คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
มรดกคือทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างมีชีวิต ถ้าเป็นเงินหรือทรัพย์ที่ได้มาเพราะเหตุความตายหรือตายแล้วถึงจะได้สิทธิในทรัพย์นั้นมาไม่เรียกว่าเป็นทรัพย์มรดกครับ..แต่คนทั่วๆไปมักเข้าใจว่าเงินประกันเป็นมรดก...กรณีเงินประกันกลุ่มเขาระบุหรือไม่ครับว่าเมื่อมีเหตุการเสียชีวิตเกิดขึ้นให้เงินประกันนั้นตกแก่ใคร ระบุชื่อผู้รับไว้เป้นการเจาะจง ชัดเจน แน่นอน เช่น ระบุว่าเป็นคุณรับเลยไหมครับ..หากระบุเป็นชื่อคุณ..ก็ไม่ต้องไปตั้งผู้จัดการมรดกครับคุณรับเงินค่าสินไหมได้ที่บริษัทได้เลย...แต่หากไม่ระบุไว้เป็นการชัดเจนแล้ว ส่วนใหญ่การที่ญาติคนทายาทจะมาขอรับค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ บริษัทประกันชีวิตเขาต้องดูว่าคนที่มารับนั้นมีอำนาจหน้าที่ทำการแทนคนตายตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่หากมีผู้จัดการมรดก ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดกในการรับเงินค่าสินไหมส่วนนี้ไปจัดการแทนยาท(แม้ค่าสินไหมจะไม่เป็นมรดก) เพราะคงไม่มีคนอื่นที่เหมาะสมและสามารถใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบการจัดการทรัพย์ของคนตายเท่าผู้จัดการมรดกครับ...ส่วนกรณีของคุณที่จะร้องเป็นผู้จัดการมรดก ก็สามารถทำได้ครับ แม้ไม่จดทะเบียนสมรส แต่ส่วนใหญ่ศาลอาจไต่สวนเรื่องเกี่ยวกับทายาทอื่นๆหากมี เช่น บุพการี (บิดา มารดา) หรือ ผู้สืบสันดาน(บุตร) ครับ...หากทายาทเหล่านี้ยังมีอยู่ ศาลอาจไม่แต่งตั้งคุณเป็นผู้จัดการมรดกก็ได้ครับ...
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องย่อๆ .....
เท่าที่ดิฉันจะสามารถพลิกฟื้นความทรงจำอันเเจ็บปวด เมื่อคิดถึงวันนั้น....ช่วงวันหยุดยาว "วันเข้าพรรษา" เรามีโปรแกรมเที่ยวกระบี่
อาจจะเป็นความผิดของดิฉัน ที่วันพระ ไม่ยอมเข้าวัดทำบุญ พาหลานสาว 4ขวบ และสามี เรา3ชีวิตออกเดินทางไปกระบี่
วันที่ 22 ก.ค. เราเดินเที่ยว อ่าวนาง และได้ซื้อทัรว์ สำหรับเที่ยว 4เกาะในเย็นนั้น 3คนพร้อมประกันภัย
วันที่ 23 ก.ค. รถบริษัททัวร์มารับตามโปรแกรม และเขาก็พาเราไปทัวร์ตามโปรแกรม
...........................................................................................................................................................................
