"แกรักโยใช่ไหม ?"
ตบมือข้างเดียวกี่ครั้ง มันก็ดังไม่ได้ .... อาจจะเพราะคิดแบบนี้ อาจจะเพราะนิสัยที่ไม่นิยมความพิรี้พิไรและเป็นพี่คนโตมาแต่ไหนแต่ไร แม่ตั้มจึงตัดสินใจกลืนเลือด ตัดจบทุกสิ่งด้วยการตบหน้าเพียงครั้งเดียว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ใช่เมียน้อย และ เด็กที่ถือกำเนิดออกมาก็คือหลานใสไส้ หลาย ๆ อย่างพังทลายไปแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ เรื่องที่ต้องจัดการยังมีอีกมากมาย สิ่งที่เกิดแล้วให้มันผ่านไป ฉัน น้อง ลูก หลาน จะก้าวเดินต่อไปด้วยสายใยของคำว่า " ครอบครัว "
แต่ก็นั่นแหละ .... ถึงสถานการณ์จะคลี่คลาย และ ถึงจะออกปากว่าให้อภัย ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่หวนคืน ไม่อาจกลับมาเหมือนเดิม มากน้อย "ความรู้สึกผิด" ก็ย่อมคงอยู่
ในห้วงเวลาที่แม่ของฝ่ายหนึ่งกลุ้มใจในปัญหาของลูก เธอไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่าจะให้ลูกเดินก้าวไปบนโลกใบนี้ได้อย่างเข้มแข็งช่วยเหลือตัวเองได้แม้ในเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว แบดมินตันที่ลูกรักหนักหนาและทำได้ดีไม่ได้มีความหมายอะไรมากกว่าสิ่งที่จะสร้างเสริมพัฒนาศักยภาพของลูกให้ทัดเทียมกับเด็กทั่ว ๆ ไปในวัยเดียวกัน มนุษย์แม่คนนั้นจึงเคี่ยวกรำทั้งวาจาและภาษากาย ด้วยความกังวลด้วยความเป็นห่วง โตขนาดนี้แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ลูกจะอยู่อย่างไรต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเขม็งเกลียวจนกลายเป็นความไม่ชอบหน้า เป็นความไม่ไว้ใจ และ คนที่ก้าวเข้ามาเป็นนางฟ้า คือ " แม่แตง "
เพราะ "ความรู้สึกผิด" ที่คงอยู่ในใจ ทำให้มนุษย์แม่อีกคนทุ่มสุดตัว เพื่อดูแลหลานซึ่งไม่ปกติเหมือนเด็กทั่วไป และ เมื่อ "ความพิเศษ" ของหลานต้องการการเอาใจใส่มากกว่าปกติธรรมดาหลายเท่า "ความไม่เท่าเทียม" จึงกลายเป็นบาดแผลทีกร่อนใจลูกตัวเองอย่างไม่คาดคิด หากเราก็เชื่อว่าแม่ทุกคนหวังดีกับลูก ภายใต้ความรู้สึกผิดนั้น ... ภายใต้ถ้อยคำการให้อภัยของแม่ตั้ม ภายใต้เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหมุนกลับไปได้อีกแล้ว เมื่อมองในอีกมุมหนึ่ง ... แม่แตงควรทำตัวอย่างไร ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปเหมือนกับที่แม่ตั้มว่า
ถ้าคนเราเหมือนหุ่นยนตร์ไม่มีชีวิตจิตใจก็คงตัดอารมณ์ความรู้สึกผิดออกได้โดยง่าย แต่เราคิดว่าสิ่งที่แม่แตงทำทั้งหมดถึงจะขึ้นกับความรู้สึกผิดเป็นหลัก แต่ลึก ๆ ก็คิดว่ามันคือความเป็นห่วงว่าลูกจะโดนเกลียดไหม ? โด่งคือลูกที่พูดง่าย ๆ ที่เกิดจากการแย่งผัวพี่ สายตาที่แม่ตั้มมองโด่งจะเป็นยังไง แตงคือน้อง คือเลือดเนื้อเชื้อไขใกล้ชิด น้องยังไงก็น้อง แต่โด่งอีกครึ่งนึงคือเลือดของคนที่ตระบัดสัตย์ ผลผลิตของความพังพินาศแห่งชีวิตคู่ของแม่ตั้ม การปฏิบัติตัวของแม่แตงต่อยิมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ลดแรงเสียดทานระหว่างป้ากับหลานไปโดยปริยาย
