Review ประสบการณ์ตรง เฉียดตายที่ Moscow , Russia
ก่อนอื่นถ้าพูดถึงประเทศรัสเซียหลายๆคนคงรู้จักและคุ้นหู หรือบางคนอาจเคยไปมาแล้ว เพราะเป็นประเทศที่เปิดให้คนไทยเข้าไปโดยไม่ต้องขอวีซ่า (Visa on arrival) แล้วยังเป็นประเทศที่เรียกว่ามีความสวยงามแบบสุดๆไปเลย
รัสเซีย เป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของเราอีกอย่างเรามีแฟนเป็นคนมอสโคหล่อล่ำหรรษาอยู่ที่นั่น เราเลยเลือกไปที่นั่น และเลือกไปช่วงที่ตรงกับ Christmas ช่วงที่หิมะตกเยอะ อากาศหนาวๆ โพสรูปเฟสบุ๊คได้รัวๆ
เราเดินทางโดยใช้สายการบินประจำชาติที่นั่นเลย (จำชื่อไม่ได้ ไปตอนปี 2012) ค่าตั๋วตอนนั้นไปกล้บตกอยู่ราวๆ 48,000 บาท วิวจากบนเครื่องสวยสุดๆเหมือนหลุดมาจากฮอควอต จำได้ตอนเครื่องจะลงเหมือนกับเจอมรสุมอะไรสักอย่างเพราะหิมะตกหนักกัปตันขับวนไปวนมากว่าจะได้นำเครื่องลง แต่สุดท้ายก็นำเครื่องลงแบบปลอดภัย และทุกคนก็ตรบมือกันสนั่นหวั่นใหว ในใจเราคิดว่านี่เป็นธรรมเนียมของที่นี่หรืออะไรกันแต่น่ารักดี สืบไปสืบมาคือต้องขอบคุณกัปตันที่พาเรามาถึง Moscow แบบปลอดภัยจากการฝ่าพายุมรสุมครั้งนั้น...(น่ารักไปอี๊กกก) นี่คือเฉียดตายเรื่องแรก แต่เราไม่ได้โชคดีเสมอไปนี่สิ
พอถึงที่นั่นก็เขียนใบว่าพักที่ใหนกับใครอย่างไร ผ่านต.ม.ก็เข้าเมืองได้และ ในที่สุดก็เจอกับพระสวามีที่รออยู่ พร้อมกับรอยยิ้มแบบน่ารักๆ อิอิ หุหุ ตะมุตะมิ ระหว่างทางจะถึงที่พักเราใช้รถไฟออกจากแอร์พอตจำได้ว่าทุกอย่างเก่า รถไฟสวยมาก มาตรงเวลา บ้านแฟนเราอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 20 นาที Adinsovo เป็นย่านที่เป็นเหมือนกับเฟรตเก่าๆหน้าตาเหมือนกันหมด ตึก A B C แบบโคลนนิ่งกันมาไรแบบนั้น
แพลนทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี คือเข้าเมืองมาถ่ายรูป red square , shopping , Musium , cenima , skiing , ตอนนั้นจำได้เลยยืมเสื้อผ้าเพื่อนไปจากไทยเพราะเราไม่มีชุดกันหนาวแบบติดลบ -17 องศาและหิมะตกตลอดเวลา วันแต่ละวันผ่านไปไม่เห็นแม้แต่แสงอาทิตย์มีแค่ความสว่างอันน้อยนิด แล้วตอนมืดนี่ก็เจะเร็วไปไหน เค้าพาเราไปเที่ยวถ่ายรูปจนไอโฟนเมมแทบระเบิดกันเลยทีเดียว เพราะหันไปทางไหนก็สวยไปหมด
เราอยู่ที่นั่นไปได้สัก5วัน ก็เลยคิดว่า....... เอาละกิ๊ฟนี่กิ๊ฟต้องออกไปสบัดปีกไปเที่ยวกลางคืนให้สยายแล้วนะ รถไฟก็นั่งเป็น อะไรก็รู้ละ เอาเป็นว่า พร้อมมากค่ะตอนนั้น เลยบอกแฟนว่า เธอ.. ฉันจะไปเที่ยวผับเกย์ที่นี่นะ!!! แฟนก็บอกว่า ได้สิเค้าอนุญาติเพราะเค้าเป็นคนไม่ดื่มและไม่ชอบผับเลย ผิดกับเราที่รักแสงสีมากกกกกกกกกก
เวลาการกระพือปีกก็มาถึง......จัดชุด หน้าพร้อม (คิดในใจว่ากูฮอตแน่ๆ กูเป็นเอเชียในที่นี้) แฟนด้วยความเป็นห่วง เขียนเบอร์และที่อยู่ของเค้าใส่กระดาษเท่านามบัตรใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเราและบอกให้ดูแลตัวเองดีๆ อย่าคุยกับคนอื่น เราเลยบอก..โอเค โนวพรอมแพร่ม
ออกมาด้วยความมั่นใจ ก็นั่งรถไฟ ออกไปมุ่งหน้าสู่ผับเกย์ ที่ ใกล้ๆ central station ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ สองทุ่มกว่า จำได้ว่า พอเราต้องเปลี่ยนสายรถเราดัน... งง!!! เพราะปกติแฟนพาขึ้นรถตลอด GPS ก้อบอกแต่อย่าลืมป้ายเป็นภาษาดอกไม้ ตัวหนังสือรัสเซียหมด เราเลยเห็นผู้หญิงเดินมา 2 คนก็เอาว่ะลองถามทาง น่าจะไม่เป็นไร เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ถือว่าโชคดี เค้าก็บอกให้เราต่อสายนี้ๆแบบนี้ๆ เราก้อแยกกันแต่!!!!!!!!