ดิฉันขอรวบรัดเหตุการณ์ เนื่องจากไม่อยากบรรยายภาพการจมน้ำเสียชีวิตของสามี ขณะที่สวมชูชีพ ดำสน็อกเกิล ณ เกาะไก่ โดยที่มัคคุเทศก์ไม่ได้ แนะนำ การใส่ชูชีพ การสวมสน็อกเกิล ได้แต่แจกชูชีพกับสน็อกเกิล ให้ลูกทัวร์ (18 คน)
หลังจากลงน้ำ 10นาที มีคนพบสามีคว่ำหน้า ไม่หายใจ จึงพาขึ้นเรือ และทำการช่วยฟื้นคืนชีพ
ดิฉันเป็นพยาบาลคะ ได้ช่วยผายปอดตั้งแต่ขึ้นเรือ ตลอดทางจากเกาะไก่ จนถึงรพ.กระบี่ มันนานมาก ในขณะที่ไกด์2คนช่วยกันปั๊มหัวใจไม่หยุด แต่..........เขาก็จากเราไป โดยไม่ได้บอกลา ไม่มีวี่แววการเจ็บป่วยมาก่อน เขาอายุ 61ปี แต่ไม่เคยมีโรคประจำตัวเลย
ที่โรงพยาบาลกระบี่ เวลาเที่ยง.........ดิฉันอยู่ในสภาพช็อค กอดหลานวัย 4ขวบร้องไห้ อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
และเมื่อตำรวจเข้ามาสอบสวน ดิฉันจึงได้รู้ว่า....
ไกด์และผู้ช่วย ทั้งสองคน ไม่มีใบอนุญาต ไกด์ที่มาให้การเป็นอีกคนซึ่งไม่ได้ไปกับเรือลำนี้ด้วย แต่เธอมีใบอนุญาตมัคคุเทศก์ ณ เวลานั้นดิฉันได้แต่จดจำไว้ แต่ไม่ได้แจ้งตำรวจเนื่องจาก บริษัททัวร์ขอร้องไว้ และพูดปลอบโยน แสดงความเห็นใจ ช่วยเหลืออย่างดีมากๆ ประกอบกับดิฉันไม่อยูในอารมณ์ที่จะเอาเรื่องเอาราวอะไรเลย
ผจก.บริษัททัวร์ เธอเป็นผู้หญิงคะ เธอมีประสบการณ์สูญเสียสามีกับอุบัติเหตุเช่นกัน เธอบอกว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของดิฉันดี และจะให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง วันนั้นเธอส่งดิฉันกลับบ้านด้วยเครื่องบิน ค่ารถแท็กซี่+ค่าเครื่องบิน รวม 11600 บาท. ซึ่งเธอเรียกเก็บในวันที่ดิฉันเดินทางไปรับศพสามี พร้อมมอบเอกสาร การเคลมประกันฯ ทุกอย่างที่เธออยากได้ รวมทั้งใบมอบฉันทะการจัดการทรัพย์สินจากครอบครัวทางฝรั่งเศส ที่ทางสถานทูตออกให้ หลังรับเอกสาร และเงินที่เธอเรียกเก็บค่าช่วยเหลือวันนเกิดเหตุ เธอให้ดิฉันใจเย็นๆ รอรับเช็คจากประกันฯ อีก 1เดือน ดิฉันถามเธอว่าทำประกันกับบริษัทอะไร เธออ้อมแอ้มตอบว่า ไทยประกันชีวิต...อบเบามากจนดิฉันทวนว่า ไทยประกันหรือคะ เธอจึงพยักหน้า.....แปลกมั้ยคะ ทำไมเธอตอบแบบไม่เต็มเสียง และดิฉันได้ขอใบเสร็จ แต่เธอไม่ได้เตรียมมาคะ จึงแจ้งญาติให้ช่วยติดตามวันหลัง
ประมาณ 4-5วันถัดมา ตัวแทนประกันฯ โทรมาแจ้งว่า บ.ทัวร์ อาจมีปัญหากับบ.ประกันฯ เพราะเธอจ่ายเบี้ยประกันฯ น้อยกว่าจำนวนลูกค้าที่เธอรับบริการ ดิฉันไม่สนใจคะ เพราะไม่ใช่เรื่องของดิฉัน เขาก็บอกว่า แจ้งให้ทราบเฉยๆ อาจจะช้าหน่อย.....จริงๆแล้วในใจเริ่มกังวล
ขอพักก่อนนะคะ.....ปัญหามันเกิด เมื่อวานนี้คะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง
เท่าที่ดิฉันจะสามารถพลิกฟื้นความทรงจำอันเเจ็บปวด เมื่อคิดถึงวันนั้น....ช่วงวันหยุดยาว "วันเข้าพรรษา" เรามีโปรแกรมเที่ยวกระบี่
อาจจะเป็นความผิดของดิฉัน ที่วันพระ ไม่ยอมเข้าวัดทำบุญ พาหลานสาว 4ขวบ และสามี เรา3ชีวิตออกเดินทางไปกระบี่
วันที่ 22 ก.ค. เราเดินเที่ยว อ่าวนาง และได้ซื้อทัรว์ สำหรับเที่ยว 4เกาะในเย็นนั้น 3คนพร้อมประกันภัย
วันที่ 23 ก.ค. รถบริษัททัวร์มารับตามโปรแกรม และเขาก็พาเราไปทัวร์ตามโปรแกรม
...........................................................................................................................................................................
