ตอนนี้เราอยู่ในช่วงทดลองงานที่ใหม่ เป็นหน่วยงานของรัฐแห่งแรกเลยที่เราได้เข้าไปทำงาน ก่อนหน้านี้อยู่บริษัทเอกชนมาตลอด (และก็อยู่มาหลายบริษัท)
เรารู้สึกภูมิใจตัวเองที่ได้งานอันล่าสุด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นที่ๆเข้ายาก และก็มีชื่อเสียงมาก การที่เราเข้าไปได้มันเป็นเพราะโชคช่วยครึ่งนึงเลย
เราไปทำงานสายตั้งแต่วันแรกๆเลย(สายแบบไม่ตั้งใจ) แต่รุ่นพี่ที่เราต้องทำงานด้วยไม่ตำหนิอะไรเราสักอย่าง(เราเองก็โทรบอกเขาก่อนเหมือนกันว่าจะไปสาย) งานที่ต้องทำ ก็เป็นงานสบายๆ ไม่ยากซับซ้อน(อาจเพราะเพิ่งเข้าไปทำ) รุ่นพี่ที่เราทำงานด้วยก็ใจดี ใจเย็น เป็นกันเอง ไม่กดดันเรา
หัวหน้าก็ใจดี เขาบอกว่าเขาเป็นคนดุ แต่เวลาเขาคุยกับเรา เขาคุยดีและเป็นกันเองจนเราสงสัยว่าเขาดุตรงไหน แถมเขายังบอกเราอีกว่าขอให้เราทำตัวตามสบาย และขอให้เราทำงานอยู่กับเขาไปนานๆ เขาเชื่อในความสามารถของเรา(แทบไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเรามาก่อน) แถมเขายังแสดงความเป็นห่วงเราด้วย เพราะเราอยู่หอพักคนเดียว พ่อแม่อยู่ไกล ญาติก็อยู่ค่อนข้างไกล
เราอายุน้อยสุดในแผนก(อีกแล้ว ขนาดเลยวัยเบญจเพสมาแล้วนะ) พวกรุ่นพี่ก็ใจดี นิสัยตลกๆ พูดเก่ง (เราพูดไม่เก่ง ส่วนใหญ่จะยิ้มและหัวเราะไปตามเขามากกว่า) ชวนเราไปกินข้าวตอนเที่ยงด้วย บางทีเราก็ไปกินคนเดียว แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เวลาเขาซื้อขนมมา เขาก็แบ่งให้เราด้วย เวลาเขามีสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่ไม่ใช้แล้ว เขาก็เอามาให้เรา แถมบอกอีกว่าหอพักเราอยู่ไกล(เราอยู่หอ) ค่าเช่าก็แพง ค่าเดินทางก็แพง เดี๋ยวเขาจะช่วยหาหอพักใกล้ๆที่ทำงานให้(จริงๆเราก็ไม่ลำบากหรอก แต่ถ้าได้หอใหม่ที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยให้ประหยัดเงินค่าเดินทางได้ มันก็ดี)
____________________
ก็ประมาณนี้แหละ สภาพแวดล้อมการทำงานแบบนี้มันทำให้เรามีความสุข แต่เราก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปนานๆ เรากลัวว่ามันจะเป็นแบบนี้แค่ช่วงแรกๆ เหมือนกับตอนเราทำงานที่ก่อนๆหน้านี้ เราเคยทำงานในหน่วยงานเอกชนมาตลอด ตอนเข้าไปทำแรกๆ อะไรๆก็ดีไปหมด แต่พอเวลาผ่านไปสักพักกลับเลวร้ายลงทุกทีๆ คนที่เคยใจดีก็เปลี่ยนเป็นใจร้าย เราเองก็เปลี่ยนไปด้วยเพราะรู้สึกเข้ากับพวกเขาไม่ได้ แถมงานก็ยิ่งเยอะและยิ่งยากขึ้นๆ (งานเยอะขึ้นยากขึ้นน่ะไม่เท่าไหร่ มันเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือมีเวลาให้ทำน้อย และรุ่นพี่ก็คาดหวังงานเราสูง คอยเร่งคอยบ่นตลอด เราเองก็พยายามแล้ว แต่เราทำงานมากๆ ยากๆ ภายในเวลาน้อยๆ ไม่ค่อยเป็นหรอก ขนาดเราทำอะไรไม่ตรงกับสไตล์เขา เขาก็บ่นเราแล้ว ยิ่งกว่าพ่อแม่อีก งานแบบนี้ไม่เหมาะกับเราเลย )
