เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับเราโดยตรง แต่เกิดกับน้องสาวและน้องชายเราเอง
บอกเลยว่าบนบีทีเอสก็อาจจะไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าบนรถเมล์ (เพราะมักจะมีข่าวเด็กช่างยกพวกขึ้นไปตีกันบ่อยๆ นั่นแล)
อยากให้ระวังตัวเองเป็นดีที่สุด ความบราซิลมันอยู่กับเราทุกที่นั่นแหละ อยู่ประเทศกำลังพัฒนาแบบนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง อ่อนแอก็แพ้ไปนะเออ
เรื่องคือวันนั้นน้องสาวกับน้องชายเราขึ้นเราไฟฟ้าจากสถานีบางจาก เพื่อไปลงสถานีอโศก เวลาประมาณ 5-6โมงเย็นของวันอาทิตย์
น้องสองคนก็นั่งคุยอะไรกันไปเรื่อย และสังเกตเห็นวัยรุ่นผู้ชายใส่เสื้อช็อปสีกรมขึ้นมาคนเดียว (บนขบวนคนค่อนข้างน้อย)
สักพัก น้องจะเด็ดก็มายืนตรงหน้าน้องเราที่นั่งคุยกันอยู่ (ขอเรียกน้องเสื้อช็อปว่าจะเด็ด เดาว่าน่าจะต้องไปรบถึงสิบทิศ น้องจึงต้องพกมีดติดตัวตลอดเวลา)
ความวัยรุ่นของน้องเรา มันก็ไม่ได้สนใจอะไร เม้ามอยกันตามประสา และเหมือนได้ยินน้องจะเด็ดพูดอะไรพึมพำ แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะนึกว่าคุยโทรศัพท์
จนกระทั่งเลือดนักรบของน้องจะเด็ดพลุ่งพล่านขึ้นมา ล้วงมีดพกออกมาจากกระเป๋าแล้วยกมาชี้หน้าน้องชายเรา บนบีทีเอส ณ กลางกรุงเทพ (กรุงเทพที่ชีวีตดีๆที่ลงตัวนั่นแหละ) แล้วเอ่ยวาจาดั่งนักรบออกมาข่มขวัญศัตรูอย่างน้องชายเราว่า
"คุยอะไรกันนักหนาวะไอ้ตี๋ กูรำคาญ พูด here อะไรกันอยู่ได้ เสียงดังกันนักอ่อ ห้ะ!?"
"จัมวรั้ยย กูเด็กพะคอนเหนืออ จัมวรั้ยยย"
แล้วจะเด็ดก็พลันควบม้าหนีออกไปช่วงระหว่างสถานี ทองหล่อ-พร้อมพงษ์ (น้องตกใจเลยจำสถานีที่แน่นอนไม่ได้ แต่ดูทรงแล้วจะเด็ดเลือกจะประกาศแสนยานุภาพในช่วงที่ใกล้ถึงจุดหมาย เพราะจะได้กรีฑาทัพหนีออกไปตีทิศที่สิบเอ็ดต่อโดยเร็ว)
เมื่อถึงสถานีปลายทาง น้องเราสองคนก็ยังคงเหวอกิน ไม่ได้ไปแจ้งรปภ.บีทีเอสแต่อย่างใด น้องรีบพุ่งตัวกลับบ้านทันที และไลน์มาหาเรา
เราติดต่อไปหาเพื่อนที่ทำงานในบีทีเอส เค้าก็ว่าให้ไปแจ้งความก่อน แล้วเอาใบแจ้งความมาขอดูกล้องได้เลย (เพิ่งรู้ว่าในขบวนรถไฟ ไม่มีกล้อง ขอดูได้เฉพาะกล้องในสถานี) เพื่อนเราก็บอกว่า รปภ.ยึดอาวุธจากพวกน้องๆ เลือดนักรบได้บ่อยมาก ก็คงเป็นลูกหลานเจงกิสข่านแหละเนาะ ที่ข้ามมาจากเทือกเขาอัลไต ส่งต่อสัญชาตฐาณนักรบกันรุ่นต่อรุ่น (ไม่อยากเรียกเด็กช่าง เดี๋ยวไม่ใช่สังกัด จะถือว่าไปหมิ่นกัน)
และเพื่อนเราฝากมาว่า เวลารปภ.ขอตรวจกระเป๋าก็ขอความร่วมมือกันด้วย เสียเวลานิดเดียว เพื่อความปลอดภัยของทุกคนนั่นแหละ
จริงๆ แล้วตัวเราก็อยากไปแจ้งความเอาผิด แต่ด้วยน้องเราไปต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์ กลับมาไปแจ้งความขอดูกล้อง มันก็ตั้งอาทิตย์นึงละ
