เอ่อ ไม่รู้จะเริ่มต้นจากไหน เอาเป็นว่าตั้งแต่เริ่มทำงานมีเป้าหมายว่าถ้าประสบความสำเร็จในการเป็นมาร์เก็ตติ้ง(ผู้แนะนำการลงทุน) ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดีให้หลายๆคนเข้าใจ จะเขียนรีวิวสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งวางแผนไว้ดิบดีว่าจะยืม ID แฟนเขียนรีวิวใน pantip นั่นเอง5555
หน้าที่ของมาร์เก็ตติ้งที่ทำงานในโบรกเกอร์ ก็ประมาณว่า แนะนำการลงทุนให้ลูกค้า ว่าจากบทวิเคราะห์นู้นนี่นั่น(ซึ่งต้องมีที่มา) เชียร์/แนะนำ หุ้นตัวนี้อยู่นะ บางครั้งลูกค้าจะถามความเห็นตั้งรอซื้อ/ขาย ที่ราคาเท่าไหร่ดี หรือโทรมาเพื่อสั่งซื้อขายหุ้น ซึ่งมาร์เกตติ้งนี่แหลเป็นคนคีย์ให้ (ขอเรียกมาร์เกตติ้งย่อๆ ว่า มาร์) แต่ไม่ได้มีเท่านั้น ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย เช่น การเปิดบัญชี,การตามเอกสาร,การอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงเกณฑ์ต่างๆในปัจจุบัน,ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะมีสิ่งที่เราต้องแก้เสมอ ทุกขั้นตอน ยากหมด จบ
ต่อมาเราจะมาเข้าเรื่องการเป็นมาร์อย่างจริงจัง !!!
วิธีการซื้อขายหุ้นหลักมี 2 วิธี
1.โทรสั่งมาร์คีย์
2.ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย เองได้เลย ผ่านอินเตอร์เนต
ก่อนอื่นอยากจะบอกก่อนเลยว่าอาชีพนี้โคตรไม่ง่าย ตอนนี้อายุกำลังจะ 23 ปี(เพิ่งจบนั่นเอง) ขอเกริ่นนิดๆว่าที่บ้านรู้จักหุ้นกันอยู่พอสมควร พ่อเคยทำงานธนาคารมาก่อน จะเก่งเรื่องการวางแผนทุกชนิด โดยเฉพาะวางแผนทางการเงิน555 เราเองตอนแรกก็เป็นเด็กต่างจังหวัดนั่นแหละ แล้วเข้ามาเรียนมหาลัยในกรุงเทพ จบคณะเศษฐศาสตร์ จากมหาลัยย่านบางเขนซึ่งมีต้นนนทรีเป็นต้นไม้ประจำมหาลัย(ไม่รู้จะพิมให้มากความทำไม) พ่อและแม่เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเข้าเรียนคณะนี้นั่นเอง หลังการเข้าเรียนเศษฐศาสตร์ได้ ก็เล่นๆ เรียนๆ กินเหล้าเป็นส่วนใหญ่ จบมาด้วยเกรด 2.67 (ประมาณ) เราค่อนข้างเป็นคนวางแผนพอสมควร เรียน เล่น เก็บ C เก็บ D มาก็ช่างเถอะเรียนให้จบๆ แต่เนื่องจากเป็นคนมีเป้าหมายเยอะแยะและหนึ่งในนั้นคืออยากจะลองเป็นมาร์เก็ตติ้ง(โบรคเกอร์) เพราะงานนี้คุณขยัน ทำมาก ก็ได้มาก กลับกัน นั่งนิ่งๆอยู่ไปวันๆ เตรียมตัวออกได้เลย และแล้วพอจบปุ๊ปสิ่งที่คุณต้องมีเลยหากอยากจะเป็นมาร์
1.license ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ (ตราสารหนี้ กองทุน ตราสารทุน) ***ต้องมี
2.license สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (อนุพันธ์) *แล้วแต่เรา
ซึ่งเราก็สอบไปเรียบร้อย license ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์สอบไป 4 รอบจ้า รอบละ 1 พันบาท , license สัญญาซื้อขายล่วงหน้า สอบไป 2 รอบรอบละ 8 ร้อยบาท (เก่งไงสอบหลายรอบจะได้แม่นๆ555555) ส่วนเรื่องสมัครงาน คิดว่าสมัครโบรคไหนก็รับนะ แต่เข้าไปแล้วทำ volume ไม่ cover กับเงินเดือนก็ต้องออกอยู่ดี
... เริ่มละนะ วงการมาร์ ...