ตอนแรกก็ไม่ทันสังเกตุ มีผู้ชายตามมาจ้าาาาาา และมาคุยกับเราแบบเป็นมิตรว่ามาจากประเทศอะไร กำลังไปใหน เราบอกว่าไปที่นี่นางก็บอกพวกนางไปเหมือนกัน จนกระทั่งลงรถไฟ เราก็รีบเดินเพื่อจะไม่ให้นางตามเรามา แต่.....บร๊ะเจ้าจ๊อด นางตามมาหวะ!! และตามมาติดๆ จนเราเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เราบอกพวกนางว่าไม่เป็นไร เราจะเรียกแท็กซี่ไปที่อื่น
โบกแท็กซี่ปุ๊บ บอกแท็กซี่ไปผับนี่ๆ เราขึ้นนั่งรถข้างหน้า สรุปมันตามมาเปิดรถขึ้นข้างหลังตามมาทั้ง 2คน เท็กซี่ล็อครถ พูดเป็นภาษาบ้านมัน เราเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรหาแฟนแต่มันฉกไป พร้อมกับแท็กซี่ขับไวเว่อออ ไปจอดที่ใต้สะพานกลับรถ ฉากตอนนั้นยังอยู่ในหัว
มันรีบเปิดประตูดึงเราออกไปพร้อมพูดว่า give me your phone ! (เสียดายมากรูปทั้งหมอยู่ในนั้น) แต่มันกระชากเราพร้อมกับต่อยเข้าที่จมูก อย่างแรง และพูดว่า...money money เราเลยหยิบเงินให้มัน ตอนนั้นแต่มันก็ต่อยอีก ชุลมุนมาก จินตนาการดูตอนนั้นผู้ชายตัวใหญ่ๆวัยรุ่นสูงๆสองคนรุมคุณอยู่ พอมันหยิบเงินเรา เราก็ถือโอกาศช่วงนั้นแหละ......วิ่งสิวิ่ง!!!!!!ถุงมงถุงมือหลุดวิ่งไม่คิดชีวิตแล้ว เพราะถ้ามันมีดกว่านี้ กูตายแน่ๆ ตอนนั้นหน้าชาไปหมดเอามือจับดู โอ้ยยยยยยยเลือด!!!!!!! ใหลตลอดไม่หยุด เราเลยเอาหิม่ะมาโปะไว้เพื่อห้ามเลือด
วิ่งมาได้สักพักมันไม่ตามมาละ ในความโชคร้ายก็เจอความโชคดี เจอรถตำรวจจอดทำอะไรสักอย่างอยู่ เราเลยเข้าไปพร้อมกับโชว์ passport ว่า...นี่ฉันมามจากไทยแลนด์ ฉันโดนปล้น ไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์ และฉันบาดเจ็บหนาวมากด้วยขอฉันเข้าไปนั่งในรถได้มั้ย ติดต่อเพื่อนฉันให้หน่อย ไปส่งกูหน่อยยยยยพลีส พูดไปน้ำตาก็ใหล เลือดก็ใหล ตำรวจเลยพูดกลับมาคำเดียว ว่า..."No" เขาไม่เข้าใจที่เราพูด และไม่แคร์
คิดในใจตอนนั้นคือทำยังไงดี!!!เจ็บจมูกมากเลือดไม่หยุด กลับบ้านเพื่อนก็ไม่ได้ หรือเราต้องหนาวตาย
เป็นไงเป็นกันออกไปยืนกลางถนนพร้อมทั้งชู2แขนขึ้นบนหัวโบกรถทุกคัน ไม่มีใครหยุด เลยเชื่อมั้ย ร้องไห้ตอนหนาวๆนี่แบบทรมานสุดๆ
จนกระทั่งมี Taxi มาจอด แถมพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย..
