เมื่อพูดถึงอินเดียใครว่าไม่น่าเที่ยว กลับกันซะอีกครับ เพราะอินเดียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ผมชื่นชอบในการท่องเที่ยวมาก เพราะเราจะได้เที่ยวในแบบ adventure จริงๆ ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิถีชิวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย อย่างที่ผมเคยบอกไปละครับว่า อินเดียเป็นศูนย์ของหลายวัฒนธรรม ศาสนา และเชื้อชาติ ดังนั้นในแต่ละพื้นที่ก็จะวัฒนธรรรมที่แตกต่างกันไป

สำหรับกรทู้นี้ลงไปล่องเรือแพทางใต้สุดของอินเดียเลยครับ นั้นคือรัฐเคราล่า หรือ Kerala นั้นเอง เคราล่าเป็นหนึ่งในรัฐทางตอนใต้ของอินเดีย ซึ่งมีเมืองหลวงชื่อ Thiruvananthapuram เป็นเมืองร้อนชื้นติดทะเล ห่างจาก Arabian Sea ประมาณ 600 กิโลเมตร สิ่งที่ทำให้เคราล่ามีชื่อเสียงคือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นปาล์มและต้นมะพร้าว รวมไปถึง backwaters ที่เป็นน้ำกร่อยรวมกับน้ำทะเลไหลไปตามคลองและนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือกัน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่ชื่อว่า Allappuzha หรือ Allappy เมืองที่ผมกำลังจะเดินทางไปนี้ละครับ

แพลนที่ผมวางไว้คือ 3 คืน 2 วันครับ เดินทางจากบังกลอร์วันศุกร์ตอนกลางคืน ถึงเคราล่าเช้าวันเสาร์ก็ลงเรือแพเลยครับ ค้างบนเรือแพ 1 คืน (คืนวันเสาร์) สายๆ วันอาทิตย์เรือก็จะไปส่งเราที่ท่า หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวหาดอื่นๆ ต่อแล้วเดินทางกลับในวันอาทิตย์บ่ายๆครับ
ส่วนการเดินทางไปล่องเรือแพนั้นสามารถเดินทางได้หลายวิธีครับ
1. เดินทางโดยเครื่องบิน สามารถลงมาได้ที่ Cochin International Airport หลังจากนั้นจะมีรถบัสต่อไปที่ Allappuzha ครับ
2. เดินทางโดยรถบัสนอน ในเลือกปลายทางเป็น Allappuza นะครับ รถจะจอดในสถานีขนส่งของ Allappuzha (ถ้าไปรถบัสนอนแนะนำของบริษัท Green Line ครับ หรือ Orange Line ก็ได้ครับ)
3. ไปโดยรถยนต์ส่วนตัวครับ เหนื่อยหน่อยเพราะจากบังกลอร์เมืองที่ผมอยู่ขับรถไปเคราล่า (Allappuzha) ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงเลย
ผมกับรุ่นน้องเลือกที่จะขับรถไปกันเองครับ โดยได้รถเช่าจากเว็ปไซต์ Myles แต่กว่าจะทำเรื่องเช่ารถได้ก็เกือบ 4 โมงเย็นละ เพราะติดปัญหาเรื่องการชำระเงิน และค่า deposit รถ ทางเว็ปไซต์ไม่รับเป็นเงินสดครับ ต้องจ่ายผ่านบัตรเครติดหรือบัตรเดรบิตอย่างเดียว และที่ยากไปกว่านั้นคือต้องเป็นบัตรของธนาคารในอินเดียเท่านั้น บัตรต่างประเทศใช้ไม่ได้เลยครับ ผมทำเรื่องชำระเงินอยู่นานเหมือนกันจนแบบท้อเลย คิดในใจว่า "เออ! ไม่ไปก็ได้ว่ะ" 5555 โชคดีของพวกผมที่รุ่นน้องผมรู้จักกับเจ้าของเอเจนซี่ทัวร์ใกล้ๆ บ้าน ซึ่งเป็นคนอินเดีย ผมกับรุ่นน้องจึงขอร้องให้เค้าช่วยจ่ายผ่านบัตรของเค้าให้หน่อยแล้วผมจะจ่ายเป็นเงินสดให้ โชคดีมากที่เค้ายอมช่วยจ่ายผ่านบัตรเค้าให้ครับและนัดรับรถตอน 6 โมงเย็น จากนั้นผมก็โทรไปจองเรือแพไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ ผมได้เรือแพของบริษัท Marvel Cruise สำหรับการล่องแพ 1 คืน ผมแนะนำให้โทรไปจองเรือไว้ก่อนนะครับ เพราะถ้าไปซื้อหน้างานเลยผมกลัวว่าเค้าจะคิดแพงกว่าเดิ พอทุกอย่างเรียบร้อยผมกับน้องๆ ก็เก็บกระเป๋าและไปรับรถประมาณ 6 โมงเย็น เราไปกันทั้งหมด 4 คนครับ และผมแก่สุด 55555
เราออกจากบังกลอร์ประมาณ 4 ทุ่มครับ เพราะแวะซื้อของกินไว้สำหรับบนแพในวันพรุ่งนี้
ระหว่างทางรถโล่งมากเลย เพราะ 4 ทุ่มร้านก็จะเริ่มปิดกันหมดแล้ว