เราเริ่มทำงานมาเมื่อต้นปี ประมาณ 5 มกรา 2560 นี่แหละ จนตอนนี้ก็เดือนสิงหาแล้ว นับสิริรวมได้ประมาณ 8 เดือน ได้เจอเพื่อนร่วมงานต่างโบรคเกอร์ที่เข้ามาแล้วออกไปก็เยอะมากๆ ปัญหาหลักคือทำ volume ไม่ cover กับเงินเดือนนั่นเอง ฉะนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดมี 2 license คือทั้งหุ้นและอนุพันธ์ เพราะ อนุพันธ์ future , option , ทอง ลูกค้าเล่นทั้งขาขึ้นและขาลงได้ นั่นแปลว่าไม่ว่าขาขึ้นหรือขาลง ลูกค้าก็เล่นได้ทั้งหมด ในทางกลับกัน หุ้น เล่นได้แต่ขาขึ้นเท่านั้น ถ้าหุ้นตก ลูกค้าติดหุ้นก็ไม่มีเงินมาเล่นตัวอื่นนั่นเอง
เงินเดือนมาจากไหน ??? ก็มาจาก volume ที่ลูกค้าเทรดนั่นเอง
ในกรณีของหุ้น คิดง่ายๆคือ ถ้าลูกค้าเทรด 1 ล้านบาทเราได้เท่าไหร่ ประมาณนี้ แต่ก็จะมีแยกกรณีอีก
1.ลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ (มาร์ได้ 27.5% ของค่าคอม เช่นค่าคอมล้านละ 1500 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าสั่งซื้อ/ขายหุ้นเป็นเงิน 1 ล้านบาท มาร์ได้ 1500*0.275 = 412.5 บาท)
2.ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต (มาร์ได้ 13.75% ของค่าคอม เช่นค่าคอมล้านละ 1500 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขายหุ้นเป็นเงิน 1 ล้านบาท มาร์ได้ 1500*0.1375 = 206.25 บาท)
ในกรณีของ derivative (Tfex)
1.ลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ (มาร์ได้ 27.5% ของค่าคอม เช่นค่าคอมสัญญาละ 50 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าสั่งซื้อ/ขายหุ้น 1 สัญญา มาร์ได้ 0.275*50 = 13.75 บาท)
2.ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต (มาร์ได้ 13.75% ของค่าคอม เช่นค่าคอมสัญญาละ 50 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขายหุ้น 1 สัญญา มาร์ได้ 0.1375*50 = 6.825 บาท)
*** หมายเหตุ ตัวเลข 27.5% และ 13.75% อ้างอิงมาจากเกณฑ์ที่โบรคเกอร์ส่วนใหญ่บังคับใช้กันในปัจจุบัน ส่วนค่าคอมในการซื้อขาย จะมีตามขั้นบันไดอยู่ ขึ้นกับ volume ของลูกค้าแต่ละคนว่าเทรดมาก/น้อย อันนี้เลยประมาณให้กลางๆเป็น หุ้น ล้านละ 1500 บาท หรือ 0.15% (1 ล้าน * 0.0015 = 1500) , Tfex ประมาณเป็นสัญญาละ 50 บาท(ค่าคอมตามจริงก็คิดเป็นขั้นบันไดเหมือนหุ้น)
ซึ่งการที่ลูกค้าจะโทรสั่งซื้อขาย/ลูกค้าคีย์เอง ให้ได้ 1 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ(นอกจากลูกค้าชอบเล่นทุกวัน กล้าได้กล้าเสี่ยง แต่ลูกค้าแบบนี้ก็จะเป็นลูกค้าในโบรคอื่นๆ และยากต่อการแย่งชิงมา เว้นแต่คุณจะต่อรองผลประโยชน์กับเค้าลงตัวโดยวิธีต่างๆ หรือด้วยกลยุทธ์ของคุณ) ไม่พอ ลูกค้าส่วนใหญ่จะคีย์เองผ่านอินเตอร์เนต ซึ่งนั่นหมายถึง ค่าคอมที่คุณจะได้ต่อ volume 1 ล้านบาท คือ 206.25 บาท (มีบางโบรคเกอร์ไม่ขอเอ่ยชื่อ ลูกค้าคีย์เองผ่านเน็ต ลูกค้าเทรด 1 ล้านมาร์ได้แค่ 50 บาท)
แล้วการคุณเรียกเงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือน นั่นหมายถึง volume คุณต้องทำให้ cover กับเงินเดือนที่คุณได้ด้วย แปลง่ายๆคือ
ถ้าขอเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับหุ้น
- หากเป็นแบบลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/412.5 = 37 ล้าน/เดือน
- ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/206.25 = 73 ล้าน/เดือน
ถ้าขอเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับ Tfex(S50) หรืออื่นๆ
- หากเป็นแบบลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/13.75 = 1091 สัญญา/เดือน
- ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/6.825 = 2198 สัญญา/เดือน
ดังนั้นถ้าคิดว่าง่าย คุณคิดผิดแล้ว ในตลาดหุ้นมีทั้งช่วงดีและไม่ดี ซึ่งมันไม่ง่ายแน่ๆ นี่แค่ทำให้ cover 15,000 บาท ยังต้องทำขนาดนี้ แล้วถ้าคุณหวังเงินเดือนเป็นแสนจากวงการนี้ ? คุณต้องพึ่งอะไรบ้าง ?