เราเลยบอกไปว่าให้ไปส่งตามที่อยู่นี้ เรามาจากไทยโดนปล้นไม่มีเงินแต่ถ้าไปถึงจะจ่ายให้ 2เท่า ! เค้าเลยโอเค
หยิบกระดาษขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า!!! แต่ อิ
กระดาษโดนหิมะ ตัวอักษรเลยเลือนตรงเลขที่บ้าน อิดวกก มีอะไร
กว่านี้อีกมั้ย?
คนขับแท็กซี่เลยโทรหาแฟนเราเพื่อจะถามที่อยู่ แต่!!! ไม่มีคนรับเลย
คนขับเลยบอกว่า งั้นเธอมานั่งหน้าฉันจะรับผู้โดยสาร ไปพลางๆจนกว่าจะติดต่อเพื่อนเธอได้
มีผู้โดยสารขึ้นมาเราก็คุยๆ เค้าบอกเค้าเคยมาไทยพัทยาภูเกต เราโดนปล้นมา ยื่นตังให้เรา 500 rb ตอนนั้นเลย แต่
กว่านั้นอืแท๊กซี่ก้อเอาไปบอกเป็นค่ารถมัดจำไว้ก่อน
เราเลยโอเค ก็ได้แต่วอนขอให้คนขับอย่าทิ้งเรา แต่เค้าก้อดีนะ พยายามโทรเรื่อยๆ จนติดและบอกแฟนเราว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมทั้งไปส่งเรา!!!
จำได้เลยพอเห็นหน้าแฟนยืนหน้าตึกเรารู้สึกได้เลยว่าปลอดภัยคือสิ่งที่ต้องการ กอดแฟนพร้อมกับปล่อยโฮเลย
แฟนพาเราขึ้นไปข้างบนพร้อมกับมีแม่เค้าเพื่อนเค้ารอรับเราถามว่าเกิดอะไรขึ้น และปฐมพยาบาลเบื้องต้น ภาพที่เราเห็นคือทุกคนรวมตังกันเอายัดใส่มือแฟนเราให้พาเราไปโรงพยาบาล คือแฟนเราไม่รวย หาเช้ากินค่ำไปวันๆการไปหาหมอที่นั่นคือเรื่องใหญ่ และเราก็ไม่ได้ซื้อประกันเดินทางใดๆ
เราไปถึงโรงพยาบาลจำได้เลยฉากซึ้งและไม่เคยลืมคือ...เลือดมันลงคอ แห้งและขมคอมากระหว่างรอหมอ เลยบอกแฟนว่า หิวน้ำมากๆ ซึ่งไม่มีน้ำขาย ไม่มีก๊อก มีแต่ถังขยะใกล้ๆที่นั่ง แฟนเลยค้นถังขยะเอาน้ำที่เหลือๆในขวดเปิดชิมก่อนแล้วเอาให้เราดื่ม อยากกัดลิ้นตัวเองตายตรงนั้น ทำไมอนาถาขนาดนี้
สรุปหาหมอเสร็จ จมูกแตก แต่ไม่ต้องเย็บ แค่ทำแผลและทานยา
จบทริปเลยนอนอยู่แต่บ้านดูกระจกตาปูดบวม แทบมองไม่เห็นในตามีสีแดงๆแทนตาขาว บวมมากๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็บินกลับไทย พร้อมกับเอาตาบวมๆมาฝากเมืองไทย แต่ก็คิดว่าโชคดีที่ไม่ตาย และมีคนที่ดีๆอยู่บนโลกนี้
ไงหวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้เพื่อนที่คิดจะเดินทางไปไหนให้ศึกษาข้อมูลดีๆ และเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง และอย่าลืมซื้อประกันการเดินทางด้วยนะ
-----------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่อ่านจนจบ
ใครมีข้อสงสัยอะไรหรือขอคำแนะนำอะไรเข้ามาพูดคุยกับเราได้ที่นี่เลย
เพจ.