ดิฉันขอรวบรัดเหตุการณ์ เนื่องจากไม่อยากบรรยายภาพการจมน้ำเสียชีวิตของสามี ขณะที่สวมชูชีพ ดำสน็อกเกิล ณ เกาะไก่ โดยที่มัคคุเทศก์ไม่ได้ แนะนำ การใส่ชูชีพ การสวมสน็อกเกิล ได้แต่แจกชูชีพกับสน็อกเกิล ให้ลูกทัวร์ (18 คน)
หลังจากลงน้ำ 10นาที มีคนพบสามีคว่ำหน้า ไม่หายใจ จึงพาขึ้นเรือ และทำการช่วยฟื้นคืนชีพ
ดิฉันเป็นพยาบาลคะ ได้ช่วยผายปอดตั้งแต่ขึ้นเรือ ตลอดทางจากเกาะไก่ จนถึงรพ.กระบี่ มันนานมาก ในขณะที่ไกด์2คนช่วยกันปั๊มหัวใจไม่หยุด แต่..........เขาก็จากเราไป โดยไม่ได้บอกลา ไม่มีวี่แววการเจ็บป่วยมาก่อน เขาอายุ 61ปี แต่ไม่เคยมีโรคประจำตัวเลย
ที่โรงพยาบาลกระบี่ เวลาเที่ยง.........ดิฉันอยู่ในสภาพช็อค กอดหลานวัย 4ขวบร้องไห้ อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
และเมื่อตำรวจเข้ามาสอบสวน ดิฉันจึงได้รู้ว่า....
ไกด์และผู้ช่วย ทั้งสองคน ไม่มีใบอนุญาต ไกด์ที่มาให้การเป็นอีกคนซึ่งไม่ได้ไปกับเรือลำนี้ด้วย แต่เธอมีใบอนุญาตมัคคุเทศก์ ณ เวลานั้นดิฉันได้แต่จดจำไว้ แต่ไม่ได้แจ้งตำรวจเนื่องจาก บริษัททัวร์ขอร้องไว้ และพูดปลอบโยน แสดงความเห็นใจ ช่วยเหลืออย่างดีมากๆ ประกอบกับดิฉันไม่อยูในอารมณ์ที่จะเอาเรื่องเอาราวอะไรเลย
ผจก.บริษัททัวร์ เธอเป็นผู้หญิงคะ เธอมีประสบการณ์สูญเสียสามีกับอุบัติเหตุเช่นกัน เธอบอกว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของดิฉันดี และจะให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง วันนั้นเธอส่งดิฉันกลับบ้านด้วยเครื่องบิน ค่ารถแท็กซี่+ค่าเครื่องบิน รวม 11600 บาท. ซึ่งเธอเรียกเก็บในวันที่ดิฉันเดินทางไปรับศพสามี พร้อมมอบเอกสาร การเคลมประกันฯ ทุกอย่างที่เธออยากได้ รวมทั้งใบมอบฉันทะการจัดการทรัพย์สินจากครอบครัวทางฝรั่งเศส ที่ทางสถานทูตออกให้ หลังรับเอกสาร และเงินที่เธอเรียกเก็บค่าช่วยเหลือวันนเกิดเหตุ เธอให้ดิฉันใจเย็นๆ รอรับเช็คจากประกันฯ อีก 1เดือน ดิฉันถามเธอว่าทำประกันกับบริษัทอะไร เธออ้อมแอ้มตอบว่า ไทยประกันชีวิต...อบเบามากจนดิฉันทวนว่า ไทยประกันหรือคะ เธอจึงพยักหน้า.....แปลกมั้ยคะ ทำไมเธอตอบแบบไม่เต็มเสียง และดิฉันได้ขอใบเสร็จ แต่เธอไม่ได้เตรียมมาคะ จึงแจ้งญาติให้ช่วยติดตามวันหลัง
ประมาณ 4-5วันถัดมา ตัวแทนประกันฯ โทรมาแจ้งว่า บ.ทัวร์ อาจมีปัญหากับบ.ประกันฯ เพราะเธอจ่ายเบี้ยประกันฯ น้อยกว่าจำนวนลูกค้าที่เธอรับบริการ ดิฉันไม่สนใจคะ เพราะไม่ใช่เรื่องของดิฉัน เขาก็บอกว่า แจ้งให้ทราบเฉยๆ อาจจะช้าหน่อย.....จริงๆแล้วในใจเริ่มกังวล
