12 Aug - 14 Aug 2017
ไม่รู้จะเรียกมันว่า ความเจ็บปวดที่สวยงามได้รึป่าว หรือความทรงจำ หรืออะไรดี แต่มันก็ประมานนั้นแร่ะค่ะ
หลายครั้งที่ต้องเจ็บปวดกับร่องรอยของสิ่งที่เราเรียกมันว่าความรัก. แต่ครั้งนี้มันก็จะเเปลกหน่อยแปลกตรงที่เรามีช่วงเวลาที่สั้นๆที่เราใช้ร่วมกัน มันสั้นเกินกว่าที่จะเรียกมันว่า ความรัก
เรื่องราวของเรามันเกิดจาก tinder ซึ่งไม่แปลกที่วัยรุ่นสมัยนี้จะรู้จักแอพพิเคชั่นนี้. มีนัดคุยนัดเจอบ้างกินข้าวหรือพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ. แต่สำหรับครั้งนี้มันก็จะไม่ปกติหน่อยตรงที่เราตัดสินใจไปทะเลกับคนแปลกหน้าตั้งสามวัน 55 อาจจะด้วยความเหงาของของเราเองที่อยากจะหนีออกจากรุงเทพ ไปเข้าป่าเข้าเขา เจอน้ำเจอาอากาศดีดี แต่เพื่อนก็ดันไม่ว่างตรงกันซักที . เราคุยกันได้ซักพัก เค้าเป็นฝรั่งนะลืมบอก อยู่ประเทศ ออสเตรีย เป็นผู้ชายที่ถือว่าหน้าตาดีเลยแร่ะ เราว่าหน้าตาเค้าคล้ายแฮรี่พอตเตอร์555. การศึกษาดี เป็นนักศึกษาปริญญาโท และเปนคนที่ positive thinking มาก ดูจากโปรไฟล์รวมๆผ่านเฟสบุค อินสตราแกรม ก็ถือว่าโอเคเลยแร่ะ ดูเปนผู้ชายมีความรู้และหน้าตาดี55555
หลังจากที่เราคุยกันผ่านทินเดอแค่ไม่กี่ประโยค เค้าก็ขอแอด whatapp ซึ่งตอนนั้น เราไม่มี whatapp ด้วยซ้ำ แต่เราก็รีบจัดการโหลดเพราะอยากคุยกับเค้า และมีเพียงเค้าแอคเค้าเดียวในนั้น จากที่เราคุยกันซักพัก เค้าพูดไม่เข้าหูเราอะไรซักอย่าง เราเลยไม่คุยกับเค้าอีกเลยน่าจะปะมานเกิน7วัน เพราะเราก็คิดแค่ว่า พูดไม่เข้าหูเลิกคุย คือไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่มันแปลกตรงที่เค้ายังคง ทักมาทุกวัน วันละหลายๆข้อความเพื่อที่จะอธิบาย ว่าเค้าไม่ได้หมายความแบบนั้น จนเราคิดว่า เอาล่ะ คงอยากคุยกับกูจิงๆ เลยตัดสินใจตอบไปด้วย อิโมจิโง่ๆอันนึง และหลังจากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ เราก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ตอนนั้นเค้าอยู่ที่ ลาว และมีแพลนจะมาไทยในเร็วๆนี้ แต่ในตอนนั้นเราไม่ได้อะไรกับเค้าเลย แต่ก็รู้สึกได้ว่าเค้าตอบไวมาก แต่เราแบบวันนึงค่อยตอบที 555
ตอนแรกเค้ามีแพลนจะมากรุงเทพวันที่ 14 แต่เลื่อนไฟล์ให้เร็วขึ้น. เพราะเราดันไปพูดชวนเค้าเล่นๆว่าไปทะเลกันมั้ย เรามีวันหยุดยาวในช่วงวันที่ 12-14 พอดี แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะเอาจิง จนเค้าบอกเราว่า เค้าเลื่อนไฟล์จาก 14 มาเปน 11 เรียบร้อยแล้ว ยังคิดในใจ ตายแล้วกูจะทำยังไง ไปทะเลกับคนแปลกหน้าสองคนเนี่ยนะ ใจนึงก็คิดเอ้ะ กูหรือจะเทวะ555 แต่อีกใจก็คิด อืมมดีเหมือนกันอยากไปเที่ยวอยู่พอดี ถือซะว่ามีเพื่อนไปก็ดี อืมมมมก็ดี พยามที่จะ คิดบวกให้มากที่สุดด. 5555 หลังจากนั้นก็เริ่มเชคโปรไฟล์เค้าจ้าาา จาก facebook บ้าง instargrarm บ้าง จากที่เพื่อนแทกมา เชคเพื่อนบ้ง คือค้นเยอะมาก จนเอาล่ะ ไปก็ไปป หลังจากนั้นก็ไปสิคะะะะะ.