บางที่มีการทำงานเป็นทีม ซึ่งก็ไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่ เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เพื่อนร่วมงานต่างก็คุยเก่ง พวกเขาและเจ้านายคาดหวังให้เราเป็นคนพูดเก่ง อัธยาศัยดี อยากให้รู้จักทุกคนในบริษัท (คนในบริษัทมีเป็นร้อย และใช่ว่าเราจะต้องประสานงานกับทุกคนสักหน่อย ==) และพอเราทำไม่ได้ เวลามีการประเมินผลการทำงานพนักงาน เราก็ได้คะแนนด้านมนุษยสัมพันธ์และความร่วมมือต่ำมาก (ทั้งที่เวลาเขามีจัดกิจกรรมอะไร เราก็ให้ความร่วมมือตลอด เพียงแต่เราเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่านั้น) เพื่อนร่วมงานบางคนก็พูดจาไม่ค่อยดีกับเรา เพราะเห็นเราไม่เถียงไม่ตอบโต้ แบบนี้สร้างความกดดันให้เรามาก (จริงๆเราเถียงเก่งจะตาย เราเชื่อว่าถ้าเราเถียง เขาต้องเงียบแน่ แต่เราไม่อยากเถียง เพราะไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง)
บางที่ให้พนักงานเขียนไทม์ชีทอีก ว่าแต่ละวัน ภายใน 8 ชม. เราได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งหลายครั้งเราต้องเขียนแบบโกหก เพราะเนเจอร์ของงานเราคือ ไม่ได้มีงานทุกวัน ถ้าวันไหนมีงานก็จะโอเวอร์โหลดจนแทบลืมหายใจ ต้องทำจนเลยเวลาเลิกงาน โอทีก็ไม่มี แต่บางช่วงก็ว่างสนิทเลย แต่เราต้องเขียนเฟคเอาว่ามีงานทำ เพราะเขาไม่ให้เขียนว่าว่างงาน เล่นเฟส ดูยูทูป ฯลฯ พอเขียนเสร็จก็ต้องให้รุ่นพี่ที่คุมงานเราตรวจอีก เขาก็รู้สิว่าเราโกหก แล้วเขาก็จะมาบ่นเราอีก (ทั้งที่ใครๆเขาก็ทำแบบเราทั้งนั้น แม้แต่ตัวคนบ่นเองก็เถอะ) บางทีรุ่นพี่เห็นเราว่าง ก็จะบ่นว่าทำไมเราไม่ไปขอช่วยงานคนอื่น คนอื่นเขายุ่งกัน (เราคิดในใจว่า แล้วตอนเรางานยุ่งไม่เห็นมีใครมาช่วย งานมันคนละส่วนกัน ถ้าเราไปช่วย เขาก็ต้องสอนเราอีกว่าทำยังไง มันไม่ใช่งานง่ายๆสักหน่อย แถมคนอื่นเขาก็ไม่ได้ขอให้เราช่วยด้วย) และสุดท้ายเราก็ต้องลาออกเพราะทนเครียดไม่ไหว แถมเป็นโรคซึมเศร้าอีก
เราจึงรู้สึกขยาด และไม่อยากให้ที่ทำงานปัจจุบันเป็นเหมือนที่ทำงานก่อนๆ ไม่งั้นเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้แค่ไหน ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแล้ว เพราะมันซ้ำรอยมาหลายครั้งแล้ว
