The Hitman's Bodyguard (Patrick Hughes, 2017) คะแนน C+


By Form Corleone

"ความตลกผสมฉากแอคชั่นและการด่ากันไปมาระหว่างตัวละครทำให้เค้าโครงเรื่องที่อ่อนจนไร้น้ำหนักไม่สามารถทำให้รู้สึกเบื่อ" The Hitman's Bodyguard ถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่น้อย แม้ว่าเนื้อหาจะไม่ได้แปลกใหม่หรือมีพล็อตเรื่องที่ผิดธรรมดาไปจากเรื่องอื่นอะไรมาก ส่วนตัวคิดว่าหนังน่าจะไม่ได้ทำให้รู้สึกบันเทินก่อนเข้าไปดูจึงไม่ได้คาดหวังอะไรกับงานนี้มากนัก และการจับคู่กันระหว่าง 'Ryan Reynolds' กับ 'Samuel L. Jackson' ก็ดูจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ใครจะคิดว่าพอผ่านช่วงเวลาไปเรื่อยๆ สองคนนี้กับเป็นหัวใจหลักในการค้ำเรื่องราวทั้งหมดไว้ได้แบบเอาอยู่กันทั้งสองคน เพราะถ้าจะหวังพึ่งบทภาพยนตร์หรือเค้าโครงเรื่องคงจะต้องบอกว่าเป็นงานที่สอบตกเอามากๆ เพราะไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไรตอบสนองต่อมใต้สมองอะไรเลย มันจึงเป็นงานที่โชว์การด่ากันด้วยคำหยาบแบบติดเรท R ไปมาระหว่างตัวละครที่จัดเต็มผนวกกับฉากแอคชั่นที่ถือว่าใช้งานได้คุ้มค่า สิ่งที่น่าชื่นชมคือตัวนักแสดงทั้งสองคนสามารถที่จะเล่นคำและมุกตลกสอดแทรก+ประสานกันได้อย่างลงตัวจนทำให้เราไม่รู้สึกรำคาญในไดอะล็อกที่เป็นอยู่ ถือเป็นความกล้าได้กล้าเสียที่ค่อนข้างเอาใจใส่และคัดสรรไดอะล็อกอยู่พอสมควร เพราะถ้าไม่ได้พิถีพิถันในส่วนคำพูดของตัวละครคงต้องบอกได้ว่างานนี้ถึงกับจบไม่สวยแน่นอน เพราะจะมองหาสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่เข้ากันจากส่วนประกอบอื่นไม่ได้เลย ดังนั้น จึงต้องยกความดีความงามให้สองนักแสดงที่เล่นกันได้เป็นธรรมชาติจนพาเราเพลิดเพลินได้เป็นระยะๆ แม้จะมีโดนต่อมขำบ้างไม่โดนบ้างแต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ ในส่วนฉากแอคชั่นมีทั้งฉากที่ทำได้ดีและฉากที่ทำได้เฉยๆผสมปนกันไป


ฉะนั้นแล้ว 'The Hitman's Bodyguard' จึงถือเป็นงานที่ไม่ได้มีคุณภาพสูงในทุกองค์ประกอบ แต่ก็ยังสามารถพาเราสนุกไปกับสิ่งที่ตัวละครกระทำและพูดคุยกันได้ตลอดระยะเวลาจนจบเรื่อง ทำให้เหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นดูสนุก แม้จะมีพล็อตเรื่องที่ไม่โดดเด่นและจัดไปถ้าเชยมาก+บทภาพยนตร์ที่มีช่องโหว่เต็มไปหมด แต่ไดอะล็อกของตัวละครนั้นกลับสร้างสีสรรให้เราร่วมสนุกได้ค่อนข้างเยอะ ยิ่งไปกว่านั้น ความโรแมนติกของบทพูดที่รู้จังหวะรู้มุมที่จะเล่นยังช่วยผนวกเชื่อมโยงเราเข้ากับตัวละครไว้ได้ค่อนข้างดี ตัวละครสมทบที่ขโมยซีนทุกครั้งที่ออกมาคงหนีไม่พ้น 'Salma Hayek' งานนี้คือตัวละครทีเด็ดเลยจริงๆ ส่วน 'Gary Oldman' นั้นเราคิดว่าเอาใครมาเล่นบทนี้ก็ได้เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากฝีมือการแสดงที่มีอยู่อะไรมาก ดังนั้น ภาพรวมทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นผลงานที่ดูสนุก(ไม่มีสาระ)ที่เพลินได้ตลอดรอดฝั่ง อารมณ์การด่ากันไปมาของตัวละครเมามัมส์กว่าฉากแอคชั่นในเรื่องบางช่วงเสียอีก ใครที่ไม่สนใจบทภาพยนตร์หรือความสัมพันธ์ของตัวละครรวมถึงความสมเหตุสมผลอะไรมาก งานนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์

ตัวอย่างหนัง

ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/