เค้ามาถึงกรุงเทพคืนวันที่ 11 และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน. เราเจอเค้าครั้งแรกเรายังรู้สึกตลกเค้าอยู่เลย ด้วยความ backpacker ก็จะอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด ดูพะลุงพะลังมาก ลุคฟันนี่จัด แต่วันนั้นเราแต่งตัวซะสวย 5555 เค้าเจอเราคำแรกที่ ทัก nice to meet you. amazing to see you 55555 จ้าาาา ชัวสิกูแต่งเต็มขนาดนั้น แต่วันนั้นเราจะออกไปทานข้าวกันแล้วก็ไปเจอเพื่อนเราด้วย ประมานว่า ให้เพื่อนช่วยเชค อีกทาง แต่สรุปวันนั้นเพื่อนก็เมาจ้าาา ต้องหอบเพื่อนกลับ สรุปคืนนั้นนั้นอยู่ด้วยกันสี่คน เพื่อนเราสอง เรา แล้ว แฮรรี่ของเรา ของเรียก นางว่า แฮรรี่ละกัน แบบหน้าเหมือแฮรี่พอตเตอมาก 55
เช้าวันต่อมาเราก็ไปทะเลด้วยความเบลอ เพราะนอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง เมารถ เมาเรือ ทุลักทุเลมากกว่าจะถึงที่หมาย ไปถึงคืนแรกก็หาไรกินปกติ เพราะหมดแรงจะไปไหนละ
หลังจากที่เราได้คุยกันและได้ทำความรู้จักเค้ามากขึ้น เราก็เริ่มรู้สึกโอเคละ ไม่ระแวงนางละ อาจจะดูไว้ใจคนง่ายย แต่ก็เนอะ ระแวงมากไปก็จะเปนบ้าาา ไหนๆก็มาเที่ยวละ เอนจอยที่กว่า
แต่เชื่อมั้ยว่าก่อนไปทะเลกับเค้า เราก็คิดเอาไว้แล้วว่า มีเพื่อนไปเที่ยวแค่นั้น. จะไม่คิดอะไร เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังคิดเลยว่า ถ้าคนเราถอดหัวใจกับความรู้สึกไว้กรุงเทพ. แล้วไปแต่ตัวได้คงดี กลับมาคงไม่ต้องรู้สึกอะไร แค่แยกย้ายกันไป. แต่เอาจิงๆเราก็แค่มนุษคนนึง มันทำได้หรอวะ และแล้วก็ทำไม่ได้จิงๆ555 แต่ก่อนจะไปคิดไว้แล้วว่าจะไม่อะไร ไม่รู้สึกอะไร จนรู้ตัวอีกทีคืนก่อนที่เราจะกลับจากทะเล เราบอกเค้าว่าอยากว่ายน้ำ แต่เราว่ายน้ำไม่เป็น55 เค้าจึงอาสาสอนเรา ตอนนั้นน่าจะประมานสี่ทุ่มได้มั้ง. และตอนนี้แร่ะที่ทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ทันแล้วที่เราจะห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรกับเค้า เราสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของเค้า สายตา และคำพูดที่อ่อนโยน มันแปลกตรงที่ทำไมมันทำให้เรารู้สึกปลอดภัย อบอุ่น เอ้ะ หรือหลง หรือชอบ อะไรก็แล้วแต่มันไม่ทันละ .
ในสระเค้าอุ้มเราเพื่อสอนว่ายน้ำ และจะให้เราลอยเอง แต่เรากลัวมาก เพราะเราว่ายน้ำไม่เป็น เค้าพูดเบาๆพร้อมกับสายตาที่อ่อนโยน ว่า believe me believe me, i m here ชอตนี้รู้เลยกูไม่รอด มันทำให้เรารู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก หลังจากว่ายน้ำเสดเราไปนั่งที่ริมสระ แล้วก็พูดคุยกันไปเรื่อยเรื่องทั่วๆไป เรื่องครอบครัว เรื่องเป้าหมายในชีวิตบ้าง จนวนมาเรื่องที่เค้าจะกลับ เราจุก !!! หันหลังให้เค้าแล้วแกล้งเดินไปหยิบแก้วน้ำที่อยู่ข้างหลังทันที แต่ตอนนั้นเอาจิงๆหันกลับไปร้องไห้ มันจุก มันร้องขึ้นมาเอง มันไม่รู้ว่าทำไมถึงร้อง ทำไมกูต้องร้อง เราก็ยัง งง
แต่ก็ยังฝืนไม่อยากให้เค้ารู้ กลัวบรรยากาศมันจะเสีย อีกอย่างเผื่อเค้าไม่ได้อะไรกับเราเลย เค้าอาจจะคิดว่าเราชอบเค้าง่ายไปมั้ย แต่มันออกมาจากความรู้สึกจิงๆ เราไม่ได้อยากจะร้องไห้เลย แต่ตอนนั้นมันฝืนไม่อยู่แล้ว