1. ในวงการนี้เรื่อง connection โคตรสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ *****
2. หัวหน้าดี/เอ็นดูเรา มีชัยไปกว่าครึ่ง เพื่อนร่วมงานดี ก็มีชัยเหมือนกัน
3. ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีของมาร์รุ่นพี่ ถ้ามีครอบครัว/ญาติ เป็นมาร์ จะดีมาก เหมือนสำนวน ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน
4. การวางแผนและกลยุทธ์ของคุณเอง
5. ความรู้เรื่องหุ้น/อนุพันธ์ , กราฟ , อื่นๆ ที่ไม่มีสอนในมหาลัย
กลับกันคุณเข้ามาในวงการนี้แล้วก็ต้องรับให้ได้เหมือนกัน
-ทุกคนเห็นแก่ผลประโยชน์ล้วนๆ น้อยมากที่จะจริงใจ ***
-ทุกอย่างคือการแข่งขัน ทำ volume (ถ้าอยากอยู่รอดในอาชีพนี้)
-การแย่งลูกค้ากันเป็นเรื่องธรรมดา
-ลูกค้าเลิกเทรดก็เป็นเรื่องธรรมดา
แล้วคำที่คุณจะต้องพูดอย่างแน่นอน คือ “มีคนแบบนี้ด้วยหรอ”
ส่วนเรื่องการเข้างาน แล้วแต่ว่าอยู่สำนักงานใหญ่หรือสาขา ถ้าสำนักงานใหญ่ อาจจะ 08.30 น. หรือช้ากว่านั้น ส่วนเวลาที่หุ้นเริ่มเทรดคือ 10.00 -12.30 น. , 14.30 - 16.30 น. สิริรวมทำงานประมาณวันละ 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่อย่างว่าถ้าคุณมีลูกค้าก็ต้องหาข่าว ทำสรุปให้ลูกค้าอยู่ดี ก็ต้องไปก่อน ประมาณ 8 โมง งานนี้คิดว่าอยู่ที่ความขยัน ความ active ส่วนตัวดูแลลูกค้าในกรุ๊ปไลน์ยิ่งกว่ากรุ๊ปไลน์ครอบครัวซะอีก
สุดท้าย
- คุณให้ใจใครไป เค้าสามารถรับรู้ได้โดยที่คุณไม่ต้องพูด
- ปฎิบัติกับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียม อย่าเลือกปฎิบัติจากขนาดของพอร์ต เล็ก/ใหญ่
ปล.ปัจจุบันทำงานสิริรวมมา 8 เดือน หลายคนคงอยากรู้ว่าตอนนี้เงินเดือนรวมคอมเท่าไหร่ แต่อย่างที่บอกไปมีทั้งช่วงที่หุ้นดีและไม่ดี เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ เงินเดือนก็เกินครึ่งแสนไปแล้ว แต่เกินมากเกินน้อยไม่บอกละกันนะจ๊ะ
ปล.2 ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าพิมพ์ได้ยาวขนาดนี้5555555
ส่วนใครมีคำถามหรืออยากปรึกษาอะไรก็ถามได้น้าา
เพิ่งเขียนกระทู้ครั้งแรก ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค้าบบบ
เมื่อฉันเป็นมาร์
