สวัสดีค่ะ ขอแชร์ความฝันที่เป็นจริงนะคะ ความฝันตั้งแต่เด็กของเราคือ อยากไปยุโรปซักครั้งในชีวิต เริ่มต้นเลยจากการชอบดูบอลยูโรค่ะ และพบว่า นักเตะยุโรปหล่อดีนะ ฮ่า ๆ ก็เลยมาเริ่มหาว่า ยุโรปมันคืออะไรนะ ตอนเด็ก ๆ ก็เลยเขียนจดหมายส่งไปถึงสถานทูตประเทศต่าง ๆ ในยุโรปขอข้อมูลเค้ามา ซึ่งเค้าก็ใจดี ส่งให้ และเราก็ยังเก็บจนถึงปัจจุบันนี้ ซื้อหนังสือต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับยุโรปเก็บไว้พอสมควร ตอนนี้ถึงเวลาได้ใช้มันละคะ เพราะเราได้ทุน Erasmus Mundus ไปเรียนที่เยอรมันค่ะ
และยังตั้งใจกับตัวเองว่า ถ้าได้ทุนนี้จริงๆ จะมาแบ่งปันข้อมูลของทุนนี้ ให้กับคนที่กำลังมองหาอยู่ใน Pantip เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ที่เราได้ ก็ได้มาจาก pantip ได้มาเยอะละ คงถึงตาเราที่ต้อง "ให้" บ้าง...จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้
ทุน Erasmus Mundus คืออะไร?
คำตอบ
http://eeas.europa.eu/delegations/thailand/more_info/erasmus-mundus/index_th.htm
***ขอขอบคุณเจ้าของบล็อกนี้ด้วยค่ะ
http://bullet-wood.blogspot.com/2012/07/5-erasmus-mundus.html อธิบายทุนนี้ได้ละเอียดและรวบรวมลิ้งค์ข้อมูลเกี่ยวกับทุนนี้ไว้ด้วยค่ะ
ต่อไปนี้ เราจะพูดในการศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่เราได้ทุนนะคะ
ความแตกต่างของ Action 1 และ Action 2
คำตอบ Action 1 เรียน 2 ประเทศขึ้นไป ส่วน Action 2 เรียนประเทศเดียว ซึ่งคนส่วนใหญ่จะรู้จัก Action 1 มากกว่า
Action 1 สาขาที่เปิดสอนList of all Erasmus Mundus Masters Courses (EMMCs)
ตามลิ้งค์นี้ไปโลด
http://eacea.ec.europa.eu/erasmus_mundus/results_compendia/selected_projects_action_1_master_courses_en.php
คลิกเข้าไปดูรายละเอียดสาขาที่อยากเรียน แล้วดูว่า ต้องสมัครยังไงใช้เอกสารอะไรบ้าง
Action 2 สาขาที่เปิดสอน
** สำหรับ Action 2 จะมีหลายโครงการ ต้องดูว่า โครงการไหน คนไทยสามารถสมัครได้**
http://eacea.ec.europa.eu/erasmus_mundus/results_compendia/selected_projects_action_2_en.php
เลือกประเทศ Thailand
http://eacea.ec.europa.eu/erasmus_mundus/funding/available_partnerships.php
ในลิ้งค์เบื้องต้น คือ รายชื่อโครงการที่คนไทยสามารถสมัครได้ จากนั้นก็เข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละโครงการว่า มีรายละเอียดอย่างไร เช่น
- ระยะเวลาเปิด-ปิดรับสมัคร
- หลักสูตรที่เปิดสอน มีหลักสูตรอะไรที่เราสนใจไหม
- มหาวิทยาลัย, ประเทศที่เข้าร่วมในโครงการ
- สมัครอย่างไร ต้องการเอกสารอย่างไรบ้าง
ปล. เราได้ทุนของโครงการ Lotus+ ใน Action 2 เรียนโครงการ Euroculture เรียนที่ Georg-August-Universität Göttingen, Germany ซึ่งเรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษค่ะ เพราะเราไม่ได้ภาษาเยอรมันเลยยย
**เอกสารที่ต้องใช้ (ส่วนใหญ่ก็ใช้คล้ายๆกัน มีแตกต่างแล้วแต่หลักสูตร) เช่น
1. Certified copies of degree certificate (ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว Official Translation)
2. Certified copies of transcripts of records (ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว Official Translation)