ขอพักก่อนนะคะ.....ปัญหามันเกิด เมื่อวานนี้คะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง
ความคิดเห็นที่ 78
วันนี้ดิฉันนัดกับหน้าห้องอัยการก่อนคะ แต่ผู้ที่มาให้คำปรึกษาก็เป็นทนายอาสา อยู่ดี
แต่ไม่ผิดหวังเหมือนเมื่อวาน วันนี้เราปรึกษากันหลายเรื่อง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ หลายข้อที่ดิฉันเสียเปรียบ เนื่องจากเขาไม่ยอมบอกชื่อบ.ประกันฯ
เลยสืบไม่ได้ว่าทำไม เขาพลิกลิ้นมาขอให้ศาลสั่งให้เป็นผจก.มรดก จึงจะจ่ายให้ ทั้งๆที่สินไหมทดแทนจากการเสียชีวิต ไม่ใช่"มรดก"
ดิฉันตัดสินใจ โทรติดต่อกับลูกชายเขา ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่เขาอยู่ระหว่างเดินทาง ยังทำเรื่องไม่ได้ ต้องรอไปก่อน 2-3วัน
เราจึงตกลง รอให้ลูกชายมอบอำนาจให้ดิฉัน แล้วยื่นคำร้องต่อศาล คงเป็นเรื่องที่สบายใจที่สุด เนื่องจากดิฉันก็เหนื่อยมากแล้ว คงต้องถึงเวลาพัก รอเวลาลุกขึ้นมาสู้ต่อ อีกครั้ง
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ช่วยภาวนาให้ดิฉัน เรียกร้องความยุติธรรมได้สำเร็จด้วยนะคะ
ขอบคุณเพื่อนๆในพันทิป ที่ช่วยซับเหงื่อ ซับน้ำตา เติมพลังใจ ให้สู้ได้ต่อไปอีกครั้ง......การแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ อาจมีประโยชน์บ้าง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงตอนจบก็ตาม ดิฉันจะมาเล่าตอนต่อไป จนถึงตอนจบแน่นอนคะ
หวังใจว่าในตอนจบ จะสามารถเปิดเผยชื่อบริษัททัวร์ บริษัทประกัน ตัวแทนประกันฯ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้รับทราบเป็นทางเลือก และข้อเตือนใจ เป็นประโยชน์กับสาธารณชนต่อไปคะ
ขอกราบงามๆ และมอบดอกไม้กับทุกความคิดเห็น จากใจ แมงซุ่มมืด คะ
ป.ล. ขอรับคำแนะนำหลังไมค์ ด้วยความยินดีคะ
แต่ไม่ผิดหวังเหมือนเมื่อวาน วันนี้เราปรึกษากันหลายเรื่อง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ หลายข้อที่ดิฉันเสียเปรียบ เนื่องจากเขาไม่ยอมบอกชื่อบ.ประกันฯ
เลยสืบไม่ได้ว่าทำไม เขาพลิกลิ้นมาขอให้ศาลสั่งให้เป็นผจก.มรดก จึงจะจ่ายให้ ทั้งๆที่สินไหมทดแทนจากการเสียชีวิต ไม่ใช่"มรดก"
ดิฉันตัดสินใจ โทรติดต่อกับลูกชายเขา ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่เขาอยู่ระหว่างเดินทาง ยังทำเรื่องไม่ได้ ต้องรอไปก่อน 2-3วัน
