สู้อย่างไรให้ใจไหว เมื่อสูญเสียสามี

กระทู้สนทนา
บร๊ะเจ้าโจ๊กสวัสดีค่ะ เราเป็นอีกหนึ่งคนค่ะ ที่ผ่านการสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ สามีเราจากไปด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกฉับพลันค่ะ ด้วยอายุ 46 ปี เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้ามาในชีวิต สอนเราตั้งแต่เรื่องเรียนจนถึงเรื่องทำงาน จนได้มาเป็นแม่คน เรามีลูกชายด้วยกันค่ะ อายุ 6 ปี ส่วนเราอายุ 32 ปี ใช้ชีวิตครอบครัวกันมาอย่างมีความสุขค่ะ จนมาถึงปีที่ 13 ที่เขามาจากไป การสูญเสียที่ไม่มีใครเคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา มันทำให้เราแทบเสียศูนย์เหมือนกันค่ะ ทรมาน กินไม่ได้นอนไม่หลับมาเกือบ 10 วัน
                 พาพันไฟท์ติ้งเราโชคดีค่ะ ที่มีแม่และพ่อรวมถึงแก้วตาดวงใจที่เป็นแรงกำลังใจให้แม่คนนี้สู้ต่อไป มันไม่ง่ายเลยค่ะ ที่จะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะครอบครัวเราไม่เคยเลยที่จะห่างกันไปแบบนี้ เต็มที่แค่ 9 ชม.สำหรับเวลาทำงานเท่านั้น ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันยากไปหมดค่ะ แม้กระทั่งจะกินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน ดูทีวี และการนอน คือทุกๆที่ในบ้านมันมีร่องรอยของเขาทุกที่ ทำให้เราเองแทบตายเหมือนกันกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ค่ะ  มีคนบอกว่าให้เราเก็บทุกอย่างที่เป็นของเขาออก แต่เราไม่ทำค่ะ เราเชื่อว่าเราต้องอยู่ให้ได้แม้ไม่ลืมเขา อะไรที่เป็นของๆเขามันจะยังคงอยู่ มีแค่บางส่วน บางชิ้นที่เราตั้งใจนำไปบริจาคเพื่อเป็นบุญกุศลให้เขาต่อไป บางอย่างก็เก็บไว้รอวันที่จะส่งต่อให้ลูกชายได้ใช้  ถามว่าทำไมเราถึงเข้มแข็งขึ้นมาได้ คำตอบคือ ลูกค่ะ ในวันที่เขาเหมือนจะไม่มีที่พึ่งแล้ว เขามีคำพูดที่มาสะกิดให้คนเป็นแม่มีสติขึ้นมา เขาพูดกับเราว่า แม่หน้าตาสดใสเหมือนแม่คนอื่นแล้ว ในวันที่ผ่านมา 10 วัน เราคงหน้าตาเศร้าหมองไม่มีรอยยิ้มให้เขาเลย เขาคงแอบมองแม่ของเพื่อนที่มีรอยยิ้ม สดใสให้กับลูกเขา พร้อมกับหยิบกระจกมาส่องที่หน้าเรา ทำให้เรารู้สึกและมีสติขึ้นมาว่า
                 เม่าสงสัยเมื่อเขาเสียพ่อไปแล้ว เขาจะมาเสียแม่ทั้งๆๆที่แม่ยังอยู่ไปอีกคนไม่ได้ ต่อไปนี้เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขา เราต้องสู้เดินหน้าต่อ ร้องไห้ เสียใจให้พอ แล้วนับ 1-10 ว่าเราต้องสู้แล้ว สามีเราถ้าเขารักเราเหมือนที่เรารักเขา เขาเองก็คงไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้ หลังจากนั้นเราเปลี่ยนตัวเอง อยู่กับลูกให้มากขึ้น เล่นกับเขา คุยกับเขาให้มากกว่าเมื่อก่อน อะไรที่แม่ไม่เคยทำ ทำไม่ได้แม่ก็กลับทำมันได้สะหมดทุกอย่าง อย่างง่ายดาย หันหน้าเข้าหาธรรมมะ ทำบุญทุกวันพระ ตั้งใจเพราะมันคือสิ่งเดียวที่เราทำแล้วสบายใจและคิดว่าสามีเราจะได้รับบุญตรงนี้ อยากให้เขาไม่ต้องห่วงเหมือนที่เราเคยบอกเขาก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจไป

                บร๊ะเจ้าโจ๊กเพราะในชีวิตคนเรามันเลือกไม่ได้ค่ะ ว่าจะต้องจากลากันแบบไหน เขาจากเราไปได้ 50 วันแล้วค่ะ ทุกวันนี้ยังนอนมองรูปเขาที่อยู่หลังตู้เสื้อผ้าในห้องนอนทุกคืน บางคืนมีน้ำตา บางคืนหลับสบายดีค่ะ แต่เมื่อเราเองเจอการจากลาแบบนี้ เราต้องทำใจยอมรับและเข้มแข็งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อคนที่อยู่ต่อไป แม้ทุกวันนี้มันจะยังมีน้ำตาบ้างเวลาที่คิดถึ่งเขา แต่เรายังรู้สึกขอบคุณเขาว่าไม่ทิ้งเราไว้ให้โดดเดี่ยว แต่กลับมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดไว้ให้เราดูแล  เหมือนเรายังมีเลือดเนื้อเขาที่ให้เราดูแลอยู่ ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้จากไปไหน แต่อยู่ในตัวลูกเรานี่เอง

               เพี้ยนเพลียไม่คิดอะไรกับคำพูดของคนอื่นที่มองว่าเราเป็นหม้ายตั้งแต่ยังอายุแค่นี้ แต่เรากลับมองคนเราไม่เกี่ยวที่เรื่องของอายุ จะจากกันด้วยอายุเท่าไร พอถึงวันนึงเราต้องจากลากันแบบนี้อยู่ดี เพียงแค่เขาจากเราไปก่อนเท่านั้นเอง เพราะเรื่องความตายไม่มีใครที่จะกำหนดได้ค่ะ  เราเองไม่แคร์ที่ใครจะบอกว่าอีกไม่นานก็คงมีใหม่ แต่เรากลับมองว่า เวลาเท่านั้นค่ะ ที่จะพิสูจน์ทุกสิ่งเอง การที่สามีอันเป็นที่รักจากเป็นด้วยความตายนั้น ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่เขาคิดจะเริ่มต้นใหม่ ลูกคือสิ่งที่สำคัญค่ะ ไม่ได้รู้สึกเหงา รึขาดอะไรเลย แต่กลับรู้สึกมองการจากไปของเขาให้เป็นบวกกับตัวเองให้มากที่สุด ว่าแค่เขาไปรอเราอยู่ที่ปลายฟ้าที่สวยที่สุดเท่านั้น ไม่นานเราก็จะตามเขาไป และเขาจะต้องมารอรับเราไปอยู่ตรงปลายสุดขอบฟ้าด้วยกัน
เม่าฝึกจิตหน้าที่ของแม่เลี้ยวเดียวอย่างเราตอนนี้คือ ส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก และสานฝันของป๊าเขาที่เคยคิดจะทำ จะพาลูกไป เราคนที่อยู่ต่อ ต้องทำตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นค่ะ ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรามีความเชื่อมั่น และอดทน เข้มแข็ง เราผ่านจุดที่เสียใจที่สุดในชีวิตมาแล้ว ต่อไปเจอเรื่องร้ายแค่ไหน ไม่นานค่ะ เราจะผ่านมันไปและยิ้มให้มันได้เหมือนกับวันนี้ที่พึ่งผ่านมาค่ะ

****** เล่ายาวเลย แต่อยากมาพูดคุยเป็นกำลังใจ แลกเปลี่ยนกัน เผื่อจะมีใครที่จะเจอความทุกข์ในแบบอื่นก็ได้นะคะ เข้ามาคุย เข้ามาระบายอย่าเก็บไว้คนเดียวค่ะ เยี่ยม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่