3. Your English test results (IELTS หรือ TOEFL) ตามที่แต่ละหลักสูตรกำหนด
4. 2 recommendation letters (ให้อาจารย์เขียนรับรอง หรือ หัวหน้างานก็ได้ แต่ควรมีอาจารย์อย่างน้อย 1 คนเขียน แนะนำว่าเป็นอาจารย์ที่เราเรียนกับเค้าได้เกรดดี เพราะเค้าก็จะเขียนรับรองให้เราดีและมีหลักฐานพิสูจน์ได้นั่นคือในใบเกรดว่า เราเรียนกับเค้าได้เกรดดี)
5. A CV (มี Europass Format อยู่ลองหาดู หรือไม่ใช้ Format นี้ก็ได้)
6. passport or identity card
7. A photo
8. Statement of Propose (สำคัญ ควรเขียนอย่างชัดเจนว่า เราต้องการไปเรียนอะไร แนวทางไหน เรียนแล้วคาดว่าจะได้อะไร contribute ต่อสิ่งที่เราจะทำต่อไปในอนาคตอย่างไรทั้งต่อตัวเรา ต่อสังคม เรามีความรู้ มีประสบการณ์อะไรมาบ้าง จะ Contribute ต่อทุนเค้าอย่างไร เขียนให้กระชับ ไม่ควรเกิน 2 หน้า A4 แต่บางโครงการมีกำหนดตัวอักษรที่ให้เขียนชัดเจน)
** เอกสารที่กล่าวทั้งหมดข้างต้น เค้าให้สแกนอัพโหลดในเว็บไซต์ทุน ไม่ต้องเอกสารตัวจริงไปเลย แต่แล้วแต่โครงการแล้วแต่หลักสูตร บางหลักสูตรให้ส่งเอกสารตัวจริงทั้งหมดทางไปรษณีย์**
ส่วนใหญ่จะเป็นทุนเต็มออกค่าใช้จ่ายให้หมด ค่าเทอม ประกันสุขภาพ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก+กินอยู่เดือนละ 1,000 ยูโร โอนเข้าบัญชีที่นู่น ปล.เงินรายเดือนมากน้อยขึ้นอยู่กับระดับที่ไปเรียน เช่น ไปเรียน PHD ก็ได้เดือนละ 1,500 ยูโร เป็นต้น
**การเตรียมเอกสาร
เอกสารพวก degree certificate, transcripts of records รูปถ่าย พาสปอร์ต บลาๆ เป็นเอกสารส่วนตัวที่เรามีอยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องเตรียม ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็พวกขอ recommendation letter ติดต่ออาจารย์ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะอาจารย์แต่ละคนใช้เวลาเขียนไม่เท่ากัน บางครั้งอาจารย์อาจยุ่ง อาจใช้เวลาเป็นเดือน ส่วน Statement of Purpose หรือ Motivation Letter ก็เริ่มเขียนเลยเพราะต้องใช้เวลาเกลาหลายรอบ ทั้งด้านเนื้อหา ทั้งภาษา กว่าจะได้อันที่ดีที่สุดสำหรับเราและส่งไป และอีกอันที่เราจะพูดต่อไปโดยแยกเป็น Part ออกมาเลยคือ
**ผลสอบภาษาอังกฤษ
สอบ IELTS หรือ TOEFL แล้วแต่เราเลยค่ะ
อันไหนยากกว่ากัน
คำตอบ แล้วแต่บุคคลเลยค่ะ แต่สำหรับเรา หลังจากได้ศึกษา format การสอบของทั้งสองอันมาก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับเราคิดว่า IELTS ง่ายกว่า เช่น ในพาร์ต Listening IELTS จะมีส่วนที่ฟังแล้วเติมคำในช่องว่าง เรามองว่า ง่ายกว่า ฟังแล้วต้องจับใจความมาตอบของ TOEFL หรือ ในพาร์ต writing IELTS Part แรกให้บรรยายกราฟ ตาราง บลาๆ ซึ่งเรามองว่ามันมีรูปแบบการเขียนของมัน ถ้าเราจำได้ เราก็ทำได้ หรือ ในพาร์ต speaking IELTS พูดกับ examiner คงผ่อนคลายกว่าพูดกับเทปมั้งคะ (ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ)
**ข้อมูลเราส่วนใหญ่ก็มาจาก pantip นี่แหละค่ะ มีประโยชน์มากจริงๆ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้เลยนะคะ**
เข้าไปอ่านแต่ละกระทู้เลยค่ะ ข้อมูลปึ๊ก ตั้งแต่การเตรียมตัวอ่าน Format ข้อสอบ ทริคพิชิตข้อสอบต่างๆ
[CR]~ Review สอบ IELTS เทคนิค การเตรียมตัว หนังสือ และเล่าประสบการณ์วันสอบ IELTS ค่ะ โดยคุณ Salmon Lover