ความสัมพันธ์มันจึงกลับด้านกัน ..... ป้าตั้มเมตตาสงสารโด่งที่ต้องตกอยู่ในวังวนเหล่านี้ ติดอยู่กับพี่ที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ อะไร ๆ ก็พี่ก่อน ความลำเอียงของน้องสาวที่เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อตัวเองก็ไม่สามารถจะจัดการลูกได้อย่างสมบูรณ์ ความอึดอัดใจเหล่านี้สะท้อนกลับมาหายิม เมื่อไหร่จะช่วยตัวเองได้เมื่อไหร่จะไม่สร้างปัญหา เมื่อไหร่ ..... น้าแตงเอ็นดูและทุ่มสุดใจกับหลานชายที่เกิดมาอาภัพ เพราะเธออย่างไรเล่า เรื่องทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้ ชะตาของพี่สาวมันไม่ควรจะจบแบบวินาศย่อยยับ พี่ตั้มควรจะมีความสุข ครอบครัวสมบูรณ์ไม่ต้องรับภาระหนัก ถ้า ... เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น ความทุ่มเทจึงมุ่งไปสู่หลานชายคนเดียวเพื่อชดเชยความผิด เมื่อลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขวอแวงอแงตามประสา .... ไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่ความรักและความเอาใจใส่ซักหน่อย มนุษย์แม่อีกคนจึงหงุดหงิด ... ทำไมแค่นี้ถึงไม่เข้าใจนะ เธอปกติแบบนี้ดีเท่าไหร่แล้ว ที่ป้าเขาไม่โทษเราดีเท่าไหร่แล้ว
เมื่อบทบาทที่ควรเป็นไม่ได้ถูกเล่นโดยคนที่ควรทำ ปัญหาจึงบานปลายใหญ่โต พี่ยิมไม่ลงรอยกับแม่เพราะความเข้มงวดกวดขันบนพื้นฐานที่ว่าลูกของเราไม่เหมือนคนอื่น แม่ตั้มเคยมีความหวังกับลูกแต่เมื่อเวลานานไปภาระหน้าที่และความกังวลกร่อนใจจนกระทั่งไม่คาดหวังอะไรสูงส่งไปกว่าให้ลูกดูแลตัวเองได้ และการคาดหวังไม่สูงนั้นเองกลายเป็นการจำกัดโอกาสรวมถึงพัฒนาการของพี่ยิมไปโดยปริยาย อีกด้านหนึ่งความทุกข์ทนในใจของลูกอีกคนอย่างโด่งจึงระเบิดตูมขึ้นมา ลูกคนนี้ยังเป็นลูกอยู่อีกไหม หรือเป็นแค่ "ผลิตผล" ของความผิดพลาด จึงกลายเป็นสิ่งที่ด้อยค่าสำหรับผู้เป็นแม่
จนวันนี้ "มนุษย์แม่" จึงหันกลับมามองตัวเอง แม่แตงมอบอิสระให้โด่ง ส่วนแม่ตั้มก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ยิมจะต้องเรียนรู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบยิม และ โลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากมายนอกเหนือจากแม่ น้า และ น้อง เวลานี้เด็กทั้งคู่ต่างก้าวไปในวิถีของตัวเอง ยิมเข้าสู่การบำบัดพฤติกรรม .... และ เมื่ออะไรเข้ารูปเข้ารอยถูกที่ถูกทาง ได้รับการอบรมที่เหมาะสมจากมืออาชีพ ยิมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เด็กคนนั้นสอนคนอื่นได้อย่างใจเย็น
ภาพที่คนเป็นแม่ไม่เคยเห็น
คำพูดที่คนเป็นแม่ไม่เคยได้สัมผัส
อีกครั้งที่แม่ตั้มหันกลับมามองตัวเองอีกครา เราหมดความคาดหวังกับลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ทั้งสองหันมามองหน้ากันเองอีกครั้ง ความไม่คาดหวังครอบลูกไว้จนเป็นแบบนั้น และ การตามใจจนเกินไปทำให้หลานต้องเป็นแบบนี้ ทำให้ทุกอย่างในบ้านสับสนอลม่านไปหมด แต่เราจะทำได้ใช่ไหม แม่ทั้งสองจับมือกัน พี่ตั้มกับแตงจะช่วยกัน .... ทั้งยิมทั้งโด่ง
บัดนี้มนุษย์แม่ได้ตัดสินใจแล้ว
คงถึงคราวของมนุษย์ลูกบ้างในตอนหน้า
จะตัดสินใจอย่างไร ?