หน้าที่ของมาร์เก็ตติ้งที่ทำงานในโบรกเกอร์ ก็ประมาณว่า แนะนำการลงทุนให้ลูกค้า ว่าจากบทวิเคราะห์นู้นนี่นั่น(ซึ่งต้องมีที่มา) เชียร์/แนะนำ หุ้นตัวนี้อยู่นะ บางครั้งลูกค้าจะถามความเห็นตั้งรอซื้อ/ขาย ที่ราคาเท่าไหร่ดี หรือโทรมาเพื่อสั่งซื้อขายหุ้น ซึ่งมาร์เกตติ้งนี่แหลเป็นคนคีย์ให้ (ขอเรียกมาร์เกตติ้งย่อๆ ว่า มาร์) แต่ไม่ได้มีเท่านั้น ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย เช่น การเปิดบัญชี,การตามเอกสาร,การอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงเกณฑ์ต่างๆในปัจจุบัน,ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะมีสิ่งที่เราต้องแก้เสมอ ทุกขั้นตอน ยากหมด จบ
ต่อมาเราจะมาเข้าเรื่องการเป็นมาร์อย่างจริงจัง !!!
วิธีการซื้อขายหุ้นหลักมี 2 วิธี
1.โทรสั่งมาร์คีย์
2.ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย เองได้เลย ผ่านอินเตอร์เนต
ก่อนอื่นอยากจะบอกก่อนเลยว่าอาชีพนี้โคตรไม่ง่าย ตอนนี้อายุกำลังจะ 23 ปี(เพิ่งจบนั่นเอง) ขอเกริ่นนิดๆว่าที่บ้านรู้จักหุ้นกันอยู่พอสมควร พ่อเคยทำงานธนาคารมาก่อน จะเก่งเรื่องการวางแผนทุกชนิด โดยเฉพาะวางแผนทางการเงิน555 เราเองตอนแรกก็เป็นเด็กต่างจังหวัดนั่นแหละ แล้วเข้ามาเรียนมหาลัยในกรุงเทพ จบคณะเศษฐศาสตร์ จากมหาลัยย่านบางเขนซึ่งมีต้นนนทรีเป็นต้นไม้ประจำมหาลัย(ไม่รู้จะพิมให้มากความทำไม) พ่อและแม่เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเข้าเรียนคณะนี้นั่นเอง หลังการเข้าเรียนเศษฐศาสตร์ได้ ก็เล่นๆ เรียนๆ กินเหล้าเป็นส่วนใหญ่ จบมาด้วยเกรด 2.67 (ประมาณ) เราค่อนข้างเป็นคนวางแผนพอสมควร เรียน เล่น เก็บ C เก็บ D มาก็ช่างเถอะเรียนให้จบๆ แต่เนื่องจากเป็นคนมีเป้าหมายเยอะแยะและหนึ่งในนั้นคืออยากจะลองเป็นมาร์เก็ตติ้ง(โบรคเกอร์) เพราะงานนี้คุณขยัน ทำมาก ก็ได้มาก กลับกัน นั่งนิ่งๆอยู่ไปวันๆ เตรียมตัวออกได้เลย และแล้วพอจบปุ๊ปสิ่งที่คุณต้องมีเลยหากอยากจะเป็นมาร์
1.license ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ (ตราสารหนี้ กองทุน ตราสารทุน) ***ต้องมี
2.license สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (อนุพันธ์) *แล้วแต่เรา
ซึ่งเราก็สอบไปเรียบร้อย license ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์สอบไป 4 รอบจ้า รอบละ 1 พันบาท , license สัญญาซื้อขายล่วงหน้า สอบไป 2 รอบรอบละ 8 ร้อยบาท (เก่งไงสอบหลายรอบจะได้แม่นๆ555555) ส่วนเรื่องสมัครงาน คิดว่าสมัครโบรคไหนก็รับนะ แต่เข้าไปแล้วทำ volume ไม่ cover กับเงินเดือนก็ต้องออกอยู่ดี
... เริ่มละนะ วงการมาร์ ...