เพิ่งทำงานใหม่ได้ไม่กี่วัน รู้สึกว่าที่ทำงานใหม่โคตรดี แต่กลัวว่ามันจะดีได้ไม่ตลอด
เรารู้สึกภูมิใจตัวเองที่ได้งานอันล่าสุด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นที่ๆเข้ายาก และก็มีชื่อเสียงมาก การที่เราเข้าไปได้มันเป็นเพราะโชคช่วยครึ่งนึงเลย
เราไปทำงานสายตั้งแต่วันแรกๆเลย(สายแบบไม่ตั้งใจ) แต่รุ่นพี่ที่เราต้องทำงานด้วยไม่ตำหนิอะไรเราสักอย่าง(เราเองก็โทรบอกเขาก่อนเหมือนกันว่าจะไปสาย) งานที่ต้องทำ ก็เป็นงานสบายๆ ไม่ยากซับซ้อน(อาจเพราะเพิ่งเข้าไปทำ) รุ่นพี่ที่เราทำงานด้วยก็ใจดี ใจเย็น เป็นกันเอง ไม่กดดันเรา
หัวหน้าก็ใจดี เขาบอกว่าเขาเป็นคนดุ แต่เวลาเขาคุยกับเรา เขาคุยดีและเป็นกันเองจนเราสงสัยว่าเขาดุตรงไหน แถมเขายังบอกเราอีกว่าขอให้เราทำตัวตามสบาย และขอให้เราทำงานอยู่กับเขาไปนานๆ เขาเชื่อในความสามารถของเรา(แทบไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเรามาก่อน) แถมเขายังแสดงความเป็นห่วงเราด้วย เพราะเราอยู่หอพักคนเดียว พ่อแม่อยู่ไกล ญาติก็อยู่ค่อนข้างไกล
เราอายุน้อยสุดในแผนก(อีกแล้ว ขนาดเลยวัยเบญจเพสมาแล้วนะ) พวกรุ่นพี่ก็ใจดี นิสัยตลกๆ พูดเก่ง (เราพูดไม่เก่ง ส่วนใหญ่จะยิ้มและหัวเราะไปตามเขามากกว่า) ชวนเราไปกินข้าวตอนเที่ยงด้วย บางทีเราก็ไปกินคนเดียว แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เวลาเขาซื้อขนมมา เขาก็แบ่งให้เราด้วย เวลาเขามีสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่ไม่ใช้แล้ว เขาก็เอามาให้เรา แถมบอกอีกว่าหอพักเราอยู่ไกล(เราอยู่หอ) ค่าเช่าก็แพง ค่าเดินทางก็แพง เดี๋ยวเขาจะช่วยหาหอพักใกล้ๆที่ทำงานให้(จริงๆเราก็ไม่ลำบากหรอก แต่ถ้าได้หอใหม่ที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยให้ประหยัดเงินค่าเดินทางได้ มันก็ดี)
____________________
ก็ประมาณนี้แหละ สภาพแวดล้อมการทำงานแบบนี้มันทำให้เรามีความสุข แต่เราก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปนานๆ เรากลัวว่ามันจะเป็นแบบนี้แค่ช่วงแรกๆ เหมือนกับตอนเราทำงานที่ก่อนๆหน้านี้ เราเคยทำงานในหน่วยงานเอกชนมาตลอด ตอนเข้าไปทำแรกๆ อะไรๆก็ดีไปหมด แต่พอเวลาผ่านไปสักพักกลับเลวร้ายลงทุกทีๆ คนที่เคยใจดีก็เปลี่ยนเป็นใจร้าย เราเองก็เปลี่ยนไปด้วยเพราะรู้สึกเข้ากับพวกเขาไม่ได้ แถมงานก็ยิ่งเยอะและยิ่งยากขึ้นๆ (งานเยอะขึ้นยากขึ้นน่ะไม่เท่าไหร่ มันเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือมีเวลาให้ทำน้อย และรุ่นพี่ก็คาดหวังงานเราสูง คอยเร่งคอยบ่นตลอด เราเองก็พยายามแล้ว แต่เราทำงานมากๆ ยากๆ ภายในเวลาน้อยๆ ไม่ค่อยเป็นหรอก ขนาดเราทำอะไรไม่ตรงกับสไตล์เขา เขาก็บ่นเราแล้ว ยิ่งกว่าพ่อแม่อีก งานแบบนี้ไม่เหมาะกับเราเลย )
