สวัสดีครับ ผมตามอ่านเฮอร์มาน์ เฮสเส ตั้งแต่อายุ 18 ตอนนี้อายุ 25 แล้วครับ ที่มาสนใจงานเดเมียนของเฮสเส เพราะเป็นงานโปรดเลย งานเดเมียนบอกเรื่องราวสัจจะได้ดีมากๆเลย หลายคนอาจไม่รู้ว่า เดเมียน มีอะไรดี ขอนำบ้างส่วนให้อ่านกันนะครับ
**
“แล้วเธอก็เล่าถึงเด็กหนุ่มผู้หลงรักดวงดาว หนุ่มคนนั้นยืนอยู่ริมทะเล ยื่นมือสู่สวรรค์ สวดมนต์ถึงดวงดาว ฝันถึงดวงดาว ครุ่นคิดถึงแต่ดวงดาวนั้น แต่เขารู้ หรืออย่างน้อยก็คิดว่าดวงดาวจะไม่มีวันร่วงลงสู่อ้อมแขนของคนธรรมดา เขาเลยคิดว่าเป็นกรรมของเขาที่เกิดมาหลงรักดาวโดยไม่เห็นทางว่าจะมีความหวังหรือได้ความรักสุขสมใจ เมื่อคิดได้อย่างนี้เขาก็ได้พบปรัชญางดงามยิ่ง จะล้มเลิกความต้องการ จะได้พ้นการทนทุกข์ทรมานโดยอาการสงบ และเขาจะได้ชำระขัดเกลาตัวเองกระนั้นความฝันทั้งหลายของเขาก็ยังมุ่งไปที่ดวงดาวนั้น ครั้งหนึ่งขณะเขายืนอยู่บนหน้าผาสูงใกล้ทะเล ตั้งจิตคิดถึงดวงดาวเมื่อไฟรักกำลังแผดเผาใจ หรือไฟโชติโชนมากเข้า เขาทิ้งตัวพุ่งไปกลางหาว มุ่งหน้าสู่หน้าดวงดาวนั้น ขณะพุ่งตัวออกไปนั้นเขาวูบคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” แล้วร่างเขาก็ร่วงลงมาแหลกเละอยู่ชายฝั่ง หนุ่มคนนี้ไม่เข้าใจว่าจะรักอย่างไร ถ้าตอนพุ่งตัวออกไปนั้น เขามีศรัทธา มั่นคงในความปีติสุขสุขแห่งความรัก เขาก็จะเหินไปในห้วงหาว ได้ไปอยู่ร่วมกับดาวดวงนั้น”
**
คือเหมือนหนังสือเล่มนี้กำลังบอกว่าการค้นพบความฝันหรือความรักต้องใจ ให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น หลายคนไม่รู้หนังสือเป็นเรื่องราวจิตวิญญาณที่ดีที่สุด เท่าที่เคยอ่านมาเลย มันเป็นความจริงที่ตีแผ่สังคม ที่สังคมยังรู้แค่ส่วนน้อยมากๆ มันคือเรื่องราวสัจจะ เล่มที่ชอบต่อๆมา คือ เกอร์ทรูด บทเรียน สิทธารถะ แต่เดเมียนเนี้ยมีความพิเศษหลายอย่างที่อธิบายไม่ได้มันคือความลับมนุษยชาติที่ถูกปิดบังมานาน ก็เลยแนะนำวรรณกรรมนี้ อยากให้ทุกคนได้อ่านกันครับ เป็นเรื่องรางค้นหาตนเอง ของ เอมิล ซินแคลร์ ลองตามอ่านงานของเฮอร์มานน์ เฮสเสดูครับ เป็ยงานที่พลังในการเปลี่ยนแปลงผู้คนมาก ถึงเรื่องนี้จะถูกตีพิมพ์ในปี 1919 ก็ตาม แต่คำนิยม ความสมัยไม่เปลี่ยนไปเลย
แล้วก็ขอบ้างส่วนจากเดเมียน ลงให้อ่านอีกส่วน ซึ่งดีมากๆ ขอบคุณครับ ใครอ่านแล้วบ้างก็บอกได้นะครับ