เราเริ่มทำงานมาเมื่อต้นปี ประมาณ 5 มกรา 2560 นี่แหละ จนตอนนี้ก็เดือนสิงหาแล้ว นับสิริรวมได้ประมาณ 8 เดือน ได้เจอเพื่อนร่วมงานต่างโบรคเกอร์ที่เข้ามาแล้วออกไปก็เยอะมากๆ ปัญหาหลักคือทำ volume ไม่ cover กับเงินเดือนนั่นเอง ฉะนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดมี 2 license คือทั้งหุ้นและอนุพันธ์ เพราะ อนุพันธ์ future , option , ทอง ลูกค้าเล่นทั้งขาขึ้นและขาลงได้ นั่นแปลว่าไม่ว่าขาขึ้นหรือขาลง ลูกค้าก็เล่นได้ทั้งหมด ในทางกลับกัน หุ้น เล่นได้แต่ขาขึ้นเท่านั้น ถ้าหุ้นตก ลูกค้าติดหุ้นก็ไม่มีเงินมาเล่นตัวอื่นนั่นเอง
เงินเดือนมาจากไหน ??? ก็มาจาก volume ที่ลูกค้าเทรดนั่นเอง
ในกรณีของหุ้น คิดง่ายๆคือ ถ้าลูกค้าเทรด 1 ล้านบาทเราได้เท่าไหร่ ประมาณนี้ แต่ก็จะมีแยกกรณีอีก
1.ลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ (มาร์ได้ 27.5% ของค่าคอม เช่นค่าคอมล้านละ 1500 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าสั่งซื้อ/ขายหุ้นเป็นเงิน 1 ล้านบาท มาร์ได้ 1500*0.275 = 412.5 บาท)
2.ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต (มาร์ได้ 13.75% ของค่าคอม เช่นค่าคอมล้านละ 1500 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขายหุ้นเป็นเงิน 1 ล้านบาท มาร์ได้ 1500*0.1375 = 206.25 บาท)
ในกรณีของ derivative (Tfex)
1.ลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ (มาร์ได้ 27.5% ของค่าคอม เช่นค่าคอมสัญญาละ 50 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าสั่งซื้อ/ขายหุ้น 1 สัญญา มาร์ได้ 0.275*50 = 13.75 บาท)
2.ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต (มาร์ได้ 13.75% ของค่าคอม เช่นค่าคอมสัญญาละ 50 บาท นั่นแปลว่า ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขายหุ้น 1 สัญญา มาร์ได้ 0.1375*50 = 6.825 บาท)
*** หมายเหตุ ตัวเลข 27.5% และ 13.75% อ้างอิงมาจากเกณฑ์ที่โบรคเกอร์ส่วนใหญ่บังคับใช้กันในปัจจุบัน ส่วนค่าคอมในการซื้อขาย จะมีตามขั้นบันไดอยู่ ขึ้นกับ volume ของลูกค้าแต่ละคนว่าเทรดมาก/น้อย อันนี้เลยประมาณให้กลางๆเป็น หุ้น ล้านละ 1500 บาท หรือ 0.15% (1 ล้าน * 0.0015 = 1500) , Tfex ประมาณเป็นสัญญาละ 50 บาท(ค่าคอมตามจริงก็คิดเป็นขั้นบันไดเหมือนหุ้น)
ซึ่งการที่ลูกค้าจะโทรสั่งซื้อขาย/ลูกค้าคีย์เอง ให้ได้ 1 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ(นอกจากลูกค้าชอบเล่นทุกวัน กล้าได้กล้าเสี่ยง แต่ลูกค้าแบบนี้ก็จะเป็นลูกค้าในโบรคอื่นๆ และยากต่อการแย่งชิงมา เว้นแต่คุณจะต่อรองผลประโยชน์กับเค้าลงตัวโดยวิธีต่างๆ หรือด้วยกลยุทธ์ของคุณ) ไม่พอ ลูกค้าส่วนใหญ่จะคีย์เองผ่านอินเตอร์เนต ซึ่งนั่นหมายถึง ค่าคอมที่คุณจะได้ต่อ volume 1 ล้านบาท คือ 206.25 บาท (มีบางโบรคเกอร์ไม่ขอเอ่ยชื่อ ลูกค้าคีย์เองผ่านเน็ต ลูกค้าเทรด 1 ล้านมาร์ได้แค่ 50 บาท)
แล้วการคุณเรียกเงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือน นั่นหมายถึง volume คุณต้องทำให้ cover กับเงินเดือนที่คุณได้ด้วย แปลง่ายๆคือ
ถ้าขอเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับหุ้น
- หากเป็นแบบลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/412.5 = 37 ล้าน/เดือน
- ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/206.25 = 73 ล้าน/เดือน
ถ้าขอเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับ Tfex(S50) หรืออื่นๆ
- หากเป็นแบบลูกค้าโทรสั่งมาร์คีย์ volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/13.75 = 1091 สัญญา/เดือน
- ลูกค้าคีย์ซื้อ/ขาย ผ่านอินเตอร์เนต volume ต่อเดือนต้องได้ 15,000/6.825 = 2198 สัญญา/เดือน
ดังนั้นถ้าคิดว่าง่าย คุณคิดผิดแล้ว ในตลาดหุ้นมีทั้งช่วงดีและไม่ดี ซึ่งมันไม่ง่ายแน่ๆ นี่แค่ทำให้ cover 15,000 บาท ยังต้องทำขนาดนี้ แล้วถ้าคุณหวังเงินเดือนเป็นแสนจากวงการนี้ ? คุณต้องพึ่งอะไรบ้าง ?