บวกกับน้องๆ มันก็ไม่อยากมีประเด็น กลัวว่าจะเด็ดจะจำหน้าได้ พาพวกมาดักจักจี๋จนหายใจไม่ทันทำยังไง
(แจ้งหมิ่นดีมั้ยละ มันด่าน้องว่าไอ้ตี๋ เหยียดอ่อออ ห๊ะ?! ผิวเหลืองแล้วไง ไอ้คนผีทะเล เดี๋ยวจับไปตรวจฮีโมโกลบิน ไทยแท้หรอ ตาบ้า)
เราก็คิดอยู่ว่า หรือถ้าไปแจ้งความเอาผิดแพ่งขอค่าทำขวัญค่าเสียหายอาจจะเรียกได้เยอะ
พ่อแม่น้องจะเด็ดพวกนี้น่าจะรวยใช่เล่น คงเป็นกลุ่มเศรษฐีที่หาเงินมาได้ง่ายๆ นอนอยู่บ้านเฉยๆ ปั่นหุ้นโปรยเงินให้ลูกใช้ได้สบาย
น้องเลยโนสนว่า ความประพฤติที่ไร้ค่าของน้องแบบนี้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน น้องจึงไม่ต้องสนใจเรื่องเรียนอีกต่อไป เรื่องจะทำงานหาเลี้ยงพ่อแม่ในอนาคตคือตัดทิ้งได้เลย เพราะพ่อแม่สบายมากแล้ว จึงสำคัญเอาแต่เรื่องประกาศศักดาของ "สถาบัน" ที่ฟูมฟักพวกน้องขึ้นมา
ประชาชนทุกคนเค้าชื่นชมกับความกล้าหาญ ของเด็กในสถาบันน้องแล้วตอนนี้ อนาคตน้องสบายแน่นอน เวลาหางานทำอย่าลืมเอาชื่อสถาบันไปเบ่งกันด้วยละ รับรอง ซิลิคอนวัลเลย์ยังกรูกันเข้ามารับตัวแทบไม่ทัน
---------------
แก้ไข้เน้อ*****
น้องผู้ก่อเหตุอ้างชื่อสถาบันขึ้นมา อาจจะจริงหรือไม่ก็ได้
จึงขอเอาชื่อสถาบันในส่วนอื่นออก (นอกจากสิ่งที่น้องผู้ก่อเหตุพูดไว้ เพราะเป็นข้อเท็จจริง)
แต่ยังพิสูจน์ไม่ได่ว่า น้องเป็นนักเรียนของสังกัดนั้นจริงมั้ย และ ชื่อนั้นหมายถึงได้ทั้งสองสถาบัน
ความบราซิล ถูกวัยรุ่นเอามีดชี้หน้าขู่บนบีทีเอส T-T
บอกเลยว่าบนบีทีเอสก็อาจจะไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าบนรถเมล์ (เพราะมักจะมีข่าวเด็กช่างยกพวกขึ้นไปตีกันบ่อยๆ นั่นแล)
อยากให้ระวังตัวเองเป็นดีที่สุด ความบราซิลมันอยู่กับเราทุกที่นั่นแหละ อยู่ประเทศกำลังพัฒนาแบบนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง อ่อนแอก็แพ้ไปนะเออ
เรื่องคือวันนั้นน้องสาวกับน้องชายเราขึ้นเราไฟฟ้าจากสถานีบางจาก เพื่อไปลงสถานีอโศก เวลาประมาณ 5-6โมงเย็นของวันอาทิตย์
น้องสองคนก็นั่งคุยอะไรกันไปเรื่อย และสังเกตเห็นวัยรุ่นผู้ชายใส่เสื้อช็อปสีกรมขึ้นมาคนเดียว (บนขบวนคนค่อนข้างน้อย)
สักพัก น้องจะเด็ดก็มายืนตรงหน้าน้องเราที่นั่งคุยกันอยู่ (ขอเรียกน้องเสื้อช็อปว่าจะเด็ด เดาว่าน่าจะต้องไปรบถึงสิบทิศ น้องจึงต้องพกมีดติดตัวตลอดเวลา)
ความวัยรุ่นของน้องเรา มันก็ไม่ได้สนใจอะไร เม้ามอยกันตามประสา และเหมือนได้ยินน้องจะเด็ดพูดอะไรพึมพำ แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะนึกว่าคุยโทรศัพท์
จนกระทั่งเลือดนักรบของน้องจะเด็ดพลุ่งพล่านขึ้นมา ล้วงมีดพกออกมาจากกระเป๋าแล้วยกมาชี้หน้าน้องชายเรา บนบีทีเอส ณ กลางกรุงเทพ (กรุงเทพที่ชีวีตดีๆที่ลงตัวนั่นแหละ) แล้วเอ่ยวาจาดั่งนักรบออกมาข่มขวัญศัตรูอย่างน้องชายเราว่า
"คุยอะไรกันนักหนาวะไอ้ตี๋ กูรำคาญ พูด here อะไรกันอยู่ได้ เสียงดังกันนักอ่อ ห้ะ!?"
