พิธีลงสรง และ โสกันต์ สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรบวรราชกุมาร ครั้งกรุงศรีอยุธยา

จากพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ ภาษาพม่ารามัญ
หรืออีกชื่อของเอกสาร คือ คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม


ภาพประกอบ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ในเครื่องทรงในพระราชพิธี โสกันต์



คัดจากหนังสือเล่มตามภาพเผยแพร่อ้างอิง



เพจประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ข้อมูลที่จะนำมาเสนอ คือเพียงบางส่วงของเอกสารชุดคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เท่านั้นโดยกระผมเลือกมาแค่พิธีลงสรง และ โสกันต์ เท่านั้น
คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง : คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

*
พิธีลงสรงเจ้าฟ้าอุทุมพรบวรราชกุมาร

     เจ้าพนักงานจัดกระบวนแห่ และตั้งพระราชพิธีบนพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท แล้วผูกแพไม้ไผ่มาประทับที่ฉนวนน้ำประจำท่าวาสุกรีบนแพไม้ไผ่นั้น มีพระมณฑปทำด้วยไม้อุทุมพรหุ้มผ้าขาวระจังแลกรอบปิดทองตั้งอยู่กลางแพไม้ไผ่ มีกรงที่สรงอยู่บนพระมณฑป กรงนั้นปูด้วยกระดานล้อมรอบด้วยซี่ กรงชั้นหนึ่ง ตารางไม้ไผ่ชั้นหนึ่ง ร่างแหชั้นหนึ่งผ้าหุ้มนอกอีกชั้นหนึ่งมีกระดานเรียบรอบนอกเสมอพื้นกรง พอคนลงไปยืนได้ในกรงนั้นก็กรุผ้าชั้นล่างข้างกรงนั้นมีบันไดเงิน บันไดทอง ด้านเหนือ ด้านใต้ ด้านตะวันออกริมพระฉนวนน้ำนั้น เป็นอัฒฐจรรย์ลงไป เรียกว่าบันไดแก้ว ด้านข้างตะวันตกนั้นตั้งเป็นพระแท่นสองชั้นสำหรับเป็นที่สรงน้ำมุรธาภิเษกในกรงนั้นมี กุ้งทอง นาคเงิน แล ปลาทอง นาคเงิน มีมะพร้าวงอกคู่หนึ่งปิดทอง เงิน มีผ้ารอบพระมณฑป มีฝารอบพระมณฑปมีซุ้มประตู ซุ้มประตูละ ๔ ทิศ มี ราชวัตรฉัตรทองล้อมรอบพระมณฑปชั้นหนึ่ง ราชวัตรฉัตรนาคชั้นหนึ่ง ราชวัตรชั้นหนึ่ง พราหมณ์ตั้งโต๊ะรองน้ำสังข์ น้ำกรดบูชาถวายชัยสี่มุมกรงราชวัตรชั้นกลางมีทหารนั่งถือทวนดำหุ้มสามด้าน ด้านละ ๑๐ คน ระหว่างราชวัตรชั้นนอกมีทหารนั่งถือดาบถือโล่ห์สามด้าน ด้านละ ๑๕ คน ทหารถือดาบนั่งรายริมแพนอกราชวัตรสามด้าน ด้านละ ๑๖ คน ทหารถือถือปืนคาบศิลา อยู่นอกราชวัตรอยู่นอกราชวัตรด้านเหนือ ๘ คน มีเรือบันลังก์ประทับหน้าฉนวนน้ำวาสุกรี แล้วมีเรือพิฆาตเขียนรูปสัตว์ต่างๆ มีเรือดั้ง เรือกัญญา เรือกระบี่ เรือครุฑ เรือรูปสัตว เรือไชยรวม ๑๐๐ ลำ ทอดทุ่นเหนือน้ำท้ายน้ำรายรอบล้อมวงพลพายสวมเสื้อแดงสวมหมวกแดง มีเรือหมอจรเข้ เรือทอดแหอยู่ในที่ล้อมวง
     กระบวนแห่ฤาการเล่นต่างๆ ก็เหมือนกันกับการพระราชพิธีโสกัณฑ์เจ้าฟ้าแล้วเจ้าพนักงานก็จัดกระบวนแห่หน้าหลังทั้งปวงพร้อมคือ จัดเอาบุตรพระยา พระหลวง ๒๐๐ คน แต่งตัวพรรณนุ่งสองปักลายทองขาวเสื้อครุยสำริดทอง สวมพอกเกรียว แต่งเป็นเทวเสนาเดินกระบวนหน้า ๔ แถว แถวละ ๕๐ คน รวม ๒๐๐ คน ครั้นแต่งกระบวนแห่พร้อมเสร็จถึงพระฤกษ์มงคล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ สอดทรงเครื่องพระกุมารอาภรณ์พร้อมเสร็จ เสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งพุดตาลยานนุมาศ สพรั่งพร้อมด้วยราชบริวาร กระบวนแห่ทั้งหลายจึงแห่แหนเสด็จมาตามรัฐยาราชวัตรเสด็จมาฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ที่พระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาทในเวลาเย็นครบทั้งสามวัน