http://ppantip.com/topic/30957825
IELTs: นำสรุปเนื้อหา IELTS Part Writing (Task1) ที่ทำเองมาแบ่งปันครับ โดยคุณ นายหะริด
http://ppantip.com/topic/32492363
IELTs: นำสรุปเนื้อหา IELTS Part Writing Task2 มาแบ่งปันครับ (ต่อ) โดยคุณ นายหะริด
http://ppantip.com/topic/32574430
ขออนุญาต แชร์ประสบการณ์การสอบ IELTS และการฝึกฝนด้วนตนเอง ของสุดยอดอ่อนหัดนะครับ โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 1117157
http://ppantip.com/topic/31278663
[CR][รีวิว] การสอบ IELTS (แบบละเอียดถี่ยิบ) โดยคุณ Artetatural
http://ppantip.com/topic/30886439
แบ่งปันเทคนิคเตรียมสอบ IELTS โดยคุณ Rerdsa
http://ppantip.com/topic/31457352
[CR]รีวิวสอบ IELTS วิธีสมัครสอบ ข้อสอบ และทริคต่างๆ โดยคุณ iambellaluna
http://ppantip.com/topic/31797727
IELTS 7.0 ต้องเก่งแค่ไหน? โดยผู้ตอบคุณ wonder7th
http://ppantip.com/topic/31136953
[CR]Review การสอบ IELTS ของ British Counsil ที่โรงแรม Landmark ค่ะ โดยคุณ คุณหนูหน้ากลมกับนายหัวเหม่ง
http://ppantip.com/topic/30179366
[CR]Review สอบ IELTS IDP แชร์ประสบการณ์สอบ โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 1202026
http://ppantip.com/topic/31599194
**ส่วนตัวเรา ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเยอะ เรียนคลาส writing ทางอินเตอร์เน็ต เพราะ writing นี่เป็นทักษะที่จำเป็นจริง ๆ ที่เหลือฝึกเอง โดยเทคนิคสำคัญเลยคือ ความต่อเนื่องค่ะ ฝึกทำข้อสอบอย่างน้อยวันละ 1 ชุดก็ยังดี ให้เราได้ชินกับข้อสอบแล้วจะพบว่าตอนแรก ๆ ที่ยาก งง ๆ จะค่อยๆชิน จับจุดได้มากขึ้น เหมือนอะไรที่ทำบ่อยๆก็จะทำเป็น ชินและคล่องไปเองค่ะ แล้วเราก็ท่องศัพท์ วลีภาษาอังกฤษต่าง ๆ รูปแบบประโยค ซึ่งตรงนี่จะช่วยได้ทั้งใน Part reading และ writing ด้วย เราจะได้เขียนคำที่สละสลวยขึ้น กว่าประโยค plain ๆ ที่เราชอบเขียนกันค่ะ
โดยสำหรับเราการเขียนลงกระดาษ เริ่มจาก วันละ 10 คำเพิ่มไปเรื่อยๆ โดยที่ทุกครั้งที่เราเขียน ต้องเริ่มด้วยตัวที่ 1 ที่เราเริ่มท่องเลย จนของเราทั้งหมดประมาณ 4 หน้า A4 ต่อการเขียนศัพท์ 1 ครั้ง เขียนทีนี้ต้องเหลาดินสอหลายรอบเลยค่ะ ด้วยความที่เยอะแบบนี้ เลยเขียนแบบวันเว้นวันค่ะ หรือ 2 วันเว้นที แต่อย่าเว้นไปนานกว่านี้ เพราะอาจทำให้ลืมได้ค่ะ ดังนั้น อย่างที่บอก ความต่อเนื่อง สำคัญที่สุด! แม้เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ก็ต้องทำนะคะ
**เวลาขี้เกียจให้นึกถึงความฝัน และ push ตัวเองขึ้นมาค่ะ แต่อย่ากดดันตัวเองมาก เพราะจะทำให้ไม่มีความสุขและไม่อยากทำมันอีก**
** เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่าง สแกน อัพโหลด ตามที่เค้าต้องการและ Submit ไปแล้ว ถ้าเอกสารเราครบถ้วนทุกอย่าง เราจะต้องได้อีเมล์คอนเฟิร์มกลับมาจากโครงการนะคะ ถ้าไม่ได้อีเมล์กลับมา แสดงว่าเอกสารเราไม่ครบ และมีสิทธิ์ทำให้ไม่ได้รับการพิจารณานะคะ ดังนั้นการอัพโหลดเอกสารให้ครบตามที่เค้าต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อย่าตกม้าตายตอนจบค่ะ**
หลังจากได้อีเมล์คอนเฟิร์มว่าได้รับเอกสารจากโครงการแล้ว บางโครงการจะบอกว่า ระหว่างนี้จนถึงวันประกาศผลไม่ต้องส่งอีเมล์มาถาม เราทำได้แค่รอ (อย่างใจจดใจจ่อ) อย่างเดียวค่ะ