บางที่มีการทำงานเป็นทีม ซึ่งก็ไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่ เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เพื่อนร่วมงานต่างก็คุยเก่ง พวกเขาและเจ้านายคาดหวังให้เราเป็นคนพูดเก่ง อัธยาศัยดี อยากให้รู้จักทุกคนในบริษัท (คนในบริษัทมีเป็นร้อย และใช่ว่าเราจะต้องประสานงานกับทุกคนสักหน่อย ==) และพอเราทำไม่ได้ เวลามีการประเมินผลการทำงานพนักงาน เราก็ได้คะแนนด้านมนุษยสัมพันธ์และความร่วมมือต่ำมาก (ทั้งที่เวลาเขามีจัดกิจกรรมอะไร เราก็ให้ความร่วมมือตลอด เพียงแต่เราเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่านั้น) เพื่อนร่วมงานบางคนก็พูดจาไม่ค่อยดีกับเรา เพราะเห็นเราไม่เถียงไม่ตอบโต้ แบบนี้สร้างความกดดันให้เรามาก (จริงๆเราเถียงเก่งจะตาย เราเชื่อว่าถ้าเราเถียง เขาต้องเงียบแน่ แต่เราไม่อยากเถียง เพราะไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง)
บางที่ให้พนักงานเขียนไทม์ชีทอีก ว่าแต่ละวัน ภายใน 8 ชม. เราได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งหลายครั้งเราต้องเขียนแบบโกหก เพราะเนเจอร์ของงานเราคือ ไม่ได้มีงานทุกวัน ถ้าวันไหนมีงานก็จะโอเวอร์โหลดจนแทบลืมหายใจ ต้องทำจนเลยเวลาเลิกงาน โอทีก็ไม่มี แต่บางช่วงก็ว่างสนิทเลย แต่เราต้องเขียนเฟคเอาว่ามีงานทำ เพราะเขาไม่ให้เขียนว่าว่างงาน เล่นเฟส ดูยูทูป ฯลฯ พอเขียนเสร็จก็ต้องให้รุ่นพี่ที่คุมงานเราตรวจอีก เขาก็รู้สิว่าเราโกหก แล้วเขาก็จะมาบ่นเราอีก (ทั้งที่ใครๆเขาก็ทำแบบเราทั้งนั้น แม้แต่ตัวคนบ่นเองก็เถอะ) บางทีรุ่นพี่เห็นเราว่าง ก็จะบ่นว่าทำไมเราไม่ไปขอช่วยงานคนอื่น คนอื่นเขายุ่งกัน (เราคิดในใจว่า แล้วตอนเรางานยุ่งไม่เห็นมีใครมาช่วย งานมันคนละส่วนกัน ถ้าเราไปช่วย เขาก็ต้องสอนเราอีกว่าทำยังไง มันไม่ใช่งานง่ายๆสักหน่อย แถมคนอื่นเขาก็ไม่ได้ขอให้เราช่วยด้วย) และสุดท้ายเราก็ต้องลาออกเพราะทนเครียดไม่ไหว แถมเป็นโรคซึมเศร้าอีก
เราจึงรู้สึกขยาด และไม่อยากให้ที่ทำงานปัจจุบันเป็นเหมือนที่ทำงานก่อนๆ ไม่งั้นเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้แค่ไหน ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแล้ว เพราะมันซ้ำรอยมาหลายครั้งแล้ว