ครั้นรุ่งขึ้นวันที่สี่ เวลาเช้าแบ่งพระสงฆ์ในพระราชพิธีลงไปคอยสวดชัยมงคลที่ริมสรงท่าน้ำ ๑๕ รูป แล้วแห่ลงไปประทับที่เกย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคอยรับพระกรอยู่บนเกย ขุนนางราชนิกูลรับต่อพระหัตถ์จูงพระกรมาประทับที่พระพลับพลาเปลื้อนเครื่องทรงพลัดเครื่องขาว แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ใหญ่ก็จูงพระกร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงสู่พระมณฑป พระกระยาสนาม เสด็จประทับอยู่บนพระเก้าอี้ในราชวัตรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าประทับอยู่บนเบาะขาวริมพระเก้าอี้ พระมหาราช ครูพราหมณ์ปล่อยกุ้งทอง กุ้งนาค กุ้งเงิน สี่มุมกรงลอยมะพร้าวลงในกรงพระโหราลอยบัดตามสายน้ำ พอได้อุดมฤกษ์โมงหนึ่งกับสามบาท เจ้าพนักงานก็ลั่นฆ้องไชยประโคมยิงปืนสัญญาณหน้าเรือขึ้นพร้อมกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุ้มสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัฒจรรย์บันไดแก้ว เจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทราพิทักษ์ ลงอยู่ในกรงรับต่อพระหัตถ์ แล้วสรงด้วยมะพร้าวในกรงก่อนแล้วยกเสด็จขึ้นบนพระแท่นสรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำสงข์ทักษิณาวัตร สมเด็จพระสังฆราชประพรหมน้ำพระปริต พระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่สรงน้ำประทุมนิมิตรพราหมณ์ถวายน้ำสังข์น้ำกรด
     ครั้นเสร็จการสรงพระยาสนานแล้ว เสด็จมาทรงเครื่องอย่างเทศที่พลับพลาพักกระบวนแห่ก็พลัดเครื่องแดงแห่กลับคืนไป ไม่ได้แวะปราสาทเลยเข้าประตูไชยมงคลไตรภพยนต์ ขึ้นสู่พระมหามณเฑียรเปลื้องเครื่อง แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามกระบวนแห่ขึ้นมาแวะที่พระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท ทรงพระประเคนอังคาดพระสงฆ์หาภัตตากิจเสร็จแล้วสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าครั้นเปลื้อนเครื่องเสร็จแล้ว เสด็จมาทางในพระราชวังขึ้นประตูหลังพระมหาปราสาท ทรงถวายผ้าไทยธรรมพระสงฆ์แล้วเสด็จกลับไปในพระราชวังทางใน ครั้นเวลาบ่ายแห่มาสมโภชเวียนเทียน รับพระสุพรรณบัตรที่บนพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์มหาปราสาท เจ้าพนักงานตกแต่งบายศรีแก้ว บายศรีทอง บายศรีเงิน ตั้งเตียงหน้าบายศรี สำหรับทรงนั่ง ห่างพระแท่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามศอก คืบ หก ครั้นเวลาบ่ายก็ตั้งขบวนแห่ออกมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้จูงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทรงขึ้นพระราชยานแล้ว ก็เสด็จมาทางในพระราชวังคอยรับพระกรอยู่ที่หน้าเกยพระที่นั่งสุรินั่งสุริยาศน์อัมรินทร์มหาปราสาท ให้เสด็จขึ้นบนเตียงได้ฤกษ์บ่ายสองโมงหกบาทก็พระราชทานพระสุพรรณบัตรจารึกพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุทุมพรบวรราชกุมาร แล้วชาวประโคมก็ประโคมเวียนพระเทียนแล้วก็แห่กลับ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาบ่ายแห่มาสมโภชอีกสองเวลา เป็นสามเวลาด้วยกัน การลงสรงครั้งนั้น ก็เหมือนอย่างโสกันต์ทุกประการ ผิดกันอยู่แต่ก็ที่มีกรงลงสรงแทนเขาไกรลาศเท่านั้น


**
พิธีโสกัณต์เจ้าฟ้าอุทุมพร

     พระฤกษ์โสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุทุมพรบวรราชกุมาร โปรดให้ทำเขาไกรลาศขึ้นที่ท้องสนามในหน้าพระที่นั่งวิหารสมเด็จมหาปราสาท สูงเจ็ดวามีมณฑป ในพระมณฑปยอดเขาตั้งระย้ากิ่งทองคำมีกิ่งข้างล่างหกกิ่งนั้นเป็นรูปเทพธิดาถวายกร ชั้น ๒ สี่กิ่งทำเป็นรูปเทพบุตรถวายกรมีภู่กลิ่นทองคำห้อยทุกกิ่ง ชั้น ๓ เป็นโกฏทองคำลงยาราชาวดี บรรจุพระบรมธาตุเรียกว่าระย้าฉัตรไชยสำหรับตั้งในการพระราชพิธีใหญ่ๆ ที่มีเทียนไชยข้างมนฑปใหญ่มีมณฑปน้อยสองข้างตั้งพระไชยน้อยซ้ายขวา พระสิหิงค์ เป็นประธาน มีเครื่องทรงนมัสการโต๊ะราม ๔ ขา พานสองชั้นเครื่องหนึ่ง มณฑปน้อยเหนืองตั้งพระอิศวรพระอุมา พระพิฆเนศวรมณฑปใต้ตั้งพระนารายณ์ พระลักษณมี พระมเหศวรมีเครื่องทรงนมัสการทั้งสองแห่ง ในพระมณฑปใหญ่ มีหม้อน้ำมนต์ศิลาอ่อนตั้งน้ำพระปริตมีพระสงฆ์สวด ๕ รูปมณฑป ๔ มุมมี รูปหุ่นเครื่องทองคำทั้ง ๔ มุมมณฑป มีสระอโนดาษแลท่อไขน้ำออกจากปากสัตว์ที้ง ๔ คือ ราชสีห์ โค ช้าง ม้า แลรูปสัตว์จตุบาททวิบาทในป่าพระหิมพานต่างๆ หลายอย่าง พระยาครุฑและกินนรพระยานาค พระยาช้างอัฐทิศซึ่งสถิตอยู่ตามทิศเชิงเขาเมรุมาศ ประดับแต่งไว้ในบริเวณทุกสิ่งทุกประการ ครั้นการเสร็จแล้วเมื่อเวลาบ่ายตั้งกระบวนแห่เครื่องขาว เกณฑ์จตุสดมภ์และมุขมนตรี ที่ได้รับพระราชทานพานทองเป็นเครื่องอิศริยยศ เป็นคู่เคียงแห่ไปฟังพระสงฆ์เจริญพระปริตที่พระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท รุ่งขึ้นเวลาเช้าพระฤกษ์ได้โสกันต์บนพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท เนือผ้าที่ปักเป็นรูปราชสีห์มีเทพชุมนุมแล้วเสด็จกลับลงไปสรงน้ำสระอโนดาษไหลออกจากสัตว์ทั้ง ๔ ครั้นสรงแล้วก็ทรงพลัดพลับพลาน้อยทิศหรดีทรงภูษาจีบเขียนลายทองฉลองพระองค์คลุมเฉลียงพระอังษา เจ้าพระยาอัครมหาเสนาบดี เจ้าพระยาอภัยมนตรี จูงพระกรคนละข้างเสด็จขึ้นไปทางปัจจิมทิศบนพระมณฑปยอดเขาไปเฝ้าพระอิศวร ครั้งนั้นเจ้าฟ้านาคราช กรมขุนพิลาคินีแต่งพระองค์ทรงเครื่องเป็นพระอิศวรประทานน้ำมหาสังข์ทักษิณาวัตรแล้วประทานเครื่องบนมณฑป เสร็จแล้วอัครมหาเสนาบดีผู้ใหญ่ทั้งสองเชิญเสด็จกลับลงมาบันใดมางทิศทักษิณ กระบวนแห่ก็พลัดเครื่องแดงทั้งสิ้นเสด็จประทับที่เกย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ส่งเสด็จขึ้นพระที่นั่งพุดตาลตามโบราณราชประเพณี โสกันต์เจ้าฟ้าแห่เวียนประทักษิณเขาไกรลาศสามรอบแล้วก็แห่เข้าไปในพระราชวังทางประตูไชยมงคลไตรภพชนม์ ครั้นเวลาบ่ายตั้งบายศรีแก้ว บายศรีทอง บายศรีเงินแห่เครื่องแดงไปสมโภชเวียนพระเทียนบนพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาศน์มหาปราสาท เสด็จนั่งเหนือพระแท่นราชอาศน์ ปักเป็นรูปราชสีห์เวียนเทียนแล้วก็แห่เสด็จกลับเข้าไปในพระราชวังโดยทางประตูพิมานมงคลข้างศาลาลวด เวลาบ่ายก็แห่มาสมโภชอีกสองวันเป็นสามเวลา พระราชทานเงินทองเป็นของสมโภช แล้วพระราชวงศานุวงศ์เสนาบดี ก็พากันสมโภชตามผู้ใหญ่ผู้น้อย ครั้นวันสุดท้ายแห่ผอบซึ่งไว้พระเกศา เป็นกระบวนเรือลงไปลอยน้ำที่ท้ายวัดไชยวัฒนาราม ตามที่ได้จดจำไว้ได้แต่เพียงเท่านี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่