**ทุน Action 1 อาจประกาศผลประมาณเดือนมกราคมเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาปิดรับสมัครค่ะ เพราะจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการคัดเลือก ส่วนใหญ่ทุน Action 2โครงการต่างๆ จะทยอยประกาศผลในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาปิดรับสมัครเช่นกันค่ะ อาจประกาศทางหน้าเว็บด้วย อีเมล์ด้วย หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างของเราโครงการ Lotus+ ปิดรับสมัคร 1 มีนาคม 2558 ก็ประกาศผลประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ประกาศผลทางอีเมล์ เราติดสำรอง และมารู้ผลว่าได้ตอนสิ้นเดือนกรกฎาคมค่ะ (อึ้งกิมกี่ไปเลย)
**ชีวิตหลังได้ทุน
หลังจากนั้น ก็ต้องเริ่มเตรียมตัวเลยค่ะ เพราะรู้ผลช้ากว่าคนอื่น เวลาการเตรียมตัวอาจมีไม่มาก อับดับแรกทาง Project เค้าก็จะให้เรา Confirm ทุนก่อนค่ะ ก็ปริ้นออกมาอ่านเงื่อนไข เซ็นชื่อ สแกนกลับเข้าไปในหน้า Scholarship holder page ของเราในเว็บไซต์โครงการ จากนั้น เค้าจะเริ่มออก Scholarship Award Letter, Insurance Letter, Invitation Letter มาให้ เป็นเอกสารประกอบในการขอวีซ่านะคะ จากนั้น เราก็เตรียมตัวของวีซ่าเลยฮะ ได้ไปเยอรมัน ก็ต้องไปขอวีซ่าเยอรมันนะฮ้าบบ
**วีซ่าเยอรมัน
เข้าไปดูรายละเอียดตามลิ้งค์เลยค่ะ
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/0-Visa.html
เราไปเรียนต่อก็ต้องเป็นวีซ่าศึกษาต่อ จะเป็นวีซ่าระยะยาว ไม่ใช่เชงเก้น ซึ่งเป็นระยะสั้น จะใช้ National Visa Application
เตรียมเอกสารและอ่านรายละเอียดในนี้เลยค่ะ
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Langzeit-Studium.html
**ระหว่างเตรียมเอกสาร ต้องนัดวันไปยื่นวีซ่าด้วย
ในการยื่นคำร้องวีซ่า ท่านต้องนัดหมาย โดยโทรศัพท์นัดหมายวันเวลากับศูนย์บริการข้อมูลเทเลอินโฟ มีเดีย ที่หมายเลข 1900 222 343 (ค่าบริการนาทีละ 9 บาท) วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น. โทรได้เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เลือกภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ศูนย์บริการข้อมูลจะขอชื่อ-นามสกุล และหมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน ผู้ใช้โทรศัพท์ของ “True Move H” ไม่สามารถติดต่อเบอร์ของศูนย์บริการข้อมูลได้
**นาทีละ 9 บาทมหาแพงเลยค่ะ จากประสบการณ์ตรง แนะนำให้โทรตอนเช้าวันจันทร์ค่ะ ประมาณ 9โมงเช้า** ของเรา 2 นาทีติดเลย หลังจากเคยโทรไปวันศุกร์ 30 นาทียังไม่มีใครรับ เลยตัดใจวาง ไม่งั้นกินแกลบแน่ เค้าจะถาม ชื่อ-นามสกุล สะกดเป็นภาษาอังกฤษ, เลขที่พาสปอร์ต, จุดประสงค์ในการขอวีซ่า จากนั้น เค้าก็จะนัดวัน-เวลา และบอก Code ให้เราจด จดแล้วเพื่อความแน่ใจอีก ก็ให้ส่งเข้า SMS อีกก็ได้ค่ะ
Erasmus Mundus : ทุนการศึกษา อีราสมุส มุนดุส รายละเอียดและวิธีการเตรียมตัว
และยังตั้งใจกับตัวเองว่า ถ้าได้ทุนนี้จริงๆ จะมาแบ่งปันข้อมูลของทุนนี้ ให้กับคนที่กำลังมองหาอยู่ใน Pantip เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ที่เราได้ ก็ได้มาจาก pantip ได้มาเยอะละ คงถึงตาเราที่ต้อง "ให้" บ้าง...จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้
ทุน Erasmus Mundus คืออะไร?