เราก็หันกลับมาหาเค้าเห็นเค้าหันหลังอยู่ เราเลยเอาแก้มไปซบตรงที่หลังเค้า แล้วก็แอบร้องไห้อีก ตอนนั้นเค้าคงยังไม่รู้ว่าเราร้องไห้อยู่ เพราะตัวเราเปียกทั้งสอง คงคิดว่าน้ำตามันเป็นแค่น้ำจากสระว่ายน้ำ แล้วเค้าก็พูดของเค้าไป ยิ่งเค้าพูดเราก็ยิ่งร้องไห้ จนคราวนี้เค้าจับได้แล้วว่าเราร้องไห้ เค้าถามว่า เป็นอะไร บอกเค้า พร้อมกับสายตาที่มองมา แบบจิงจัง จนเราก็ไม่ตอบ แล้วเค้าก็พูดว่าเป็นเพราะเค้าจะกลับบ้านแล้วใช่มั้ย ? แล้วก็พูดต่อว่า “เรารู้ใช่มั้ยว่าเค้าชอบเรา เค้าชอบเรามาก เราเปนผู้หญิงที่ดี อ่อนโยนเปนห่วงเปนใยเค้า เค้าสัมผัสมันได้ แต่เรารู้ใช่มั้ยว่าเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ทุกอย่างมันแตกต่างกันไปหมด เวลา ภาษา ทุกอย่างมันต่างกัน อย่ารอเค้ามันจะไม่แฟสำหรับเรา ถ้าเรารอเค้าเราจะไม่มีความสุข เราควรเอนจอยกับชีวิต อาจจะห้าปีสิบปีก็ไม่รู้ที่เค้าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีครั้ง หลังจากนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักว่าเดิม
จากตอนแรกที่เราคิดแค่ว่า จะไปเที่ยวสนุกๆ มันก็เริ่มไม่สนุกแล้ว เพราะตอนนั่งเรือกลับเราก็ร้องไห้หนักมาก แต่ก็แอบร้องเหมือนเดิม ไม่รู้สิ มันร้องเอง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นอะไร แต่ตอนนั้นใส่แว่นไว้แล้วก็ร้องไห้ผ่านแว่นนั่นแร่ะ แต่แว่นไม่ได้ช่วยปกปิดความเศร้าของเราได้เลย บรรยากาศมันอึมครึมไปหมด มันดูเศร้าไปหมด มองนก มองไม้ ยังร้องได้ บ้าาไปแล้ว แต่เราเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่อาจจะเกบความรู้สึกไม่เก่ง แค่อยากร้องมันก็ร้องเอง แต่เชื่อมั้ยว่าถึงเค้าจะไม่ร้อง แต่เรารับรู้ได้ว่า เค้ากำลังฝืนตัวเอง ฝืนตัวเองว่าเค้าเข้มแข็ง เพราะเค้าต้องอยู่กับความเปนจิง เค้าอธิบาย ทุกอย่างมันแตกต่างกันไปหมด เค้าอยู่นู้น เราอยู่นี่ มันเปนไปได้ยากมาก ที่เรื่องของเราจะเปนไปได้ เราเข้าใจทุกอย่าง เราเข้าใจทุกอย่างจิงๆ แต่เราบังคับความรูสึกที่ตอนแรกคิดว่าจะบังคับมันได้ แต่สุดท้ายเราไม่สามารถคอนโท มันได้เลย
จนวันที่จะกลับบนเรือ เค้าส่งข้อความมาหาเรา ทั้งๆที่นั่งหันหลังพิงกันอยู่บนเรือว่า (แปลเปนไทย)
: ทำไมเราถึงร้องไห้ เรารู้ใช่มั้ยว่าเราเจอกันแค่สามวัน เค้าชอบเรามาก แต่ชอบก็ต่างจากรัก เราจะทำวิธีไหน ลองบอกเค้ามา ที่จะทำให้เรา รู้จักกันและเรียนรู้กันได้มากกว่านี้ ในทุกๆอย่างมันต่างกันไปหมด ทุกอย่างมันเหมือนเค้าพยามยามจะห้ามใจตัวเค้าเอง แต่ทำไมเราทำไม่ได้เหมือนเค้า
: เราก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตอบไปว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราร้องไห้ และก็ขอโทษที่ทำให้บรรยากาศไม่ดี. และจำได้ว่าตอบไปว่า ใช่ เธอบอกว่าเธอชอบฉัน ฉันก็ชอบเธอ แล้วทำไมทุกอย่างมันจะเปนไปไม่ได้ ในเมื่อความรักมันก็เกิดจากความชอบ ถ้าเราไม่ชอบกันและกัน แล้วเราจะรักกันได้ยังไง เราไม่อยากพูดอะไรมากแล้วตอนนั้น เพราะมันจะเหมือนเถียงเพื่อที่จะให้เค้าเชื่อใน สิ่งที่เราเชื่อ. เชื่อว่าทุกอย่างมันเปนไปได้ แต่ก็จิงของเค้า เค้าอยู่กับความเปนจิง
