ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 11/8/2017 (Hip Hop)

กระทู้คำถาม



พลุ MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะพลุ







วันนี้ใครเปิด google จะเห็น Google Doodles เป็นภาพนี้ค่ะ นั่นคือครบรอบวันเกิด 44 ปีของดนตรีแนวฮิปฮอป เพราะเริ่มเมื่อ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1973



เพื่อให้สมกับเป็นห้องเพลง วันนี้เรามารู้จักดนตรีแนวนี้กัน

ฮิปฮอป (Hip Hop) หรือ ฮิป-ฮอป (Hip-hop) มีความหมายถึงในด้านดนตรีแนวฮิปฮอป ที่เป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่นอเมริกาและทั่วโลก จนถูกยกระดับให้เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งมีรากฐานการพัฒนามาจากชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และ ชาวละติน โดยในช่วงยุค 70' หลังจากที่ดนตรีดิสโก้ที่พัฒนามาจาก แนวเพลงฟังค์ ในแบบของโมทาวน์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้มีการเปิดแผ่นเพลงในคลับต่าง ๆ และด้วยการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เกิดการสร้าง loop, beat ใหม่ ๆ ขึ้นมา ดนตรีฮิปฮอป จึงถือกำเนิดขึ้น

คำว่า ฮิปฮอป มักถูกยกเครดิตให้กับ Keith Cowboy แร็ปเปอร์วง Grandmaster Flash & The Furious Five ถึงแม้ว่าในยุคนั้นศิลปินอย่าง LoveBug Starski, Keith Cowboy, และ DJ Hollywood จะถูกเรียกในนามของ "Disco Rap" แต่เครดิตก็มักยกให้กับ Keith Cowboy

ในช่วงยุค 70' เมื่อวัยรุ่นในย่านละแวกใกล้เคียงต้องการจะจัดงานปาร์ตี้ รื่นเริง (block party) ดนตรีฮิปฮอปจึงได้รับการแพร่ขยายเป็นที่รู้จัก ซึ่งฮิปฮอปก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ว่าเป็นแนวดนตรีชนิดหนึ่งอีกต่อไป แต่ยังได้รับการยกระดับให้เป็น วัฒนธรรมอย่างหนึ่งด้วย โดย วัฒนธรรมฮิปฮอปจะเกิดขึ้นได้โดยต้องมีปัจจัย 4 อย่าง คือ

    1. กราฟฟิตี (graffiti) เป็นการเพนท์ พ่น กำแพง ความหมายเพื่อการเชื้อเชิญ แขก หรือสาว ๆ ในละแวกนั้นว่า งานปาร์ตี้เริ่มที่ไหนเมื่อไหร่



    2. ดีเจ (DJ) ซึ่งมาจากคำว่า disc jockey ทำหน้าที่เป็นผู้เปิดแผ่นเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานปาร์ตี้



    3. บี-บอย (B-Boy) - เป็นกลุ่มคนที่มาเต้นในช่วงระหว่างที่ดีเจกำลังเซ็ทแผ่นเพลง เพื่อเป็นการคั่นเวลา ซึ่งลักษณะการเต้น เราจะเรียกว่าเบรกแดนซ์ (break dance)



    4. เอ็มซี (MC) เป็นแร็ปเปอร์ซึ่งหลังจากที่ ดีเจ เซ็ทแผ่นเรียบร้อยแล้ว MC จะทำหน้าที่ดำเนินงาน และงานปาร์ตี้ก็ได้เริ่มขึ้น


ตอนต้นยุค 70s เริ่มจากดีเจในสมัยนั้นที่เป็นส่วนในการเล่นดนตรีแนวเบรก-บีท (break-beat) ซึ่งเป็นที่นิยมในการเต้นรำในสมัยนั้น DJ Kool Herc และ Grandmaster Flash ได้แยกการดีเจออกมาโดยเน้นเพื่อให้เป็นการเต้นรำได้ตลอดทั้งคืน เบรก-บีทนั้นก็พัฒนามาจากเพลงฟังก์ที่มีพวกเครื่องเล่นเพอร์คัชชันเล่นอยู่ด้วย และนี่ก็เป็นการพัฒนาของดีเจ รวมถึงคัตติง (cutting) ด้วย