คำตอบ http://eeas.europa.eu/delegations/thailand/more_info/erasmus-mundus/index_th.htm
***ขอขอบคุณเจ้าของบล็อกนี้ด้วยค่ะ http://bullet-wood.blogspot.com/2012/07/5-erasmus-mundus.html อธิบายทุนนี้ได้ละเอียดและรวบรวมลิ้งค์ข้อมูลเกี่ยวกับทุนนี้ไว้ด้วยค่ะ
ต่อไปนี้ เราจะพูดในการศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่เราได้ทุนนะคะ
ความแตกต่างของ Action 1 และ Action 2
คำตอบ Action 1 เรียน 2 ประเทศขึ้นไป ส่วน Action 2 เรียนประเทศเดียว ซึ่งคนส่วนใหญ่จะรู้จัก Action 1 มากกว่า
Action 1 สาขาที่เปิดสอนList of all Erasmus Mundus Masters Courses (EMMCs)
ตามลิ้งค์นี้ไปโลด http://eacea.ec.europa.eu/erasmus_mundus/results_compendia/selected_projects_action_1_master_courses_en.php
คลิกเข้าไปดูรายละเอียดสาขาที่อยากเรียน แล้วดูว่า ต้องสมัครยังไงใช้เอกสารอะไรบ้าง
Action 2 สาขาที่เปิดสอน
** สำหรับ Action 2 จะมีหลายโครงการ ต้องดูว่า โครงการไหน คนไทยสามารถสมัครได้**
http://eacea.ec.europa.eu/erasmus_mundus/results_compendia/selected_projects_action_2_en.php
เลือกประเทศ Thailand
http://eacea.ec.europa.eu/erasmus_mundus/funding/available_partnerships.php
ในลิ้งค์เบื้องต้น คือ รายชื่อโครงการที่คนไทยสามารถสมัครได้ จากนั้นก็เข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละโครงการว่า มีรายละเอียดอย่างไร เช่น
- ระยะเวลาเปิด-ปิดรับสมัคร
- หลักสูตรที่เปิดสอน มีหลักสูตรอะไรที่เราสนใจไหม
- มหาวิทยาลัย, ประเทศที่เข้าร่วมในโครงการ
- สมัครอย่างไร ต้องการเอกสารอย่างไรบ้าง
ปล. เราได้ทุนของโครงการ Lotus+ ใน Action 2 เรียนโครงการ Euroculture เรียนที่ Georg-August-Universität Göttingen, Germany ซึ่งเรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษค่ะ เพราะเราไม่ได้ภาษาเยอรมันเลยยย
**เอกสารที่ต้องใช้ (ส่วนใหญ่ก็ใช้คล้ายๆกัน มีแตกต่างแล้วแต่หลักสูตร) เช่น
1. Certified copies of degree certificate (ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว Official Translation)
2. Certified copies of transcripts of records (ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว Official Translation)
3. Your English test results (IELTS หรือ TOEFL) ตามที่แต่ละหลักสูตรกำหนด
4. 2 recommendation letters (ให้อาจารย์เขียนรับรอง หรือ หัวหน้างานก็ได้ แต่ควรมีอาจารย์อย่างน้อย 1 คนเขียน แนะนำว่าเป็นอาจารย์ที่เราเรียนกับเค้าได้เกรดดี เพราะเค้าก็จะเขียนรับรองให้เราดีและมีหลักฐานพิสูจน์ได้นั่นคือในใบเกรดว่า เราเรียนกับเค้าได้เกรดดี)
5. A CV (มี Europass Format อยู่ลองหาดู หรือไม่ใช้ Format นี้ก็ได้)
6. passport or identity card
7. A photo