จนกลับมาถึง กรุงเทพในวันต่อมา ทุกอย่างมันเหมือนจะดีขึ้น เราว่าเราดีขึ้นละ โอเค !!! เราคิดว่า นี่เปนช่วงเวลาที่ดีที่เราได้ใช้ร่วมกัน ถือเปนความทรงจำที่ดีนะ ไม่อยากทำให้มันดราม่า และบรรยากาศอึมครึมอีกรอบ
ตอนเช้าก่อนที่เค้าจะกลับแยกย้ายกันละ เราถึงกรุงเทพไปอาบน้ำแล้วก็ออกมาทานข้าวเช้าด้วยกัน มันคงเปนมื้อสุดท้าย เรารู้ ใต้รอยยิ้มของเราที่พยามชวนเค้าคุยเรื่องที่ชวนหัวเราะ เราไม่ดึงดราม่าละคราวนี้ เพราะอยากจากกันด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยมันก็เป็นเรืองราวดีดี ช่วงเวลาดีดีที่เรามีด้วยกัน เค้าไม่ได้ทำร้ายเรา ไม่ได้ให้คามหวังเรา เราพูดคุยกันด้วยความจิง และมองเหนสิ่งที่เปนไปได้ แต่เช้าวันที่จะจากกันนั้นแร่ะ ระหว่างทานข้าวมื้อสุดท้ายด้วยกัน เค้าก็พูดกับเราว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เราก็ขอบคุณเค้าเหมือนกัน เราบอกว่า ขอโทษนะ ที่เมื่อวานร้องไห้และทำให้บรรยากาศวันนั้นของเราไม่ดีเลย เค้าเข้าใจจ
ไม่ต้องขอโทษ และเค้าก็บอกว่า i will remember you พร้อมกับรอยยิ้ม แต่สายตานี่ปิดยังไงก็ไม่มิดละว่าเศร้า. ก่อนที่อูเบอจะมารับเค้าไป. เราเหมือนกำลังนับเวลาถอยหลังกัน ในใจภาวนา อยากให้รถติดหรืออูเบอหลงทางไปเลย แต่ในที่สุดอูเบอก็มาถูกจนได้.
เราคิดว่าตอนที่เราจะส่งเค้าขึ้นรถ เราคงจะไม่พูดอะไรมากละ เพราะไม่อยากให้สายตาที่เรามองเค้าครั้งสุดท้ายต้องมีน้ำตา ไม่อยากให้เปนสายตาที่เศร้า อย่างน้อยเราควรจากกันด้วยรอยยิ้ม. เพราะมันเปนเรื่องที่สวยงาม สำหรับเราเค้าคือความสวยงาม คือ best memmory คือช่วงเวลาที่แม้มันจะแสนสั้น แต่มันก็เกิดขึ้น และมันพิเศษแล้วสำหรับเรา. แต่เปนเค้าเองที่รอยยิ้มไม่สามารถปกปิดสายตาที่คลอด้วยน้ำตาได้เลย เค้ากอดเราไม่ยอมปล่อย หอมแก้มเราแล้วพูดว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง มันจะจดจำมัน มันพิเศษจิงๆสำหรับเค้า เราก็ขอบคุณเค้าเหมือนกัน แล้วบอกเค้าว่า เราหวังว่าซักวัน เราจะกลับมาพบกันใหม่
จนเค้าเดินขึ้นรถไป เรายังไม่ละสายตาจากเค้า เค้าลดกระจกลง แล้วมองเราด้วยสายตาที่เหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา แต่เราเองในวันนี้ที่พยายามเข้มแข็ง ยิ้มให้เค้าจนสุดสายตา แล้วเราก็เดินกลับมาที่ ร้านอาหารที่เราแยกกัน มานั่ง มันจุก มันร้องอีกแล้ว เรานั่งร้องไห้ที่ร้านทั้งวัน
ไม่รู้ว่าเรื่องราวของเราะเรียกว่าอะไร แต่สำหรับเรา เราว่าเค้าคือเรื่องราวที่ดีของเรา เปนเรื่องที่ทำให้นึกถึงก็ยิ้มได้ มันเปนเรื่องราวที่สวยงาม ที่ถึงแม้เราจะมีหรือไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีก มันอาจจะนานมาก อาจจะ 5 ปี 10 ปี หรือ20 ปี อย่างที่เค้าบอก เราจะพยายามทำตามที่เค้าขอ อย่ารอเค้า เพราะเค้าอยากให้เรามีความสุข เค้ารู้การรอคอยใครซักคนมันทรมาน ขอบคุณจิงๆ ที่อย่างน้อยได้มอบช่วงเวลที่น่าจดจำให้กับเรา และไม่ว่ามันจะผ่านไป อีกกี่สิบปี ถ้าเรามีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่ว่าเค้าจะมีแฟน หรืออาจจะมีครอบครัวไปแล้ว เราเชื่อว่าเราเราจะสามารถยิ้มให้กับเค้า จะยิ้มให้เรื่องราวที่สวยงามที่เราเคยมีร่วมกันอย่างแน่นอน ถึงแม้สุดท้ายเราสองคนจะกลายเป็นแค่เรื่องราวของกันและกันก็ตาม (:
3 วัน 2 คืน กับหนุ่ม backpacker
ไม่รู้จะเรียกมันว่า ความเจ็บปวดที่สวยงามได้รึป่าว หรือความทรงจำ หรืออะไรดี แต่มันก็ประมานนั้นแร่ะค่ะ
หลายครั้งที่ต้องเจ็บปวดกับร่องรอยของสิ่งที่เราเรียกมันว่าความรัก. แต่ครั้งนี้มันก็จะเเปลกหน่อยแปลกตรงที่เรามีช่วงเวลาที่สั้นๆที่เราใช้ร่วมกัน มันสั้นเกินกว่าที่จะเรียกมันว่า ความรัก
เรื่องราวของเรามันเกิดจาก tinder ซึ่งไม่แปลกที่วัยรุ่นสมัยนี้จะรู้จักแอพพิเคชั่นนี้. มีนัดคุยนัดเจอบ้างกินข้าวหรือพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ. แต่สำหรับครั้งนี้มันก็จะไม่ปกติหน่อยตรงที่เราตัดสินใจไปทะเลกับคนแปลกหน้าตั้งสามวัน 55 อาจจะด้วยความเหงาของของเราเองที่อยากจะหนีออกจากรุงเทพ ไปเข้าป่าเข้าเขา เจอน้ำเจอาอากาศดีดี แต่เพื่อนก็ดันไม่ว่างตรงกันซักที . เราคุยกันได้ซักพัก เค้าเป็นฝรั่งนะลืมบอก อยู่ประเทศ ออสเตรีย เป็นผู้ชายที่ถือว่าหน้าตาดีเลยแร่ะ เราว่าหน้าตาเค้าคล้ายแฮรี่พอตเตอร์555. การศึกษาดี เป็นนักศึกษาปริญญาโท และเปนคนที่ positive thinking มาก ดูจากโปรไฟล์รวมๆผ่านเฟสบุค อินสตราแกรม ก็ถือว่าโอเคเลยแร่ะ ดูเปนผู้ชายมีความรู้และหน้าตาดี55555
หลังจากที่เราคุยกันผ่านทินเดอแค่ไม่กี่ประโยค เค้าก็ขอแอด whatapp ซึ่งตอนนั้น เราไม่มี whatapp ด้วยซ้ำ แต่เราก็รีบจัดการโหลดเพราะอยากคุยกับเค้า และมีเพียงเค้าแอคเค้าเดียวในนั้น จากที่เราคุยกันซักพัก เค้าพูดไม่เข้าหูเราอะไรซักอย่าง เราเลยไม่คุยกับเค้าอีกเลยน่าจะปะมานเกิน7วัน เพราะเราก็คิดแค่ว่า พูดไม่เข้าหูเลิกคุย คือไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่มันแปลกตรงที่เค้ายังคง ทักมาทุกวัน วันละหลายๆข้อความเพื่อที่จะอธิบาย ว่าเค้าไม่ได้หมายความแบบนั้น จนเราคิดว่า เอาล่ะ คงอยากคุยกับกูจิงๆ เลยตัดสินใจตอบไปด้วย อิโมจิโง่ๆอันนึง และหลังจากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ เราก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ตอนนั้นเค้าอยู่ที่ ลาว และมีแพลนจะมาไทยในเร็วๆนี้ แต่ในตอนนั้นเราไม่ได้อะไรกับเค้าเลย แต่ก็รู้สึกได้ว่าเค้าตอบไวมาก แต่เราแบบวันนึงค่อยตอบที 555
ตอนแรกเค้ามีแพลนจะมากรุงเทพวันที่ 14 แต่เลื่อนไฟล์ให้เร็วขึ้น. เพราะเราดันไปพูดชวนเค้าเล่นๆว่าไปทะเลกันมั้ย เรามีวันหยุดยาวในช่วงวันที่ 12-14 พอดี แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะเอาจิง จนเค้าบอกเราว่า เค้าเลื่อนไฟล์จาก 14 มาเปน 11 เรียบร้อยแล้ว ยังคิดในใจ ตายแล้วกูจะทำยังไง ไปทะเลกับคนแปลกหน้าสองคนเนี่ยนะ ใจนึงก็คิดเอ้ะ กูหรือจะเทวะ555 แต่อีกใจก็คิด อืมมดีเหมือนกันอยากไปเที่ยวอยู่พอดี ถือซะว่ามีเพื่อนไปก็ดี อืมมมมก็ดี พยามที่จะ คิดบวกให้มากที่สุดด. 5555 หลังจากนั้นก็เริ่มเชคโปรไฟล์เค้าจ้าาา จาก facebook บ้าง instargrarm บ้าง จากที่เพื่อนแทกมา เชคเพื่อนบ้ง คือค้นเยอะมาก จนเอาล่ะ ไปก็ไปป หลังจากนั้นก็ไปสิคะะะะะ.