การแร็ปนั้น พวก MC ตอนแรกจะพูดเพื่อโปรโมทให้ดีเจในงานปาร์ตี้ต่าง ๆ แต่เริ่มมีการพัฒนาโดยการใส่เนื้อร้องลงไป โดยเนื้อหาอาจจะเกี่ยวกับชีวิต เรื่องรอบตัว ยาเสพติด เซ็กส์ โดย Melle Mel มักถูกยกเครดิตว่าเป็น MC คนแรก

ปลายยุค 70s ดีเจหลายคนได้ออกแผ่น โดยมีการแร็ปลงจังหวะเพลง เพลงที่ดัง ๆ มีอย่าง "Supperrappin" ของ Grandmaster Flash & The Furious Five, "The Breaks" ของ Kurtis Blow และ "Rapper's Delight" ของ The Sugar Hill Gang เป็นต้น

จนกระทั่งในปี 1983 ฮิปฮิอปถูกย้ำให้ชัดเจนขึ้นเมื่อ Afrika Bambaataa and the Soulsonic Force ได้ออกแผ่นที่ชื่อว่า "Planet Rock" แทนที่จะเป็นการแร็ปในจังหวะดิสโก้ Bambaataa ได้ใช้เสียงอีเลคโทรนิกแบบใหม่ขึ้นมาแทน โดยเทคโนโลยีซินธิไซเซอร์สมัยนั้น จนกระทั่ง ฮิปฮอปเข้าสู่กระแสหลัก เป็นที่นิยมอย่างมากในยุค 90s ซึ่งในปัจจุบันมีศิลปินแนวฮิปฮอปอยู่จำนวนมาก


ที่นี้มาดูการแต่งตัวแบบฮิปฮอปกันบ้างค่ะ

แฟชั่นฮิปฮอป สไตล์การแต่งตัวเท่ ๆ สำหรับผู้ชายมีสีสัน

คนที่ชอบฟังเพลงแนวนี้ได้รับอิทธิพลในการแต่งตัวมาจากศิลปินต้นแบบของตัวเองกันถ้วนหน้า



ซึ่งแฟชั่นการแต่งตัวสไตล์นี้จะค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียกได้ว่าเห็นปุ๊บรู้ปั๊บเลยทีเดียว ที่เห็นได้ชัด ๆ ก็คือ เสื้อและกางเกงจะนิยมใส่ไซส์ใหญ่ ให้ดูหลวม ๆ เครื่องประดับที่เป็นเงาวิบวับมาเต็ม ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ และแหวน นอกจากนี้ยังอาจมีหมวกเพิ่มเติมด้วย ส่วนรองเท้าก็ต้องเป็นรองเท้าผ้าใบแน่นอน



           แต่ใช่ว่าแฟชั่นสไตล์ฮิปฮอปนั้นต้องฟิกซ์ตายตัวว่าเป็นเสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น ทว่ายังพลิกแพลงมาใส่เสื้อผ้าแบบไซส์ทั่ว ๆ ไปเช่นกัน มันอาจขึ้นอยู่กับฟีลของผู้ใส่เองด้วย ว่าอยากใส่สไตล์ใด ลองดูจากบรรดาศิลปินจากต่างประเทศก็ได้ หรือถ้าเอาใกล้ตัวหน่อยในบ้านเราที่เห็นได้ชัดมากที่สุดก็มีวงอย่าง ไทเทเนียม เป็นต้น




ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%9B
https://men.kapook.com/view75751.html
https://www.dek-d.com/article/22067/



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ







ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม




เธออย่าหยุดความฝัน ห้องเพลง 2 ปี (เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี ขับร้อง โดย MC มาริโอ้)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
แจมด้วยนักร้องฮิปฮอปคนนี้ เคยตั้งเป็นกระทู้เพลงไว้ https://ppantip.com/topic/36459691

Prince Ea ได้ทำคลิปนี้ ซึ่งฮือฮามากในโลกโซเชียล เมื่อประมาณ กันยายน 2559


Prince Ea คือใคร ?