8. Statement of Propose (สำคัญ ควรเขียนอย่างชัดเจนว่า เราต้องการไปเรียนอะไร แนวทางไหน เรียนแล้วคาดว่าจะได้อะไร contribute ต่อสิ่งที่เราจะทำต่อไปในอนาคตอย่างไรทั้งต่อตัวเรา ต่อสังคม เรามีความรู้ มีประสบการณ์อะไรมาบ้าง จะ Contribute ต่อทุนเค้าอย่างไร เขียนให้กระชับ ไม่ควรเกิน 2 หน้า A4 แต่บางโครงการมีกำหนดตัวอักษรที่ให้เขียนชัดเจน)
** เอกสารที่กล่าวทั้งหมดข้างต้น เค้าให้สแกนอัพโหลดในเว็บไซต์ทุน ไม่ต้องเอกสารตัวจริงไปเลย แต่แล้วแต่โครงการแล้วแต่หลักสูตร บางหลักสูตรให้ส่งเอกสารตัวจริงทั้งหมดทางไปรษณีย์**
ส่วนใหญ่จะเป็นทุนเต็มออกค่าใช้จ่ายให้หมด ค่าเทอม ประกันสุขภาพ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก+กินอยู่เดือนละ 1,000 ยูโร โอนเข้าบัญชีที่นู่น ปล.เงินรายเดือนมากน้อยขึ้นอยู่กับระดับที่ไปเรียน เช่น ไปเรียน PHD ก็ได้เดือนละ 1,500 ยูโร เป็นต้น
**การเตรียมเอกสาร
เอกสารพวก degree certificate, transcripts of records รูปถ่าย พาสปอร์ต บลาๆ เป็นเอกสารส่วนตัวที่เรามีอยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องเตรียม ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็พวกขอ recommendation letter ติดต่ออาจารย์ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะอาจารย์แต่ละคนใช้เวลาเขียนไม่เท่ากัน บางครั้งอาจารย์อาจยุ่ง อาจใช้เวลาเป็นเดือน ส่วน Statement of Purpose หรือ Motivation Letter ก็เริ่มเขียนเลยเพราะต้องใช้เวลาเกลาหลายรอบ ทั้งด้านเนื้อหา ทั้งภาษา กว่าจะได้อันที่ดีที่สุดสำหรับเราและส่งไป และอีกอันที่เราจะพูดต่อไปโดยแยกเป็น Part ออกมาเลยคือ
**ผลสอบภาษาอังกฤษ
สอบ IELTS หรือ TOEFL แล้วแต่เราเลยค่ะ
อันไหนยากกว่ากัน
คำตอบ แล้วแต่บุคคลเลยค่ะ แต่สำหรับเรา หลังจากได้ศึกษา format การสอบของทั้งสองอันมาก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับเราคิดว่า IELTS ง่ายกว่า เช่น ในพาร์ต Listening IELTS จะมีส่วนที่ฟังแล้วเติมคำในช่องว่าง เรามองว่า ง่ายกว่า ฟังแล้วต้องจับใจความมาตอบของ TOEFL หรือ ในพาร์ต writing IELTS Part แรกให้บรรยายกราฟ ตาราง บลาๆ ซึ่งเรามองว่ามันมีรูปแบบการเขียนของมัน ถ้าเราจำได้ เราก็ทำได้ หรือ ในพาร์ต speaking IELTS พูดกับ examiner คงผ่อนคลายกว่าพูดกับเทปมั้งคะ (ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ)
**ข้อมูลเราส่วนใหญ่ก็มาจาก pantip นี่แหละค่ะ มีประโยชน์มากจริงๆ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้เลยนะคะ**
เข้าไปอ่านแต่ละกระทู้เลยค่ะ ข้อมูลปึ๊ก ตั้งแต่การเตรียมตัวอ่าน Format ข้อสอบ ทริคพิชิตข้อสอบต่างๆ
[CR]~ Review สอบ IELTS เทคนิค การเตรียมตัว หนังสือ และเล่าประสบการณ์วันสอบ IELTS ค่ะ โดยคุณ Salmon Lover
http://ppantip.com/topic/30957825
IELTs: นำสรุปเนื้อหา IELTS Part Writing (Task1) ที่ทำเองมาแบ่งปันครับ โดยคุณ นายหะริด
http://ppantip.com/topic/32492363
IELTs: นำสรุปเนื้อหา IELTS Part Writing Task2 มาแบ่งปันครับ (ต่อ) โดยคุณ นายหะริด