เค้ามาถึงกรุงเทพคืนวันที่ 11 และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน. เราเจอเค้าครั้งแรกเรายังรู้สึกตลกเค้าอยู่เลย ด้วยความ backpacker ก็จะอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด ดูพะลุงพะลังมาก ลุคฟันนี่จัด แต่วันนั้นเราแต่งตัวซะสวย 5555 เค้าเจอเราคำแรกที่ ทัก nice to meet you. amazing to see you 55555 จ้าาาา ชัวสิกูแต่งเต็มขนาดนั้น แต่วันนั้นเราจะออกไปทานข้าวกันแล้วก็ไปเจอเพื่อนเราด้วย ประมานว่า ให้เพื่อนช่วยเชค อีกทาง แต่สรุปวันนั้นเพื่อนก็เมาจ้าาา ต้องหอบเพื่อนกลับ สรุปคืนนั้นนั้นอยู่ด้วยกันสี่คน เพื่อนเราสอง เรา แล้ว แฮรรี่ของเรา ของเรียก นางว่า แฮรรี่ละกัน แบบหน้าเหมือแฮรี่พอตเตอมาก 55
เช้าวันต่อมาเราก็ไปทะเลด้วยความเบลอ เพราะนอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง เมารถ เมาเรือ ทุลักทุเลมากกว่าจะถึงที่หมาย ไปถึงคืนแรกก็หาไรกินปกติ เพราะหมดแรงจะไปไหนละ
หลังจากที่เราได้คุยกันและได้ทำความรู้จักเค้ามากขึ้น เราก็เริ่มรู้สึกโอเคละ ไม่ระแวงนางละ อาจจะดูไว้ใจคนง่ายย แต่ก็เนอะ ระแวงมากไปก็จะเปนบ้าาา ไหนๆก็มาเที่ยวละ เอนจอยที่กว่า
แต่เชื่อมั้ยว่าก่อนไปทะเลกับเค้า เราก็คิดเอาไว้แล้วว่า มีเพื่อนไปเที่ยวแค่นั้น. จะไม่คิดอะไร เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังคิดเลยว่า ถ้าคนเราถอดหัวใจกับความรู้สึกไว้กรุงเทพ. แล้วไปแต่ตัวได้คงดี กลับมาคงไม่ต้องรู้สึกอะไร แค่แยกย้ายกันไป. แต่เอาจิงๆเราก็แค่มนุษคนนึง มันทำได้หรอวะ และแล้วก็ทำไม่ได้จิงๆ555 แต่ก่อนจะไปคิดไว้แล้วว่าจะไม่อะไร ไม่รู้สึกอะไร จนรู้ตัวอีกทีคืนก่อนที่เราจะกลับจากทะเล เราบอกเค้าว่าอยากว่ายน้ำ แต่เราว่ายน้ำไม่เป็น55 เค้าจึงอาสาสอนเรา ตอนนั้นน่าจะประมานสี่ทุ่มได้มั้ง. และตอนนี้แร่ะที่ทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ทันแล้วที่เราจะห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรกับเค้า เราสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของเค้า สายตา และคำพูดที่อ่อนโยน มันแปลกตรงที่ทำไมมันทำให้เรารู้สึกปลอดภัย อบอุ่น เอ้ะ หรือหลง หรือชอบ อะไรก็แล้วแต่มันไม่ทันละ .
ในสระเค้าอุ้มเราเพื่อสอนว่ายน้ำ และจะให้เราลอยเอง แต่เรากลัวมาก เพราะเราว่ายน้ำไม่เป็น เค้าพูดเบาๆพร้อมกับสายตาที่อ่อนโยน ว่า believe me believe me, i m here ชอตนี้รู้เลยกูไม่รอด มันทำให้เรารู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก หลังจากว่ายน้ำเสดเราไปนั่งที่ริมสระ แล้วก็พูดคุยกันไปเรื่อยเรื่องทั่วๆไป เรื่องครอบครัว เรื่องเป้าหมายในชีวิตบ้าง จนวนมาเรื่องที่เค้าจะกลับ เราจุก !!! หันหลังให้เค้าแล้วแกล้งเดินไปหยิบแก้วน้ำที่อยู่ข้างหลังทันที แต่ตอนนั้นเอาจิงๆหันกลับไปร้องไห้ มันจุก มันร้องขึ้นมาเอง มันไม่รู้ว่าทำไมถึงร้อง ทำไมกูต้องร้อง เราก็ยัง งง
แต่ก็ยังฝืนไม่อยากให้เค้ารู้ กลัวบรรยากาศมันจะเสีย อีกอย่างเผื่อเค้าไม่ได้อะไรกับเราเลย เค้าอาจจะคิดว่าเราชอบเค้าง่ายไปมั้ย แต่มันออกมาจากความรู้สึกจิงๆ เราไม่ได้อยากจะร้องไห้เลย แต่ตอนนั้นมันฝืนไม่อยู่แล้ว