เขาเป็นศิลปินและนักร้องฮิปฮอปชาวอเมริกัน เขามักทำคลิปที่สร้างสรรค์สังคม และมีแฟนคลับติดตามผลงานทางโซเชียลนับล้าน


http://www.admissionpremium.com/news/1587


Prince Ea อุทิศตนให้กับการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การสั่งสอน แต่แสดงให้เราได้เห็นถึงพลังที่มีอยู่ในตัวของทุกๆ คน

เขาเชื่อว่า “ความรักคือทางออกของทุกปัญหา” และจะยังคงส่งต่อข้อความนี้ออกไปเท่าที่เขาจะสามารถทำได้



ผมขอฟ้องร้องระบบการศึกษา !! (ซับไทย) I JUST SUED THE SCHOOL SYSTEM !! - มุมมองใหม่

หลายคนอาจคุ้นเคยกับคลิปนี้ดี อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองคลิกดูค่ะ มีประโยคเด็ดๆ เกี่ยวกับการศึกษามากมาย

https://www.youtube.com/watch?v=1CrkOaWj2Ao
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ในคลิป กล่าวถึงชายคนหนึ่งกำลังว่าความให้เด็กๆ ต่อศาล ถึงความไม่ยุติธรรมของระบบการศึกษา
ที่พยายามทำให้ปลาทองปีนลงจากต้นไม้ และวิ่งต่อไปอีก 10 ไมล์ (คือ ไม่ดูความสามารถ หรือสิ่งที่เด็กแต่ละคนถนัด)

โรงเรียนกำลังเปลี่ยนคนล้านๆ ให้กลายเป็นหุ่นยนต์


เด็กๆ ต้องเรียนอย่างหนัก แต่ไม่พบพรสวรรค์ของตัวเอง และคิดว่าตัวเองโง่และไร้ค่า


ผมขอกล่าวหาว่า...


ผมมีหลักฐาน ดูภาพนี้


กับนี่


แตกต่างกันใช่ไหม ยังก่อน...


กับนี่


และ


เห็นอะไรไหม


ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย คุณกำลังเตรียมเด็กๆ สำหรับ "อนาคต" หรือ "อดีต" กันแน่


พวกคุณพยายามสร้างนักเรียนให้จบการศึกษาออกมาเหมือนๆ กัน เป็นหุ่นยนต์ จบมาทำงานในโรงงาน
และให้เด็กแข่งขันกันเพื่อเป็นเนื้อเกรด A

โลกกำลังก้าวหน้า เราไม่ต้องการ "หุ่นยนต์" อีกแล้ว แต่เราต้องการ "คนมีความคิดสร้างสรรค์"


ถ้าหมอจ่ายยาแบบเดียวกันให้กับผู้ป่วยทุกคน ผลจะเป็นอย่างไร


เด็กแต่ละคนมีจุดแข็ง จุดอ่อน พรสวรรค์ ทักษะ ความถนัด ความชอบ ความฝันที่ต่างกัน

แต่คุณกลับสอนในสิ่งที่เหมือนๆ กัน ผมว่า...


เขายังพูดถึงความล้มเหลวในการวัดผล พูดถึงความสำคัญของทุกวิชาที่ควรมีเท่าๆ กัน
พูดถึงค่าตอบแทนที่น้อยนิดของอาชีพ “ครู” ผู้ที่ต้องรับภาระในการเข้าถึงนักเรียน
และรักษาจิตใจของเด็กๆ เมื่อเทียบกับแพทย์

พูดถึงการทำงานของครูในระบบที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ความคับแคบของระบบที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้กระทรวง
ภายใต้คนที่ไม่เคยแม้แต่สอนหนังสือจริงๆ

และชวนให้ทุกๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างอนาคตที่ดีของการศึกษาได้อย่างไร



คลิปนี้อาจจะไม่ใช่ข้อสรุปที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญคือการเปิดกว้างถึงมุมมองใหม่ๆ ให้ระบบการศึกษาเพื่อโลกของอนาคต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่