**
“ต่อมาเธอเล่าอีกเรื่องหนึ่งให้ผมฟัง เป็นเรื่องของคนรักที่ความรักไม่ได้รับการตอบสนอง เขาถอนตัวจากโลกไปอยู่แต่ในโลกของตัวเอง เฝ้าคิดว่าพิษรักคงจะผลาญเผาเขาจนวันตายโลกเสมือนจะพังทลายไปแล้วในสายตาเขา เขาไม่เห็นฟ้าสีคราม ไม่เห็นป่าเขียว สายธารไม่กระซิบเสียง เขาไม่รู้รสเสียงพิณ ไม่ไยดีกับอะไรทั้งสิ้น แม้จะยากจนและทรุดโทรมลงทุกวันแต่ความรักของเขากลับเพิ่มพูน เขาพอใจจะพบความพินาศย่อยยับ พบกับความตายยิ่งกว่าจะบอกปฏิเสธการครอบครองสาวงามซึ่งเขาคลังไคล้ แล้วเขาก็ได้รู้สึกว่าอารมณ์แรงกล้าได้แผดเผาทุกสิ่งในตัวเขา อารมณ์นั้นทวีความรุนแรง มีพลังดึงดูดจนสาวงามคนนั้นต้องมาหาเขา ขณะเธอมุ่งหน้ามา เขาอ้าแขนพร้อมจะโอบอุ้มเธอไว้ และเมื่อเธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ยอมตัวให้กับเขา ท้องฟ้า ป่าเขา และแม่น้า ต่างเคลื่อนตัวคืนกลับมาหาเขาด้วยสีสันใหม่ ล้วนสว่างไสวเบิกบาน จำนรรจ์กับชายหนุ่มแทนที่จะได้หญิงงามมาคนเดียว เขากับมีทั้งโลกอยู่ในหัวใจดวงดาวบนสวรรค์ต่างเปล่งเจิดจ้าอยู่ในตัวเขา ความบันเทิงใจชำแรกไปทุกขุมขน นี่เพราะเขามีความรักและด้วยการทำอย่างนี้เขาจึงได้พบตัวเอง”
ใครอ่านงานวรรณกรรม เดเมียน ของเฮอร์มานน์ เฮสเส บ้าง เป็นงานที่ดีมากๆเลย
**
“แล้วเธอก็เล่าถึงเด็กหนุ่มผู้หลงรักดวงดาว หนุ่มคนนั้นยืนอยู่ริมทะเล ยื่นมือสู่สวรรค์ สวดมนต์ถึงดวงดาว ฝันถึงดวงดาว ครุ่นคิดถึงแต่ดวงดาวนั้น แต่เขารู้ หรืออย่างน้อยก็คิดว่าดวงดาวจะไม่มีวันร่วงลงสู่อ้อมแขนของคนธรรมดา เขาเลยคิดว่าเป็นกรรมของเขาที่เกิดมาหลงรักดาวโดยไม่เห็นทางว่าจะมีความหวังหรือได้ความรักสุขสมใจ เมื่อคิดได้อย่างนี้เขาก็ได้พบปรัชญางดงามยิ่ง จะล้มเลิกความต้องการ จะได้พ้นการทนทุกข์ทรมานโดยอาการสงบ และเขาจะได้ชำระขัดเกลาตัวเองกระนั้นความฝันทั้งหลายของเขาก็ยังมุ่งไปที่ดวงดาวนั้น ครั้งหนึ่งขณะเขายืนอยู่บนหน้าผาสูงใกล้ทะเล ตั้งจิตคิดถึงดวงดาวเมื่อไฟรักกำลังแผดเผาใจ หรือไฟโชติโชนมากเข้า เขาทิ้งตัวพุ่งไปกลางหาว มุ่งหน้าสู่หน้าดวงดาวนั้น ขณะพุ่งตัวออกไปนั้นเขาวูบคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” แล้วร่างเขาก็ร่วงลงมาแหลกเละอยู่ชายฝั่ง หนุ่มคนนี้ไม่เข้าใจว่าจะรักอย่างไร ถ้าตอนพุ่งตัวออกไปนั้น เขามีศรัทธา มั่นคงในความปีติสุขสุขแห่งความรัก เขาก็จะเหินไปในห้วงหาว ได้ไปอยู่ร่วมกับดาวดวงนั้น”