เราก็หันกลับมาหาเค้าเห็นเค้าหันหลังอยู่ เราเลยเอาแก้มไปซบตรงที่หลังเค้า แล้วก็แอบร้องไห้อีก ตอนนั้นเค้าคงยังไม่รู้ว่าเราร้องไห้อยู่ เพราะตัวเราเปียกทั้งสอง คงคิดว่าน้ำตามันเป็นแค่น้ำจากสระว่ายน้ำ แล้วเค้าก็พูดของเค้าไป ยิ่งเค้าพูดเราก็ยิ่งร้องไห้ จนคราวนี้เค้าจับได้แล้วว่าเราร้องไห้ เค้าถามว่า เป็นอะไร บอกเค้า พร้อมกับสายตาที่มองมา แบบจิงจัง จนเราก็ไม่ตอบ แล้วเค้าก็พูดว่าเป็นเพราะเค้าจะกลับบ้านแล้วใช่มั้ย ? แล้วก็พูดต่อว่า “เรารู้ใช่มั้ยว่าเค้าชอบเรา เค้าชอบเรามาก เราเปนผู้หญิงที่ดี อ่อนโยนเปนห่วงเปนใยเค้า เค้าสัมผัสมันได้ แต่เรารู้ใช่มั้ยว่าเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ทุกอย่างมันแตกต่างกันไปหมด เวลา ภาษา ทุกอย่างมันต่างกัน อย่ารอเค้ามันจะไม่แฟสำหรับเรา ถ้าเรารอเค้าเราจะไม่มีความสุข เราควรเอนจอยกับชีวิต อาจจะห้าปีสิบปีก็ไม่รู้ที่เค้าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีครั้ง หลังจากนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักว่าเดิม
จากตอนแรกที่เราคิดแค่ว่า จะไปเที่ยวสนุกๆ มันก็เริ่มไม่สนุกแล้ว เพราะตอนนั่งเรือกลับเราก็ร้องไห้หนักมาก แต่ก็แอบร้องเหมือนเดิม ไม่รู้สิ มันร้องเอง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นอะไร แต่ตอนนั้นใส่แว่นไว้แล้วก็ร้องไห้ผ่านแว่นนั่นแร่ะ แต่แว่นไม่ได้ช่วยปกปิดความเศร้าของเราได้เลย บรรยากาศมันอึมครึมไปหมด มันดูเศร้าไปหมด มองนก มองไม้ ยังร้องได้ บ้าาไปแล้ว แต่เราเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่อาจจะเกบความรู้สึกไม่เก่ง แค่อยากร้องมันก็ร้องเอง แต่เชื่อมั้ยว่าถึงเค้าจะไม่ร้อง แต่เรารับรู้ได้ว่า เค้ากำลังฝืนตัวเอง ฝืนตัวเองว่าเค้าเข้มแข็ง เพราะเค้าต้องอยู่กับความเปนจิง เค้าอธิบาย ทุกอย่างมันแตกต่างกันไปหมด เค้าอยู่นู้น เราอยู่นี่ มันเปนไปได้ยากมาก ที่เรื่องของเราจะเปนไปได้ เราเข้าใจทุกอย่าง เราเข้าใจทุกอย่างจิงๆ แต่เราบังคับความรูสึกที่ตอนแรกคิดว่าจะบังคับมันได้ แต่สุดท้ายเราไม่สามารถคอนโท มันได้เลย
จนวันที่จะกลับบนเรือ เค้าส่งข้อความมาหาเรา ทั้งๆที่นั่งหันหลังพิงกันอยู่บนเรือว่า (แปลเปนไทย)
: ทำไมเราถึงร้องไห้ เรารู้ใช่มั้ยว่าเราเจอกันแค่สามวัน เค้าชอบเรามาก แต่ชอบก็ต่างจากรัก เราจะทำวิธีไหน ลองบอกเค้ามา ที่จะทำให้เรา รู้จักกันและเรียนรู้กันได้มากกว่านี้ ในทุกๆอย่างมันต่างกันไปหมด ทุกอย่างมันเหมือนเค้าพยามยามจะห้ามใจตัวเค้าเอง แต่ทำไมเราทำไม่ได้เหมือนเค้า
: เราก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตอบไปว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราร้องไห้ และก็ขอโทษที่ทำให้บรรยากาศไม่ดี. และจำได้ว่าตอบไปว่า ใช่ เธอบอกว่าเธอชอบฉัน ฉันก็ชอบเธอ แล้วทำไมทุกอย่างมันจะเปนไปไม่ได้ ในเมื่อความรักมันก็เกิดจากความชอบ ถ้าเราไม่ชอบกันและกัน แล้วเราจะรักกันได้ยังไง เราไม่อยากพูดอะไรมากแล้วตอนนั้น เพราะมันจะเหมือนเถียงเพื่อที่จะให้เค้าเชื่อใน สิ่งที่เราเชื่อ. เชื่อว่าทุกอย่างมันเปนไปได้ แต่ก็จิงของเค้า เค้าอยู่กับความเปนจิง