1. ในวงการนี้เรื่อง connection โคตรสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ *****
2. หัวหน้าดี/เอ็นดูเรา มีชัยไปกว่าครึ่ง เพื่อนร่วมงานดี ก็มีชัยเหมือนกัน
3. ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีของมาร์รุ่นพี่ ถ้ามีครอบครัว/ญาติ เป็นมาร์ จะดีมาก เหมือนสำนวน ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน
4. การวางแผนและกลยุทธ์ของคุณเอง
5. ความรู้เรื่องหุ้น/อนุพันธ์ , กราฟ , อื่นๆ ที่ไม่มีสอนในมหาลัย
กลับกันคุณเข้ามาในวงการนี้แล้วก็ต้องรับให้ได้เหมือนกัน
-ทุกคนเห็นแก่ผลประโยชน์ล้วนๆ น้อยมากที่จะจริงใจ ***
-ทุกอย่างคือการแข่งขัน ทำ volume (ถ้าอยากอยู่รอดในอาชีพนี้)
-การแย่งลูกค้ากันเป็นเรื่องธรรมดา
-ลูกค้าเลิกเทรดก็เป็นเรื่องธรรมดา
แล้วคำที่คุณจะต้องพูดอย่างแน่นอน คือ “มีคนแบบนี้ด้วยหรอ”
ส่วนเรื่องการเข้างาน แล้วแต่ว่าอยู่สำนักงานใหญ่หรือสาขา ถ้าสำนักงานใหญ่ อาจจะ 08.30 น. หรือช้ากว่านั้น ส่วนเวลาที่หุ้นเริ่มเทรดคือ 10.00 -12.30 น. , 14.30 - 16.30 น. สิริรวมทำงานประมาณวันละ 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่อย่างว่าถ้าคุณมีลูกค้าก็ต้องหาข่าว ทำสรุปให้ลูกค้าอยู่ดี ก็ต้องไปก่อน ประมาณ 8 โมง งานนี้คิดว่าอยู่ที่ความขยัน ความ active ส่วนตัวดูแลลูกค้าในกรุ๊ปไลน์ยิ่งกว่ากรุ๊ปไลน์ครอบครัวซะอีก
สุดท้าย
- คุณให้ใจใครไป เค้าสามารถรับรู้ได้โดยที่คุณไม่ต้องพูด
- ปฎิบัติกับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียม อย่าเลือกปฎิบัติจากขนาดของพอร์ต เล็ก/ใหญ่
ปล.ปัจจุบันทำงานสิริรวมมา 8 เดือน หลายคนคงอยากรู้ว่าตอนนี้เงินเดือนรวมคอมเท่าไหร่ แต่อย่างที่บอกไปมีทั้งช่วงที่หุ้นดีและไม่ดี เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ เงินเดือนก็เกินครึ่งแสนไปแล้ว แต่เกินมากเกินน้อยไม่บอกละกันนะจ๊ะ
ปล.2 ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าพิมพ์ได้ยาวขนาดนี้5555555
ส่วนใครมีคำถามหรืออยากปรึกษาอะไรก็ถามได้น้าา
เพิ่งเขียนกระทู้ครั้งแรก ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค้าบบบ