ขออนุญาตเล่าประสบการณ์จริงของเรา จากที่ทำงานเก่า ที่ทำให้ได้รู้จักคนที่น่ากลัวชนิดหนึ่ง เมื่อเริ่มไปทำงานก็ได้รู้จักกับน้องสาวคนนึง นางเป็นคนน่ารักมาก ๆ และดูท่าว่าจะรักเรามาก ประหนึ่งพี่น้องร่วมสายเลือดกันเลยทีเดียว เราก็รักนางเพราะด้วยความที่คิดว่านางเป็นน้องเลยตักเตือนเมื่อเห็นว่านางทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม คือนางมีแฟนที่หมั้นแล้ว และไปอาศัยอยู่กินที่บ้านของแฟน และพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้ จริง ๆ ก็เหมือนผัวเมียนั่นแหละ แต่นางดันไปทำตัวสนิทสนมกับ
ตัวนึง เอ๊ย..ผู้ชายคนนึง ที่คนรอบข้างมองว่ามันเกินเจ้านายกับลูกน้อง ก็ดูเหมือนว่านางจะรับฟังสิ่งที่เราพูดอย่างดีเลยนะ และยังยืนยันกับเราว่าไม่มีอะไรจริง
จากนั้นมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น มีหลายคนมาพูดมาบอกถึงความร้ายกาจช่างวางแผนของนาง เราไม่เคยเชื่อหรอก ก็ดูนางใสใสขนาดนั้นน่ะ จนวันนึงได้เห็นไลน์ที่นางคุยกะเจ้านายคนนั้น (จากนี้จะขออนุญาตเรียกว่า “มัน” ละกันนะ) ข้อความในนั้นแสดงถึงความสนิทสนมมากมาย ที่สำคัญกว่านั้น คือได้เห็นหน้าที่สำคัญของนาง ว่าเป็นคนคอยเฝ้าหน้าจอกล้องวงจรปิด เพื่อจับผิดพนักงานบริษัท รวมถึงแค้บข้อความต่าง ๆ ที่เราระบายลงในเฟ้สบุ้ค พร้อมกับสนส่อให้มันตัดสินพนักงานในออฟฟิศว่าเป็นคนไม่ดี ไม่รักบริษัท พยายามทำลายบริษัท เหตุเพราะแอบเล่นเฟ้สเล่นไลน์ในบางที (อยากรู้มันเอาอะไรคิด) ทั้งนางและมันผู้นั้นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจ้ะ แถมยังยกตำแหน่งหัวโจกให้เรา ว่าเรานำให้หลายคนในออฟฟิศต่อต้านบริษัทด้วยนะ ก็ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีหรอก แต่ก็ไม่เคยคิดร้ายกะใคร เพื่อนร่วมงานหลายคนรู้ เราเลยกลายเป็นคนน่าสงสารที่ถูกน้องสาวคนดีปั่นหัว ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นข้อความแบบนั้น นางคุยกับมันว่า เสียดายเงินเดือนที่ให้เรา มันทำให้บริษัทสิ้นเปลือง อยากจะขอเงินคืน นี่คือคำพูดของคนที่แสดงออกต่อเราว่าเป็นน้องสาวที่รักกันมาก แต่สิ่งที่นางไปคุยกับเจ้านายลับหลังเรา คือการสนส่อให้เจ้านายเกลียดเรา เราเสียใจจริง ๆ และไม่เข้าใจว่า เกลียดเราแล้วมาทำเหมือนรักเราทำไมว้า เรื่องราวของนางยังมีอีกยาว ไว้จะมาเล่าอีก แค่อยากรู้ว่าเราควรจะทำยังไงกับเพื่อนร่วมงานประเภทนี้ดีนะ
ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานเสแสร้ง ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง เราควรทำอย่างไร
จากนั้นมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น มีหลายคนมาพูดมาบอกถึงความร้ายกาจช่างวางแผนของนาง เราไม่เคยเชื่อหรอก ก็ดูนางใสใสขนาดนั้นน่ะ จนวันนึงได้เห็นไลน์ที่นางคุยกะเจ้านายคนนั้น (จากนี้จะขออนุญาตเรียกว่า “มัน” ละกันนะ) ข้อความในนั้นแสดงถึงความสนิทสนมมากมาย ที่สำคัญกว่านั้น คือได้เห็นหน้าที่สำคัญของนาง ว่าเป็นคนคอยเฝ้าหน้าจอกล้องวงจรปิด เพื่อจับผิดพนักงานบริษัท รวมถึงแค้บข้อความต่าง ๆ ที่เราระบายลงในเฟ้สบุ้ค พร้อมกับสนส่อให้มันตัดสินพนักงานในออฟฟิศว่าเป็นคนไม่ดี ไม่รักบริษัท พยายามทำลายบริษัท เหตุเพราะแอบเล่นเฟ้สเล่นไลน์ในบางที (อยากรู้มันเอาอะไรคิด) ทั้งนางและมันผู้นั้นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจ้ะ แถมยังยกตำแหน่งหัวโจกให้เรา ว่าเรานำให้หลายคนในออฟฟิศต่อต้านบริษัทด้วยนะ ก็ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีหรอก แต่ก็ไม่เคยคิดร้ายกะใคร เพื่อนร่วมงานหลายคนรู้ เราเลยกลายเป็นคนน่าสงสารที่ถูกน้องสาวคนดีปั่นหัว ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นข้อความแบบนั้น นางคุยกับมันว่า เสียดายเงินเดือนที่ให้เรา มันทำให้บริษัทสิ้นเปลือง อยากจะขอเงินคืน นี่คือคำพูดของคนที่แสดงออกต่อเราว่าเป็นน้องสาวที่รักกันมาก แต่สิ่งที่นางไปคุยกับเจ้านายลับหลังเรา คือการสนส่อให้เจ้านายเกลียดเรา เราเสียใจจริง ๆ และไม่เข้าใจว่า เกลียดเราแล้วมาทำเหมือนรักเราทำไมว้า เรื่องราวของนางยังมีอีกยาว ไว้จะมาเล่าอีก แค่อยากรู้ว่าเราควรจะทำยังไงกับเพื่อนร่วมงานประเภทนี้ดีนะ