จนกลับมาถึง กรุงเทพในวันต่อมา ทุกอย่างมันเหมือนจะดีขึ้น เราว่าเราดีขึ้นละ โอเค !!! เราคิดว่า นี่เปนช่วงเวลาที่ดีที่เราได้ใช้ร่วมกัน ถือเปนความทรงจำที่ดีนะ ไม่อยากทำให้มันดราม่า และบรรยากาศอึมครึมอีกรอบ
ตอนเช้าก่อนที่เค้าจะกลับแยกย้ายกันละ เราถึงกรุงเทพไปอาบน้ำแล้วก็ออกมาทานข้าวเช้าด้วยกัน มันคงเปนมื้อสุดท้าย เรารู้ ใต้รอยยิ้มของเราที่พยามชวนเค้าคุยเรื่องที่ชวนหัวเราะ เราไม่ดึงดราม่าละคราวนี้ เพราะอยากจากกันด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยมันก็เป็นเรืองราวดีดี ช่วงเวลาดีดีที่เรามีด้วยกัน เค้าไม่ได้ทำร้ายเรา ไม่ได้ให้คามหวังเรา เราพูดคุยกันด้วยความจิง และมองเหนสิ่งที่เปนไปได้ แต่เช้าวันที่จะจากกันนั้นแร่ะ ระหว่างทานข้าวมื้อสุดท้ายด้วยกัน เค้าก็พูดกับเราว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เราก็ขอบคุณเค้าเหมือนกัน เราบอกว่า ขอโทษนะ ที่เมื่อวานร้องไห้และทำให้บรรยากาศวันนั้นของเราไม่ดีเลย เค้าเข้าใจจ ไม่ต้องขอโทษ และเค้าก็บอกว่า i will remember you พร้อมกับรอยยิ้ม แต่สายตานี่ปิดยังไงก็ไม่มิดละว่าเศร้า. ก่อนที่อูเบอจะมารับเค้าไป. เราเหมือนกำลังนับเวลาถอยหลังกัน ในใจภาวนา อยากให้รถติดหรืออูเบอหลงทางไปเลย แต่ในที่สุดอูเบอก็มาถูกจนได้.
เราคิดว่าตอนที่เราจะส่งเค้าขึ้นรถ เราคงจะไม่พูดอะไรมากละ เพราะไม่อยากให้สายตาที่เรามองเค้าครั้งสุดท้ายต้องมีน้ำตา ไม่อยากให้เปนสายตาที่เศร้า อย่างน้อยเราควรจากกันด้วยรอยยิ้ม. เพราะมันเปนเรื่องที่สวยงาม สำหรับเราเค้าคือความสวยงาม คือ best memmory คือช่วงเวลาที่แม้มันจะแสนสั้น แต่มันก็เกิดขึ้น และมันพิเศษแล้วสำหรับเรา. แต่เปนเค้าเองที่รอยยิ้มไม่สามารถปกปิดสายตาที่คลอด้วยน้ำตาได้เลย เค้ากอดเราไม่ยอมปล่อย หอมแก้มเราแล้วพูดว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง มันจะจดจำมัน มันพิเศษจิงๆสำหรับเค้า เราก็ขอบคุณเค้าเหมือนกัน แล้วบอกเค้าว่า เราหวังว่าซักวัน เราจะกลับมาพบกันใหม่ จนเค้าเดินขึ้นรถไป เรายังไม่ละสายตาจากเค้า เค้าลดกระจกลง แล้วมองเราด้วยสายตาที่เหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา แต่เราเองในวันนี้ที่พยายามเข้มแข็ง ยิ้มให้เค้าจนสุดสายตา แล้วเราก็เดินกลับมาที่ ร้านอาหารที่เราแยกกัน มานั่ง มันจุก มันร้องอีกแล้ว เรานั่งร้องไห้ที่ร้านทั้งวัน
ไม่รู้ว่าเรื่องราวของเราะเรียกว่าอะไร แต่สำหรับเรา เราว่าเค้าคือเรื่องราวที่ดีของเรา เปนเรื่องที่ทำให้นึกถึงก็ยิ้มได้ มันเปนเรื่องราวที่สวยงาม ที่ถึงแม้เราจะมีหรือไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีก มันอาจจะนานมาก อาจจะ 5 ปี 10 ปี หรือ20 ปี อย่างที่เค้าบอก เราจะพยายามทำตามที่เค้าขอ อย่ารอเค้า เพราะเค้าอยากให้เรามีความสุข เค้ารู้การรอคอยใครซักคนมันทรมาน ขอบคุณจิงๆ ที่อย่างน้อยได้มอบช่วงเวลที่น่าจดจำให้กับเรา และไม่ว่ามันจะผ่านไป อีกกี่สิบปี ถ้าเรามีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่ว่าเค้าจะมีแฟน หรืออาจจะมีครอบครัวไปแล้ว เราเชื่อว่าเราเราจะสามารถยิ้มให้กับเค้า จะยิ้มให้เรื่องราวที่สวยงามที่เราเคยมีร่วมกันอย่างแน่นอน ถึงแม้สุดท้ายเราสองคนจะกลายเป็นแค่เรื่องราวของกันและกันก็ตาม (: