่ยังคงรักษาทองคำไว้เป็นส่วนสำคัญของทรัพย์สินสำรองของพวกเขา
ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยเสริมความมั่นคงของเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แม้หลายประเทศจะเริ่มพยายามกระจายการถือครองทรัพย์สินสำรองไปยังสกุลเงินหรือสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ทองคำยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินทั้งในระดับชาติและนานาชาติ
ที่มา:-
https://mgronline.com/infographic/detail/9680000001383
อันดับประเทศที่มีทองคำสำรองมากสุดในโลก 2024
ในปี 2024 สหรัฐอเมริกายังคงครองตำแหน่งผู้นำระดับโลกในด้านทองคำสำรอง ด้วยการถือครองทองคำถึง 8,133 ตัน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่มากกว่าประเทศอันดับถัดไปอย่างเยอรมนีที่มี 3,352 ตันเกือบ 2.5 เท่า โดยสหรัฐฯ ยังรักษาความเป็นผู้นำในด้านทรัพย์สินสำรองระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและบทบาทสำคัญในระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่วนของไทยอยู่อันดับที่ 22
ในลำดับถัดมา เยอรมนียังคงยืนตำแหน่งอันดับสอง โดยมีทองคำสำรอง 3,352 ตัน รองรับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ตามมาด้วยอิตาลีและฝรั่งเศสที่ถือครองทองคำ 2,452 ตัน และ 2,437 ตันตามลำดับ ทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกสำคัญของสหภาพยุโรปที่ยังคงรักษาทองคำไว้เป็นส่วนสำคัญของทรัพย์สินสำรองของพวกเขา
ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยเสริมความมั่นคงของเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แม้หลายประเทศจะเริ่มพยายามกระจายการถือครองทรัพย์สินสำรองไปยังสกุลเงินหรือสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ทองคำยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินทั้งในระดับชาติและนานาชาติ
ที่มา:- https://mgronline.com/infographic/detail/9680000001383