เราจึงตกลง รอให้ลูกชายมอบอำนาจให้ดิฉัน แล้วยื่นคำร้องต่อศาล คงเป็นเรื่องที่สบายใจที่สุด เนื่องจากดิฉันก็เหนื่อยมากแล้ว คงต้องถึงเวลาพัก รอเวลาลุกขึ้นมาสู้ต่อ อีกครั้ง
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ช่วยภาวนาให้ดิฉัน เรียกร้องความยุติธรรมได้สำเร็จด้วยนะคะ
ขอบคุณเพื่อนๆในพันทิป ที่ช่วยซับเหงื่อ ซับน้ำตา เติมพลังใจ ให้สู้ได้ต่อไปอีกครั้ง......การแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ อาจมีประโยชน์บ้าง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงตอนจบก็ตาม ดิฉันจะมาเล่าตอนต่อไป จนถึงตอนจบแน่นอนคะ
หวังใจว่าในตอนจบ จะสามารถเปิดเผยชื่อบริษัททัวร์ บริษัทประกัน ตัวแทนประกันฯ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้รับทราบเป็นทางเลือก และข้อเตือนใจ เป็นประโยชน์กับสาธารณชนต่อไปคะ
ขอกราบงามๆ และมอบดอกไม้กับทุกความคิดเห็น จากใจ แมงซุ่มมืด คะ
ป.ล. ขอรับคำแนะนำหลังไมค์ ด้วยความยินดีคะ
ความคิดเห็นที่ 138
ขอแสดงความเสียใจกับคุณจขกท นะครับ ผมไม่ออกความเห็นเรื่องกฏหมายเพราะไม่ทราบแน่ชัด
แต่ขอเป็นกำลังใจให้และขอให้คุณและสามีได้รับความยุติธรรมและความรับผิดชอบจากบริษัทนำเที่ยวครับ
แต่ขอออกความเห็นเรื่องการ snorkle สำหรับคนทั่วไปหน่อยนะครับ เคยตอบในกระทู้เก่าๆหลายเหตุการณ์ไปแล้ว แต่คาดว่าคนคงไม่อ่านกัน
การลงไปดำน้ำตื้น อย่าคิดตื้นๆว่าว่ายน้ำไม่เป็น ว่ายไม่แข็งไม่เป็นไร ใส่ชูชีพลงไปก็จบยังไงก็ลอยไม่จม ไม่อันตรายแน่ๆ
จะทำกิจกรรมพวกนี้อย่าหวังพึ่งไกด์อย่างเดียว คุณต้องพึ่งตัวคุณเองเพราะเป็นความปลอดภัยของคุณ
วิธีการสวมชูชีพ ใส่หน้ากากที่ถูกต้องต้องรู้บ้าง ข้อห้ามสำหรับการดำน้ำคืออะไรต้องทราบ อย่าประมาทคิดว่าเดี๋ยวก็มีคนบอก
อยากจะเรียนให้ทราบว่าใส่ชูชีพลงไป ถ้าคุณทรงตัวไม่ได้ก็อันตรายพอกัน หน้าทิ่มลงน้ำกลับตัวไม่ได้ก็มีมาแล้ว
แล้วถ้าคุณไปเจอเหตุการณ์คลื่นลมแรง กระแสน้ำแรงกะทันหัน คุณจะ panic กว่าคนว่ายน้ำได้
คุณจะตื่นตกใจและสติหลุดเอาง่ายๆ เป็นภาระของคนที่เข้าไปช่วยเหลือด้วย เหตุการณ์พวกนี้แม้แต่คนว่ายน้ำเก่งๆบางทียังเอาตัวรอดลำบากเลย
การดำน้ำไม่ว่าลึกหรือตื้น ควรจะมีสุขภาพร่างกายที่พร้อมด้วย ผู้ที่พักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนเพลีย เป็นโรคหัวใจ โรคลมชักควรรออยู่บนฝั่งหรือเรือ