**
คือเหมือนหนังสือเล่มนี้กำลังบอกว่าการค้นพบความฝันหรือความรักต้องใจ ให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น หลายคนไม่รู้หนังสือเป็นเรื่องราวจิตวิญญาณที่ดีที่สุด เท่าที่เคยอ่านมาเลย มันเป็นความจริงที่ตีแผ่สังคม ที่สังคมยังรู้แค่ส่วนน้อยมากๆ มันคือเรื่องราวสัจจะ เล่มที่ชอบต่อๆมา คือ เกอร์ทรูด บทเรียน สิทธารถะ แต่เดเมียนเนี้ยมีความพิเศษหลายอย่างที่อธิบายไม่ได้มันคือความลับมนุษยชาติที่ถูกปิดบังมานาน ก็เลยแนะนำวรรณกรรมนี้ อยากให้ทุกคนได้อ่านกันครับ เป็นเรื่องรางค้นหาตนเอง ของ เอมิล ซินแคลร์ ลองตามอ่านงานของเฮอร์มานน์ เฮสเสดูครับ เป็ยงานที่พลังในการเปลี่ยนแปลงผู้คนมาก ถึงเรื่องนี้จะถูกตีพิมพ์ในปี 1919 ก็ตาม แต่คำนิยม ความสมัยไม่เปลี่ยนไปเลย
แล้วก็ขอบ้างส่วนจากเดเมียน ลงให้อ่านอีกส่วน ซึ่งดีมากๆ ขอบคุณครับ ใครอ่านแล้วบ้างก็บอกได้นะครับ
**
“ต่อมาเธอเล่าอีกเรื่องหนึ่งให้ผมฟัง เป็นเรื่องของคนรักที่ความรักไม่ได้รับการตอบสนอง เขาถอนตัวจากโลกไปอยู่แต่ในโลกของตัวเอง เฝ้าคิดว่าพิษรักคงจะผลาญเผาเขาจนวันตายโลกเสมือนจะพังทลายไปแล้วในสายตาเขา เขาไม่เห็นฟ้าสีคราม ไม่เห็นป่าเขียว สายธารไม่กระซิบเสียง เขาไม่รู้รสเสียงพิณ ไม่ไยดีกับอะไรทั้งสิ้น แม้จะยากจนและทรุดโทรมลงทุกวันแต่ความรักของเขากลับเพิ่มพูน เขาพอใจจะพบความพินาศย่อยยับ พบกับความตายยิ่งกว่าจะบอกปฏิเสธการครอบครองสาวงามซึ่งเขาคลังไคล้ แล้วเขาก็ได้รู้สึกว่าอารมณ์แรงกล้าได้แผดเผาทุกสิ่งในตัวเขา อารมณ์นั้นทวีความรุนแรง มีพลังดึงดูดจนสาวงามคนนั้นต้องมาหาเขา ขณะเธอมุ่งหน้ามา เขาอ้าแขนพร้อมจะโอบอุ้มเธอไว้ และเมื่อเธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ยอมตัวให้กับเขา ท้องฟ้า ป่าเขา และแม่น้า ต่างเคลื่อนตัวคืนกลับมาหาเขาด้วยสีสันใหม่ ล้วนสว่างไสวเบิกบาน จำนรรจ์กับชายหนุ่มแทนที่จะได้หญิงงามมาคนเดียว เขากับมีทั้งโลกอยู่ในหัวใจดวงดาวบนสวรรค์ต่างเปล่งเจิดจ้าอยู่ในตัวเขา ความบันเทิงใจชำแรกไปทุกขุมขน นี่เพราะเขามีความรักและด้วยการทำอย่างนี้เขาจึงได้พบตัวเอง”