http://ppantip.com/topic/32574430
ขออนุญาต แชร์ประสบการณ์การสอบ IELTS และการฝึกฝนด้วนตนเอง ของสุดยอดอ่อนหัดนะครับ โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 1117157
http://ppantip.com/topic/31278663
[CR][รีวิว] การสอบ IELTS (แบบละเอียดถี่ยิบ) โดยคุณ Artetatural
http://ppantip.com/topic/30886439
แบ่งปันเทคนิคเตรียมสอบ IELTS โดยคุณ Rerdsa
http://ppantip.com/topic/31457352
[CR]รีวิวสอบ IELTS วิธีสมัครสอบ ข้อสอบ และทริคต่างๆ โดยคุณ iambellaluna
http://ppantip.com/topic/31797727
IELTS 7.0 ต้องเก่งแค่ไหน? โดยผู้ตอบคุณ wonder7th
http://ppantip.com/topic/31136953
[CR]Review การสอบ IELTS ของ British Counsil ที่โรงแรม Landmark ค่ะ โดยคุณ คุณหนูหน้ากลมกับนายหัวเหม่ง
http://ppantip.com/topic/30179366
[CR]Review สอบ IELTS IDP แชร์ประสบการณ์สอบ โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 1202026
http://ppantip.com/topic/31599194
**ส่วนตัวเรา ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเยอะ เรียนคลาส writing ทางอินเตอร์เน็ต เพราะ writing นี่เป็นทักษะที่จำเป็นจริง ๆ ที่เหลือฝึกเอง โดยเทคนิคสำคัญเลยคือ ความต่อเนื่องค่ะ ฝึกทำข้อสอบอย่างน้อยวันละ 1 ชุดก็ยังดี ให้เราได้ชินกับข้อสอบแล้วจะพบว่าตอนแรก ๆ ที่ยาก งง ๆ จะค่อยๆชิน จับจุดได้มากขึ้น เหมือนอะไรที่ทำบ่อยๆก็จะทำเป็น ชินและคล่องไปเองค่ะ แล้วเราก็ท่องศัพท์ วลีภาษาอังกฤษต่าง ๆ รูปแบบประโยค ซึ่งตรงนี่จะช่วยได้ทั้งใน Part reading และ writing ด้วย เราจะได้เขียนคำที่สละสลวยขึ้น กว่าประโยค plain ๆ ที่เราชอบเขียนกันค่ะ
โดยสำหรับเราการเขียนลงกระดาษ เริ่มจาก วันละ 10 คำเพิ่มไปเรื่อยๆ โดยที่ทุกครั้งที่เราเขียน ต้องเริ่มด้วยตัวที่ 1 ที่เราเริ่มท่องเลย จนของเราทั้งหมดประมาณ 4 หน้า A4 ต่อการเขียนศัพท์ 1 ครั้ง เขียนทีนี้ต้องเหลาดินสอหลายรอบเลยค่ะ ด้วยความที่เยอะแบบนี้ เลยเขียนแบบวันเว้นวันค่ะ หรือ 2 วันเว้นที แต่อย่าเว้นไปนานกว่านี้ เพราะอาจทำให้ลืมได้ค่ะ ดังนั้น อย่างที่บอก ความต่อเนื่อง สำคัญที่สุด! แม้เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ก็ต้องทำนะคะ
**เวลาขี้เกียจให้นึกถึงความฝัน และ push ตัวเองขึ้นมาค่ะ แต่อย่ากดดันตัวเองมาก เพราะจะทำให้ไม่มีความสุขและไม่อยากทำมันอีก**
** เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่าง สแกน อัพโหลด ตามที่เค้าต้องการและ Submit ไปแล้ว ถ้าเอกสารเราครบถ้วนทุกอย่าง เราจะต้องได้อีเมล์คอนเฟิร์มกลับมาจากโครงการนะคะ ถ้าไม่ได้อีเมล์กลับมา แสดงว่าเอกสารเราไม่ครบ และมีสิทธิ์ทำให้ไม่ได้รับการพิจารณานะคะ ดังนั้นการอัพโหลดเอกสารให้ครบตามที่เค้าต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อย่าตกม้าตายตอนจบค่ะ**
หลังจากได้อีเมล์คอนเฟิร์มว่าได้รับเอกสารจากโครงการแล้ว บางโครงการจะบอกว่า ระหว่างนี้จนถึงวันประกาศผลไม่ต้องส่งอีเมล์มาถาม เราทำได้แค่รอ (อย่างใจจดใจจ่อ) อย่างเดียวค่ะ