อีกเรื่องที่ไม่ค่อยทราบกันคือไม่ควรลงไปดำน้ำในขณะที่อิ่มอาหารหรือเพิ่งรับประทานอาหารอิ่มๆ หรือลงน้ำขณะมีอาการเมาค้างหรือแฮงค์
ในกรณีของสามีคุณจขกท เท่าที่ผมไปดำน้ำ เจอมาส่วนมากจะเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย ตะคริวช่องท้อง หรืออาหารอุดตันหลอดลมครับ
ที่น่ากลัวคือกว่าจะพบส่วนใหญ่ก็มักจะสายไปแล้ว เพราะดูไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ เนื่องจากทุกคนคว่ำหน้าดำน้ำเหมือนกันหมด
ส่วนใหญ่ผมจะแนะนำเพื่อนผมว่าควรลงไปดำกันเป็นคู่ ถึงจะเป็นแค่น้ำตื้นก็เถอะ แล้วคอยสังเกตุคนข้างๆด้วยว่าเป็นอะไรรึเปล่า จะได้ช่วยเหลือทัน
อ่านแล้วพิจารณาดูเองครับ ไม่ได้ห้ามให้คนว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่แข็งลงไปดำน้ำหรอก สิทธิ์ของคุณจะลงก็ลงไปได้
แต่ถามว่า รับความเสี่ยงได้ไหม ถ้าอยากดำน้ำ อยากเห็นโลกใต้น้ำ ทำไมไม่หัดว่ายน้ำ เรียนว่ายน้ำให้คล่องก่อนหละครับ
(นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องการเหยียบประการัง การหยิบจับสัตว์น้ำมาถ่ายภาพ หรือเจออะไรก็แตะไปทั่วนะเนี่ย)
สนับสนุนการท่องเที่ยวและการทำกิจกรรมที่เหมาะกับความสามารถและความสนใจของแต่ละบุคคลครับ
แต่ขอเป็นกำลังใจให้และขอให้คุณและสามีได้รับความยุติธรรมและความรับผิดชอบจากบริษัทนำเที่ยวครับ
แต่ขอออกความเห็นเรื่องการ snorkle สำหรับคนทั่วไปหน่อยนะครับ เคยตอบในกระทู้เก่าๆหลายเหตุการณ์ไปแล้ว แต่คาดว่าคนคงไม่อ่านกัน
การลงไปดำน้ำตื้น อย่าคิดตื้นๆว่าว่ายน้ำไม่เป็น ว่ายไม่แข็งไม่เป็นไร ใส่ชูชีพลงไปก็จบยังไงก็ลอยไม่จม ไม่อันตรายแน่ๆ
จะทำกิจกรรมพวกนี้อย่าหวังพึ่งไกด์อย่างเดียว คุณต้องพึ่งตัวคุณเองเพราะเป็นความปลอดภัยของคุณ
วิธีการสวมชูชีพ ใส่หน้ากากที่ถูกต้องต้องรู้บ้าง ข้อห้ามสำหรับการดำน้ำคืออะไรต้องทราบ อย่าประมาทคิดว่าเดี๋ยวก็มีคนบอก
อยากจะเรียนให้ทราบว่าใส่ชูชีพลงไป ถ้าคุณทรงตัวไม่ได้ก็อันตรายพอกัน หน้าทิ่มลงน้ำกลับตัวไม่ได้ก็มีมาแล้ว
แล้วถ้าคุณไปเจอเหตุการณ์คลื่นลมแรง กระแสน้ำแรงกะทันหัน คุณจะ panic กว่าคนว่ายน้ำได้
คุณจะตื่นตกใจและสติหลุดเอาง่ายๆ เป็นภาระของคนที่เข้าไปช่วยเหลือด้วย เหตุการณ์พวกนี้แม้แต่คนว่ายน้ำเก่งๆบางทียังเอาตัวรอดลำบากเลย
การดำน้ำไม่ว่าลึกหรือตื้น ควรจะมีสุขภาพร่างกายที่พร้อมด้วย ผู้ที่พักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนเพลีย เป็นโรคหัวใจ โรคลมชักควรรออยู่บนฝั่งหรือเรือ