เที่ยวตามเป้า by Thai backpacker
-----------------
[CR] Review ประสบการณ์ตรง เฉียดตาย!! ที่ Moscow , Russia
ก่อนอื่นถ้าพูดถึงประเทศรัสเซียหลายๆคนคงรู้จักและคุ้นหู หรือบางคนอาจเคยไปมาแล้ว เพราะเป็นประเทศที่เปิดให้คนไทยเข้าไปโดยไม่ต้องขอวีซ่า (Visa on arrival) แล้วยังเป็นประเทศที่เรียกว่ามีความสวยงามแบบสุดๆไปเลย
รัสเซีย เป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของเราอีกอย่างเรามีแฟนเป็นคนมอสโคหล่อล่ำหรรษาอยู่ที่นั่น เราเลยเลือกไปที่นั่น และเลือกไปช่วงที่ตรงกับ Christmas ช่วงที่หิมะตกเยอะ อากาศหนาวๆ โพสรูปเฟสบุ๊คได้รัวๆ
เราเดินทางโดยใช้สายการบินประจำชาติที่นั่นเลย (จำชื่อไม่ได้ ไปตอนปี 2012) ค่าตั๋วตอนนั้นไปกล้บตกอยู่ราวๆ 48,000 บาท วิวจากบนเครื่องสวยสุดๆเหมือนหลุดมาจากฮอควอต จำได้ตอนเครื่องจะลงเหมือนกับเจอมรสุมอะไรสักอย่างเพราะหิมะตกหนักกัปตันขับวนไปวนมากว่าจะได้นำเครื่องลง แต่สุดท้ายก็นำเครื่องลงแบบปลอดภัย และทุกคนก็ตรบมือกันสนั่นหวั่นใหว ในใจเราคิดว่านี่เป็นธรรมเนียมของที่นี่หรืออะไรกันแต่น่ารักดี สืบไปสืบมาคือต้องขอบคุณกัปตันที่พาเรามาถึง Moscow แบบปลอดภัยจากการฝ่าพายุมรสุมครั้งนั้น...(น่ารักไปอี๊กกก) นี่คือเฉียดตายเรื่องแรก แต่เราไม่ได้โชคดีเสมอไปนี่สิ
พอถึงที่นั่นก็เขียนใบว่าพักที่ใหนกับใครอย่างไร ผ่านต.ม.ก็เข้าเมืองได้และ ในที่สุดก็เจอกับพระสวามีที่รออยู่ พร้อมกับรอยยิ้มแบบน่ารักๆ อิอิ หุหุ ตะมุตะมิ ระหว่างทางจะถึงที่พักเราใช้รถไฟออกจากแอร์พอตจำได้ว่าทุกอย่างเก่า รถไฟสวยมาก มาตรงเวลา บ้านแฟนเราอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 20 นาที Adinsovo เป็นย่านที่เป็นเหมือนกับเฟรตเก่าๆหน้าตาเหมือนกันหมด ตึก A B C แบบโคลนนิ่งกันมาไรแบบนั้น
แพลนทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี คือเข้าเมืองมาถ่ายรูป red square , shopping , Musium , cenima , skiing , ตอนนั้นจำได้เลยยืมเสื้อผ้าเพื่อนไปจากไทยเพราะเราไม่มีชุดกันหนาวแบบติดลบ -17 องศาและหิมะตกตลอดเวลา วันแต่ละวันผ่านไปไม่เห็นแม้แต่แสงอาทิตย์มีแค่ความสว่างอันน้อยนิด แล้วตอนมืดนี่ก็เจะเร็วไปไหน เค้าพาเราไปเที่ยวถ่ายรูปจนไอโฟนเมมแทบระเบิดกันเลยทีเดียว เพราะหันไปทางไหนก็สวยไปหมด
เราอยู่ที่นั่นไปได้สัก5วัน ก็เลยคิดว่า....... เอาละกิ๊ฟนี่กิ๊ฟต้องออกไปสบัดปีกไปเที่ยวกลางคืนให้สยายแล้วนะ รถไฟก็นั่งเป็น อะไรก็รู้ละ เอาเป็นว่า พร้อมมากค่ะตอนนั้น เลยบอกแฟนว่า เธอ.. ฉันจะไปเที่ยวผับเกย์ที่นี่นะ!!! แฟนก็บอกว่า ได้สิเค้าอนุญาติเพราะเค้าเป็นคนไม่ดื่มและไม่ชอบผับเลย ผิดกับเราที่รักแสงสีมากกกกกกกกกก
เวลาการกระพือปีกก็มาถึง......จัดชุด หน้าพร้อม (คิดในใจว่ากูฮอตแน่ๆ กูเป็นเอเชียในที่นี้) แฟนด้วยความเป็นห่วง เขียนเบอร์และที่อยู่ของเค้าใส่กระดาษเท่านามบัตรใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเราและบอกให้ดูแลตัวเองดีๆ อย่าคุยกับคนอื่น เราเลยบอก..โอเค โนวพรอมแพร่ม