"จัมวรั้ยย กูเด็กพะคอนเหนืออ จัมวรั้ยยย"
แล้วจะเด็ดก็พลันควบม้าหนีออกไปช่วงระหว่างสถานี ทองหล่อ-พร้อมพงษ์ (น้องตกใจเลยจำสถานีที่แน่นอนไม่ได้ แต่ดูทรงแล้วจะเด็ดเลือกจะประกาศแสนยานุภาพในช่วงที่ใกล้ถึงจุดหมาย เพราะจะได้กรีฑาทัพหนีออกไปตีทิศที่สิบเอ็ดต่อโดยเร็ว)
เมื่อถึงสถานีปลายทาง น้องเราสองคนก็ยังคงเหวอกิน ไม่ได้ไปแจ้งรปภ.บีทีเอสแต่อย่างใด น้องรีบพุ่งตัวกลับบ้านทันที และไลน์มาหาเรา
เราติดต่อไปหาเพื่อนที่ทำงานในบีทีเอส เค้าก็ว่าให้ไปแจ้งความก่อน แล้วเอาใบแจ้งความมาขอดูกล้องได้เลย (เพิ่งรู้ว่าในขบวนรถไฟ ไม่มีกล้อง ขอดูได้เฉพาะกล้องในสถานี) เพื่อนเราก็บอกว่า รปภ.ยึดอาวุธจากพวกน้องๆ เลือดนักรบได้บ่อยมาก ก็คงเป็นลูกหลานเจงกิสข่านแหละเนาะ ที่ข้ามมาจากเทือกเขาอัลไต ส่งต่อสัญชาตฐาณนักรบกันรุ่นต่อรุ่น (ไม่อยากเรียกเด็กช่าง เดี๋ยวไม่ใช่สังกัด จะถือว่าไปหมิ่นกัน)
และเพื่อนเราฝากมาว่า เวลารปภ.ขอตรวจกระเป๋าก็ขอความร่วมมือกันด้วย เสียเวลานิดเดียว เพื่อความปลอดภัยของทุกคนนั่นแหละ
จริงๆ แล้วตัวเราก็อยากไปแจ้งความเอาผิด แต่ด้วยน้องเราไปต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์ กลับมาไปแจ้งความขอดูกล้อง มันก็ตั้งอาทิตย์นึงละ
บวกกับน้องๆ มันก็ไม่อยากมีประเด็น กลัวว่าจะเด็ดจะจำหน้าได้ พาพวกมาดักจักจี๋จนหายใจไม่ทันทำยังไง
(แจ้งหมิ่นดีมั้ยละ มันด่าน้องว่าไอ้ตี๋ เหยียดอ่อออ ห๊ะ?! ผิวเหลืองแล้วไง ไอ้คนผีทะเล เดี๋ยวจับไปตรวจฮีโมโกลบิน ไทยแท้หรอ ตาบ้า)
เราก็คิดอยู่ว่า หรือถ้าไปแจ้งความเอาผิดแพ่งขอค่าทำขวัญค่าเสียหายอาจจะเรียกได้เยอะ
พ่อแม่น้องจะเด็ดพวกนี้น่าจะรวยใช่เล่น คงเป็นกลุ่มเศรษฐีที่หาเงินมาได้ง่ายๆ นอนอยู่บ้านเฉยๆ ปั่นหุ้นโปรยเงินให้ลูกใช้ได้สบาย
น้องเลยโนสนว่า ความประพฤติที่ไร้ค่าของน้องแบบนี้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน น้องจึงไม่ต้องสนใจเรื่องเรียนอีกต่อไป เรื่องจะทำงานหาเลี้ยงพ่อแม่ในอนาคตคือตัดทิ้งได้เลย เพราะพ่อแม่สบายมากแล้ว จึงสำคัญเอาแต่เรื่องประกาศศักดาของ "สถาบัน" ที่ฟูมฟักพวกน้องขึ้นมา
ประชาชนทุกคนเค้าชื่นชมกับความกล้าหาญ ของเด็กในสถาบันน้องแล้วตอนนี้ อนาคตน้องสบายแน่นอน เวลาหางานทำอย่าลืมเอาชื่อสถาบันไปเบ่งกันด้วยละ รับรอง ซิลิคอนวัลเลย์ยังกรูกันเข้ามารับตัวแทบไม่ทัน
---------------
น้องผู้ก่อเหตุอ้างชื่อสถาบันขึ้นมา อาจจะจริงหรือไม่ก็ได้
จึงขอเอาชื่อสถาบันในส่วนอื่นออก (นอกจากสิ่งที่น้องผู้ก่อเหตุพูดไว้ เพราะเป็นข้อเท็จจริง)
แต่ยังพิสูจน์ไม่ได่ว่า น้องเป็นนักเรียนของสังกัดนั้นจริงมั้ย และ ชื่อนั้นหมายถึงได้ทั้งสองสถาบัน