อีกเรื่องที่ไม่ค่อยทราบกันคือไม่ควรลงไปดำน้ำในขณะที่อิ่มอาหารหรือเพิ่งรับประทานอาหารอิ่มๆ หรือลงน้ำขณะมีอาการเมาค้างหรือแฮงค์
ในกรณีของสามีคุณจขกท เท่าที่ผมไปดำน้ำ เจอมาส่วนมากจะเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย ตะคริวช่องท้อง หรืออาหารอุดตันหลอดลมครับ
ที่น่ากลัวคือกว่าจะพบส่วนใหญ่ก็มักจะสายไปแล้ว เพราะดูไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ เนื่องจากทุกคนคว่ำหน้าดำน้ำเหมือนกันหมด
ส่วนใหญ่ผมจะแนะนำเพื่อนผมว่าควรลงไปดำกันเป็นคู่ ถึงจะเป็นแค่น้ำตื้นก็เถอะ แล้วคอยสังเกตุคนข้างๆด้วยว่าเป็นอะไรรึเปล่า จะได้ช่วยเหลือทัน
อ่านแล้วพิจารณาดูเองครับ ไม่ได้ห้ามให้คนว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่แข็งลงไปดำน้ำหรอก สิทธิ์ของคุณจะลงก็ลงไปได้
แต่ถามว่า รับความเสี่ยงได้ไหม ถ้าอยากดำน้ำ อยากเห็นโลกใต้น้ำ ทำไมไม่หัดว่ายน้ำ เรียนว่ายน้ำให้คล่องก่อนหละครับ
(นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องการเหยียบประการัง การหยิบจับสัตว์น้ำมาถ่ายภาพ หรือเจออะไรก็แตะไปทั่วนะเนี่ย)
สนับสนุนการท่องเที่ยวและการทำกิจกรรมที่เหมาะกับความสามารถและความสนใจของแต่ละบุคคลครับ
แสดงความคิดเห็น
แชร์ประสบการณ์...แมงซุ่มมืด สูญเสียสามี ไปกับทัวร์ 4เกาะ อ่าวนาง จ.กระบี่
http://ppantip.com/topic/30202092
http://ppantip.com/topic/30151788
http://ppantip.com/topic/30053146
ดิฉันมีสามีต่างชาติฝรั่งเศสคะ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่ด้วยกันมา 5ปี เค้าชอบเมืองไทย เราจึงท่องเที่ยวกันเป็นประจำทุกวันหยุด
เขามีพี่น้อง+ลูกชาย 1คน อยู่ที่ฝรั่งเศสและได้แสดงความจำนงที่จะมาตั้งหลักฐานอยูประเทศไทยตลอดไป ซึ่งครอบครัวก็รับรู้กันทุกคน แม้แต่ศาสนา เขาก็นับถือศาสนาพุทธ และบอกว่าหากเขาเสียชีวิต ขอฌาปณกิจตามประเพณีไทย...เพราะรักประเทศไทยมากเหลือเกิน
ดิฉัน ได้ตั้งกระทู้นี้ทั้งน้ำตา เพราะความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีที่รัก ยังไม่ถึงเดือนเลย
แต่ต้องการคำแนะนำ และแชร์ประสบการณ์ จากเพื่อนสมาชิกพันทิปคะ เนื่องจากไม่รู้จะปรึกษาใครอีกแล้ว...
วันนี้ต้องเข้มแข็ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้สามีที่กำลังจะถูกคนในประเทศไทย ที่เขารัก ปล่อยให้เขาตายฟรี ได้อย่างไร