Side by Side (กึ่งรีวิว) : "มนุษย์แม่"
ตบมือข้างเดียวกี่ครั้ง มันก็ดังไม่ได้ .... อาจจะเพราะคิดแบบนี้ อาจจะเพราะนิสัยที่ไม่นิยมความพิรี้พิไรและเป็นพี่คนโตมาแต่ไหนแต่ไร แม่ตั้มจึงตัดสินใจกลืนเลือด ตัดจบทุกสิ่งด้วยการตบหน้าเพียงครั้งเดียว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ใช่เมียน้อย และ เด็กที่ถือกำเนิดออกมาก็คือหลานใสไส้ หลาย ๆ อย่างพังทลายไปแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ เรื่องที่ต้องจัดการยังมีอีกมากมาย สิ่งที่เกิดแล้วให้มันผ่านไป ฉัน น้อง ลูก หลาน จะก้าวเดินต่อไปด้วยสายใยของคำว่า " ครอบครัว "
ในห้วงเวลาที่แม่ของฝ่ายหนึ่งกลุ้มใจในปัญหาของลูก เธอไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่าจะให้ลูกเดินก้าวไปบนโลกใบนี้ได้อย่างเข้มแข็งช่วยเหลือตัวเองได้แม้ในเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว แบดมินตันที่ลูกรักหนักหนาและทำได้ดีไม่ได้มีความหมายอะไรมากกว่าสิ่งที่จะสร้างเสริมพัฒนาศักยภาพของลูกให้ทัดเทียมกับเด็กทั่ว ๆ ไปในวัยเดียวกัน มนุษย์แม่คนนั้นจึงเคี่ยวกรำทั้งวาจาและภาษากาย ด้วยความกังวลด้วยความเป็นห่วง โตขนาดนี้แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ลูกจะอยู่อย่างไรต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเขม็งเกลียวจนกลายเป็นความไม่ชอบหน้า เป็นความไม่ไว้ใจ และ คนที่ก้าวเข้ามาเป็นนางฟ้า คือ " แม่แตง "
เพราะ "ความรู้สึกผิด" ที่คงอยู่ในใจ ทำให้มนุษย์แม่อีกคนทุ่มสุดตัว เพื่อดูแลหลานซึ่งไม่ปกติเหมือนเด็กทั่วไป และ เมื่อ "ความพิเศษ" ของหลานต้องการการเอาใจใส่มากกว่าปกติธรรมดาหลายเท่า "ความไม่เท่าเทียม" จึงกลายเป็นบาดแผลทีกร่อนใจลูกตัวเองอย่างไม่คาดคิด หากเราก็เชื่อว่าแม่ทุกคนหวังดีกับลูก ภายใต้ความรู้สึกผิดนั้น ... ภายใต้ถ้อยคำการให้อภัยของแม่ตั้ม ภายใต้เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหมุนกลับไปได้อีกแล้ว เมื่อมองในอีกมุมหนึ่ง ... แม่แตงควรทำตัวอย่างไร ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปเหมือนกับที่แม่ตั้มว่า
ถ้าคนเราเหมือนหุ่นยนตร์ไม่มีชีวิตจิตใจก็คงตัดอารมณ์ความรู้สึกผิดออกได้โดยง่าย แต่เราคิดว่าสิ่งที่แม่แตงทำทั้งหมดถึงจะขึ้นกับความรู้สึกผิดเป็นหลัก แต่ลึก ๆ ก็คิดว่ามันคือความเป็นห่วงว่าลูกจะโดนเกลียดไหม ? โด่งคือลูกที่พูดง่าย ๆ ที่เกิดจากการแย่งผัวพี่ สายตาที่แม่ตั้มมองโด่งจะเป็นยังไง แตงคือน้อง คือเลือดเนื้อเชื้อไขใกล้ชิด น้องยังไงก็น้อง แต่โด่งอีกครึ่งนึงคือเลือดของคนที่ตระบัดสัตย์ ผลผลิตของความพังพินาศแห่งชีวิตคู่ของแม่ตั้ม การปฏิบัติตัวของแม่แตงต่อยิมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ลดแรงเสียดทานระหว่างป้ากับหลานไปโดยปริยาย