ออกมาด้วยความมั่นใจ ก็นั่งรถไฟ ออกไปมุ่งหน้าสู่ผับเกย์ ที่ ใกล้ๆ central station ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ สองทุ่มกว่า จำได้ว่า พอเราต้องเปลี่ยนสายรถเราดัน... งง!!! เพราะปกติแฟนพาขึ้นรถตลอด GPS ก้อบอกแต่อย่าลืมป้ายเป็นภาษาดอกไม้ ตัวหนังสือรัสเซียหมด เราเลยเห็นผู้หญิงเดินมา 2 คนก็เอาว่ะลองถามทาง น่าจะไม่เป็นไร เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ถือว่าโชคดี เค้าก็บอกให้เราต่อสายนี้ๆแบบนี้ๆ เราก้อแยกกันแต่!!!!!!!!
ตอนแรกก็ไม่ทันสังเกตุ มีผู้ชายตามมาจ้าาาาาา และมาคุยกับเราแบบเป็นมิตรว่ามาจากประเทศอะไร กำลังไปใหน เราบอกว่าไปที่นี่นางก็บอกพวกนางไปเหมือนกัน จนกระทั่งลงรถไฟ เราก็รีบเดินเพื่อจะไม่ให้นางตามเรามา แต่.....บร๊ะเจ้าจ๊อด นางตามมาหวะ!! และตามมาติดๆ จนเราเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เราบอกพวกนางว่าไม่เป็นไร เราจะเรียกแท็กซี่ไปที่อื่น
โบกแท็กซี่ปุ๊บ บอกแท็กซี่ไปผับนี่ๆ เราขึ้นนั่งรถข้างหน้า สรุปมันตามมาเปิดรถขึ้นข้างหลังตามมาทั้ง 2คน เท็กซี่ล็อครถ พูดเป็นภาษาบ้านมัน เราเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรหาแฟนแต่มันฉกไป พร้อมกับแท็กซี่ขับไวเว่อออ ไปจอดที่ใต้สะพานกลับรถ ฉากตอนนั้นยังอยู่ในหัว
มันรีบเปิดประตูดึงเราออกไปพร้อมพูดว่า give me your phone ! (เสียดายมากรูปทั้งหมอยู่ในนั้น) แต่มันกระชากเราพร้อมกับต่อยเข้าที่จมูก อย่างแรง และพูดว่า...money money เราเลยหยิบเงินให้มัน ตอนนั้นแต่มันก็ต่อยอีก ชุลมุนมาก จินตนาการดูตอนนั้นผู้ชายตัวใหญ่ๆวัยรุ่นสูงๆสองคนรุมคุณอยู่ พอมันหยิบเงินเรา เราก็ถือโอกาศช่วงนั้นแหละ......วิ่งสิวิ่ง!!!!!!ถุงมงถุงมือหลุดวิ่งไม่คิดชีวิตแล้ว เพราะถ้ามันมีดกว่านี้ กูตายแน่ๆ ตอนนั้นหน้าชาไปหมดเอามือจับดู โอ้ยยยยยยยเลือด!!!!!!! ใหลตลอดไม่หยุด เราเลยเอาหิม่ะมาโปะไว้เพื่อห้ามเลือด
วิ่งมาได้สักพักมันไม่ตามมาละ ในความโชคร้ายก็เจอความโชคดี เจอรถตำรวจจอดทำอะไรสักอย่างอยู่ เราเลยเข้าไปพร้อมกับโชว์ passport ว่า...นี่ฉันมามจากไทยแลนด์ ฉันโดนปล้น ไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์ และฉันบาดเจ็บหนาวมากด้วยขอฉันเข้าไปนั่งในรถได้มั้ย ติดต่อเพื่อนฉันให้หน่อย ไปส่งกูหน่อยยยยยพลีส พูดไปน้ำตาก็ใหล เลือดก็ใหล ตำรวจเลยพูดกลับมาคำเดียว ว่า..."No" เขาไม่เข้าใจที่เราพูด และไม่แคร์
คิดในใจตอนนั้นคือทำยังไงดี!!!เจ็บจมูกมากเลือดไม่หยุด กลับบ้านเพื่อนก็ไม่ได้ หรือเราต้องหนาวตาย
เป็นไงเป็นกันออกไปยืนกลางถนนพร้อมทั้งชู2แขนขึ้นบนหัวโบกรถทุกคัน ไม่มีใครหยุด เลยเชื่อมั้ย ร้องไห้ตอนหนาวๆนี่แบบทรมานสุดๆ
จนกระทั่งมี Taxi มาจอด แถมพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย..