**ทุน Action 1 อาจประกาศผลประมาณเดือนมกราคมเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาปิดรับสมัครค่ะ เพราะจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการคัดเลือก ส่วนใหญ่ทุน Action 2โครงการต่างๆ จะทยอยประกาศผลในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาปิดรับสมัครเช่นกันค่ะ อาจประกาศทางหน้าเว็บด้วย อีเมล์ด้วย หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างของเราโครงการ Lotus+ ปิดรับสมัคร 1 มีนาคม 2558 ก็ประกาศผลประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ประกาศผลทางอีเมล์ เราติดสำรอง และมารู้ผลว่าได้ตอนสิ้นเดือนกรกฎาคมค่ะ (อึ้งกิมกี่ไปเลย)
**ชีวิตหลังได้ทุน
หลังจากนั้น ก็ต้องเริ่มเตรียมตัวเลยค่ะ เพราะรู้ผลช้ากว่าคนอื่น เวลาการเตรียมตัวอาจมีไม่มาก อับดับแรกทาง Project เค้าก็จะให้เรา Confirm ทุนก่อนค่ะ ก็ปริ้นออกมาอ่านเงื่อนไข เซ็นชื่อ สแกนกลับเข้าไปในหน้า Scholarship holder page ของเราในเว็บไซต์โครงการ จากนั้น เค้าจะเริ่มออก Scholarship Award Letter, Insurance Letter, Invitation Letter มาให้ เป็นเอกสารประกอบในการขอวีซ่านะคะ จากนั้น เราก็เตรียมตัวของวีซ่าเลยฮะ ได้ไปเยอรมัน ก็ต้องไปขอวีซ่าเยอรมันนะฮ้าบบ
**วีซ่าเยอรมัน
เข้าไปดูรายละเอียดตามลิ้งค์เลยค่ะ
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/0-Visa.html
เราไปเรียนต่อก็ต้องเป็นวีซ่าศึกษาต่อ จะเป็นวีซ่าระยะยาว ไม่ใช่เชงเก้น ซึ่งเป็นระยะสั้น จะใช้ National Visa Application
เตรียมเอกสารและอ่านรายละเอียดในนี้เลยค่ะ
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Langzeit-Studium.html
**ระหว่างเตรียมเอกสาร ต้องนัดวันไปยื่นวีซ่าด้วย
ในการยื่นคำร้องวีซ่า ท่านต้องนัดหมาย โดยโทรศัพท์นัดหมายวันเวลากับศูนย์บริการข้อมูลเทเลอินโฟ มีเดีย ที่หมายเลข 1900 222 343 (ค่าบริการนาทีละ 9 บาท) วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น. โทรได้เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เลือกภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ศูนย์บริการข้อมูลจะขอชื่อ-นามสกุล และหมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน ผู้ใช้โทรศัพท์ของ “True Move H” ไม่สามารถติดต่อเบอร์ของศูนย์บริการข้อมูลได้
**นาทีละ 9 บาทมหาแพงเลยค่ะ จากประสบการณ์ตรง แนะนำให้โทรตอนเช้าวันจันทร์ค่ะ ประมาณ 9โมงเช้า** ของเรา 2 นาทีติดเลย หลังจากเคยโทรไปวันศุกร์ 30 นาทียังไม่มีใครรับ เลยตัดใจวาง ไม่งั้นกินแกลบแน่ เค้าจะถาม ชื่อ-นามสกุล สะกดเป็นภาษาอังกฤษ, เลขที่พาสปอร์ต, จุดประสงค์ในการขอวีซ่า จากนั้น เค้าก็จะนัดวัน-เวลา และบอก Code ให้เราจด จดแล้วเพื่อความแน่ใจอีก ก็ให้ส่งเข้า SMS อีกก็ได้ค่ะ