ความสัมพันธ์มันจึงกลับด้านกัน ..... ป้าตั้มเมตตาสงสารโด่งที่ต้องตกอยู่ในวังวนเหล่านี้ ติดอยู่กับพี่ที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ อะไร ๆ ก็พี่ก่อน ความลำเอียงของน้องสาวที่เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อตัวเองก็ไม่สามารถจะจัดการลูกได้อย่างสมบูรณ์ ความอึดอัดใจเหล่านี้สะท้อนกลับมาหายิม เมื่อไหร่จะช่วยตัวเองได้เมื่อไหร่จะไม่สร้างปัญหา เมื่อไหร่ ..... น้าแตงเอ็นดูและทุ่มสุดใจกับหลานชายที่เกิดมาอาภัพ เพราะเธออย่างไรเล่า เรื่องทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้ ชะตาของพี่สาวมันไม่ควรจะจบแบบวินาศย่อยยับ พี่ตั้มควรจะมีความสุข ครอบครัวสมบูรณ์ไม่ต้องรับภาระหนัก ถ้า ... เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น ความทุ่มเทจึงมุ่งไปสู่หลานชายคนเดียวเพื่อชดเชยความผิด เมื่อลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขวอแวงอแงตามประสา .... ไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่ความรักและความเอาใจใส่ซักหน่อย มนุษย์แม่อีกคนจึงหงุดหงิด ... ทำไมแค่นี้ถึงไม่เข้าใจนะ เธอปกติแบบนี้ดีเท่าไหร่แล้ว ที่ป้าเขาไม่โทษเราดีเท่าไหร่แล้ว
เมื่อบทบาทที่ควรเป็นไม่ได้ถูกเล่นโดยคนที่ควรทำ ปัญหาจึงบานปลายใหญ่โต พี่ยิมไม่ลงรอยกับแม่เพราะความเข้มงวดกวดขันบนพื้นฐานที่ว่าลูกของเราไม่เหมือนคนอื่น แม่ตั้มเคยมีความหวังกับลูกแต่เมื่อเวลานานไปภาระหน้าที่และความกังวลกร่อนใจจนกระทั่งไม่คาดหวังอะไรสูงส่งไปกว่าให้ลูกดูแลตัวเองได้ และการคาดหวังไม่สูงนั้นเองกลายเป็นการจำกัดโอกาสรวมถึงพัฒนาการของพี่ยิมไปโดยปริยาย อีกด้านหนึ่งความทุกข์ทนในใจของลูกอีกคนอย่างโด่งจึงระเบิดตูมขึ้นมา ลูกคนนี้ยังเป็นลูกอยู่อีกไหม หรือเป็นแค่ "ผลิตผล" ของความผิดพลาด จึงกลายเป็นสิ่งที่ด้อยค่าสำหรับผู้เป็นแม่
จนวันนี้ "มนุษย์แม่" จึงหันกลับมามองตัวเอง แม่แตงมอบอิสระให้โด่ง ส่วนแม่ตั้มก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ยิมจะต้องเรียนรู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบยิม และ โลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากมายนอกเหนือจากแม่ น้า และ น้อง เวลานี้เด็กทั้งคู่ต่างก้าวไปในวิถีของตัวเอง ยิมเข้าสู่การบำบัดพฤติกรรม .... และ เมื่ออะไรเข้ารูปเข้ารอยถูกที่ถูกทาง ได้รับการอบรมที่เหมาะสมจากมืออาชีพ ยิมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ภาพที่คนเป็นแม่ไม่เคยเห็น
คำพูดที่คนเป็นแม่ไม่เคยได้สัมผัส
อีกครั้งที่แม่ตั้มหันกลับมามองตัวเองอีกครา เราหมดความคาดหวังกับลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ทั้งสองหันมามองหน้ากันเองอีกครั้ง ความไม่คาดหวังครอบลูกไว้จนเป็นแบบนั้น และ การตามใจจนเกินไปทำให้หลานต้องเป็นแบบนี้ ทำให้ทุกอย่างในบ้านสับสนอลม่านไปหมด แต่เราจะทำได้ใช่ไหม แม่ทั้งสองจับมือกัน พี่ตั้มกับแตงจะช่วยกัน .... ทั้งยิมทั้งโด่ง
คงถึงคราวของมนุษย์ลูกบ้างในตอนหน้า
จะตัดสินใจอย่างไร ?