เราเลยบอกไปว่าให้ไปส่งตามที่อยู่นี้ เรามาจากไทยโดนปล้นไม่มีเงินแต่ถ้าไปถึงจะจ่ายให้ 2เท่า ! เค้าเลยโอเค
หยิบกระดาษขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า!!! แต่ อิ
คนขับแท็กซี่เลยโทรหาแฟนเราเพื่อจะถามที่อยู่ แต่!!! ไม่มีคนรับเลย
คนขับเลยบอกว่า งั้นเธอมานั่งหน้าฉันจะรับผู้โดยสาร ไปพลางๆจนกว่าจะติดต่อเพื่อนเธอได้
มีผู้โดยสารขึ้นมาเราก็คุยๆ เค้าบอกเค้าเคยมาไทยพัทยาภูเกต เราโดนปล้นมา ยื่นตังให้เรา 500 rb ตอนนั้นเลย แต่
เราเลยโอเค ก็ได้แต่วอนขอให้คนขับอย่าทิ้งเรา แต่เค้าก้อดีนะ พยายามโทรเรื่อยๆ จนติดและบอกแฟนเราว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมทั้งไปส่งเรา!!!
จำได้เลยพอเห็นหน้าแฟนยืนหน้าตึกเรารู้สึกได้เลยว่าปลอดภัยคือสิ่งที่ต้องการ กอดแฟนพร้อมกับปล่อยโฮเลย
แฟนพาเราขึ้นไปข้างบนพร้อมกับมีแม่เค้าเพื่อนเค้ารอรับเราถามว่าเกิดอะไรขึ้น และปฐมพยาบาลเบื้องต้น ภาพที่เราเห็นคือทุกคนรวมตังกันเอายัดใส่มือแฟนเราให้พาเราไปโรงพยาบาล คือแฟนเราไม่รวย หาเช้ากินค่ำไปวันๆการไปหาหมอที่นั่นคือเรื่องใหญ่ และเราก็ไม่ได้ซื้อประกันเดินทางใดๆ
เราไปถึงโรงพยาบาลจำได้เลยฉากซึ้งและไม่เคยลืมคือ...เลือดมันลงคอ แห้งและขมคอมากระหว่างรอหมอ เลยบอกแฟนว่า หิวน้ำมากๆ ซึ่งไม่มีน้ำขาย ไม่มีก๊อก มีแต่ถังขยะใกล้ๆที่นั่ง แฟนเลยค้นถังขยะเอาน้ำที่เหลือๆในขวดเปิดชิมก่อนแล้วเอาให้เราดื่ม อยากกัดลิ้นตัวเองตายตรงนั้น ทำไมอนาถาขนาดนี้
สรุปหาหมอเสร็จ จมูกแตก แต่ไม่ต้องเย็บ แค่ทำแผลและทานยา
จบทริปเลยนอนอยู่แต่บ้านดูกระจกตาปูดบวม แทบมองไม่เห็นในตามีสีแดงๆแทนตาขาว บวมมากๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็บินกลับไทย พร้อมกับเอาตาบวมๆมาฝากเมืองไทย แต่ก็คิดว่าโชคดีที่ไม่ตาย และมีคนที่ดีๆอยู่บนโลกนี้
ไงหวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้เพื่อนที่คิดจะเดินทางไปไหนให้ศึกษาข้อมูลดีๆ และเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง และอย่าลืมซื้อประกันการเดินทางด้วยนะ
-----------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่อ่านจนจบ
ใครมีข้อสงสัยอะไรหรือขอคำแนะนำอะไรเข้ามาพูดคุยกับเราได้ที่นี่เลย
เพจ.
-----------------