นี้เป็นด่านเก็บค่าผ่านทางครับ เจ้าหน้าที่จะถามว่า Single หรือ Double หมายความว่าถ้าซื้อแบบ Single คือเที่ยวเดียว ขากลับคุณต้องซื้ออีกรอบ แต่ถ้าคุณซื้อแบบ Double นั้นคือขากลับคุณไม่ต้องซื้อแล้วแค่แสดงตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดู แต่ตั๋วนี้จะอยู่ได้แค่ 1 วันเท่านั้นหรือหมดอายุในเที่ยงคืนของวันถัดไป หากคุณกลับมาไม่ทันคุณก็ต้องซื้อใหม่อยู่ดี ผมเลยซื้อแบบ Single ทุกด่านเลย 😆😆

ระหว่างทางไปเคราล่าผมผ่านด่านเก็บค่าผ่านทางถึง 10 ด่านด้วยกัน โดยคิดเป็นเงินทั้งหมด 600 รูปี (นี้เฉพาะค่าไปนะครับ) และนี้เป็นใบเสร็จค่าผ่านทางทั้งขาไปและขากลับครับ เงิบ! 5555

ผมจะสลับกันขับกับน้องอีกคนครับ ถ้ารู้ไม่ไหวก็จะให้น้องอีกคนมาขับเปลี่ยน ตอนนี้ตี 4 แล้ว เราเลยแวะจิบกาแฟข้างทางกัน

หลังจากออกเดินทางต่อสักพัก พระอาทิตย์ก็เริ่มจะขึ้นละครับแต่เรายังไม่ถึงเลย


คำแนะนำสำหรับผู้ที่ขับรถไปเองจากเมืองอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเคราล่านะครับ หากเข้าเขตของเคราล่าแล้ว ด้านซ้ายมือจะมีออฟฟิศ Check Point ให้ไปแสตมป์ตรงนั้นก่อนเดินทางต่อเข้าไปนะครับ เพราะหากโดนตำรวจเรียกตรวจและไม่มีการแสตมป์มาโดนปรับบานเลย หากไม่ได้แสตมป์ก่อนเข้าก็หลบตำรวจให้ดีนะครับ อย่าให้โดนเรียกตรวจเชียว

เวลาผ่านไปจน 10 โมงเช้า เราก็มาถึงที่หมายละครับ MARVEL CRUISE, BACKWATERS, ALLAPPY ตรงนี้จะมีเรือแพหลายลำจอดรออยู่เลย หลังจากหาที่จอดรถเรียบร้อยเราก็เก็บของลงเรือกันเลยครับ

ผมกับน้องๆ ได้เรือลำนี้ครับ ส่วนหัวเรือจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและโต๊ะทานข้าว บรรยากาศโปร่ง สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อยากชัดเจนและลมสามารถถ่ายเทได้สะดวก

มีที่นอนสำหรับนอนชมวิวในขณะที่เรือกำลังแล่นไปด้วย ^^

ส่วนกลางลำเรือจะเป็นห้องนอนครับ บนเรือลำนี้จะมีแค่ 2 ห้องนอน เพราะผมจองไว้สำหรับ 4 คน แต่ถ้ามากันหลายคนก็จะมีเรือสำหรับ 3-5 ห้องนอนให้เลือกครับ
ในห้องนอนจะประกอบไปด้วยเตียงนอนเดี่ยว 2 เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง และห้องน้ำในตัวครับ
มีแอร์ให้ 1 เครื่องและพัดลมอีก 1 ตัวครับ
มีหน้าต่างแบบใสที่คุณสามารถมองชมวิวด้านนอกได้ เพียงแค่ดึงมู่ลี่ขึ้น
นี้เป็นห้องน้ำครับ สะดวกสบายมากเลย

ระหว่างห้องนอนริมทางเดินด้านนอกจะมีอ่างล้างมือให้ด้วยครับ

เมื่อเดินไปท้ายลำ ตรงนั้นจะเป็นส่วนของห้องครัวครับ นอกจากผมและน้องๆ แล้วก็จะมี Stuff ของเรือมาอำนวยความสะดวกด้วยครับ ประกอบไปด้วย กัปตันขับเรือ 1 เชฟทำอาหาร 1 และผู้ช่วยเชฟ 1 ครับ เชฟจะทำอาหารกลางวัน อาหารเย็น และอาหารเช้าสำหรับวันพรุ่งนี้ให้เราทาน รวมไปถึงอาหารว่างมื้ออื่นๆ โดยทั้งหมดนี้จะรวมอยู่ในเพจเกจอยู่แล้วครับ ถ้าคุณอยากทานอาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆ จำพวกเหล้า เบียร์ สามารถซื้อลองเรือไปได้นะครับ ทางเรือไม่คิดตังเพิ่มครับ

Welcom drink ครับ รสชาติจะออกเหมือนน้ำมะนาวโซดา อร่อยดีครับ

หลังจากที่เรือแล่นออกมาได้สักพัก ก็ถึงเวลาของอาหารกลางวันแล้วละครับ อาหารของเคราล่าจะเน้นส่วนผสมของมะพร้าวเป็นหลัก ดังนั้นรสชาติจะออกไปทางหวานๆ

หลังจากอาหารกลางวันเสร็จสิ้นลง พวกผมก็นอนพักผ่อนตามอัธยาศัย

จนประมาณเกือบบ่าย 3 โมง กัปตันจะจอดตรงตลาดปลาครับ เราสามารถลงไปซื้ออาหารทะเลมาให้เชฟทำให้เราทานได้

ใกล้ๆ กันก็จะมีโบสถ์คริสต์ครับ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้

ไปต่อด้านล่างนะครับ