บริษัทชี้แจงแล้วขอสรุปสั้นๆ ดังนี้ (บางอย่างเขียนไปตามความเข้าใจของตนเองล้วนๆ เนื่องจากอ่านแล้วงงๆ)
1. ศาลฎีกามีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ (แผนฟื้นฟูปี 2548) และมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ซึ่งส่งผลให้เจ้าหนี้ทุกรายจะต้องกลับสู่ฐานะเดิมก่อนการยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจากผลของคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ทำให้บริษัทยังคงมีหนี้สินเดิมก่อนศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการอยู่ จำนวน 1,640,876,726.64 บาท
2. บริษัทอาจจะมีหนี้ที่เจ้าหนี้อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดี และมีการบอกกล่าวทวงถามแล้ว อีกจำนวน 3,627,500,000 บาท
3. ดังนั้น เมื่อรวมหนี้สินตามงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 หนี้จากข้อ 1 และ 2 บริษัทจะมีหนี้สินทั้งสิ้น 5,733,330,023.64 บาท
4. บริษัทได้ยื่นขอเข้าฟื้นฟูอีกรอบ และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 มีผู้ยื่นขอให้เลื่อนการพิจารณาและขอให้บริษัทในฐานะผู้ร้องขอนำส่งสำเนาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการให้ โดยอ้างว่าเหตุตนเป็นเจ้าหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการครั้งก่อน แต่เพราะศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ (แผนฟื้นฟูปี 2548) ทำให้ตนยังไม่ได้รับชำระหนี้ จากแผนฟื้นฟูครั้งที่แล้ว ตนจึงขอแผนฟื้นฟูในครั้งนี้มาศึกษาด้วย เจ้าหนี้ดังกล่าวขอให้เลื่อนการพิจารณาคดีไปก่อน ซึ่งทนายความของบริษัทก็ไม่คัดค้าน ศาลจึงเห็นควรเลื่อนไปไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไปเป็นวันที่ 31 สิงหาคม 2560 เวลา 9.00 นาฬิกา
5. ทนายความของบริษัทได้พยายามติดต่อส่งสำเนาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการให้เจ้าหนี้ที่มีอยู่ทุกรายให้ครบ (รายที่ขอให้เลื่อนการพิจารณาคดี และรายอื่นๆอีก 31 รายที่ไม่ได้รับกาชำระหนี้จากแผนฟื้นฟูฉบับปี 2548) แต่ไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากเป็นเจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีต (ชื่อเดิม คือ บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน)) และเห็นว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันการ จึงเสนอให้พิจารณาถอนคำร้องขอฟื้นฟูออกไปก่อน โดยสามารถยื่นใหม่อีกครั้งเมื่อสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จและครบถ้วน
บริษัทยังชี้แจงกรณีที่ถอนคำร้องขอฟื้นฟูเพิ่มเติมว่า
***** เหตุที่บริษัทแจ้งการยื่นถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการล่าช้านั้น เนื่องจากในการเจรจาประนอมหนี้กับ เจ้าหนี้รายต่างๆ บริษัทจำต้องสงวนท่าทีในการเจรจาไว้ หากบริษัทแจ้งการยื่นถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในทันที และได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลออกสู่สาธารณะ อาจจะส่งผลต่อสถานะของบริษัทในการเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ได้
ใครอยากอ่านตัวเต็ม เชิญตามลิ้งค์ด้านล่าง แต่บอกก่อนว่าไม่น่าเชื่อว่าบริษัทจะส่งจดหมายที่ไม่ได้ screen ภาษาเขียนออกมาแบบนี้ได้ลงคอ ผิดพลาดประการใดขออภัย
https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=15020653424361&language=th&country=TH
POLAR: ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกรณีการถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และชี้แจงข้อมูลอื่นๆ
1. ศาลฎีกามีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ (แผนฟื้นฟูปี 2548) และมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ซึ่งส่งผลให้เจ้าหนี้ทุกรายจะต้องกลับสู่ฐานะเดิมก่อนการยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจากผลของคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ทำให้บริษัทยังคงมีหนี้สินเดิมก่อนศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการอยู่ จำนวน 1,640,876,726.64 บาท
2. บริษัทอาจจะมีหนี้ที่เจ้าหนี้อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดี และมีการบอกกล่าวทวงถามแล้ว อีกจำนวน 3,627,500,000 บาท
3. ดังนั้น เมื่อรวมหนี้สินตามงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 หนี้จากข้อ 1 และ 2 บริษัทจะมีหนี้สินทั้งสิ้น 5,733,330,023.64 บาท
4. บริษัทได้ยื่นขอเข้าฟื้นฟูอีกรอบ และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 มีผู้ยื่นขอให้เลื่อนการพิจารณาและขอให้บริษัทในฐานะผู้ร้องขอนำส่งสำเนาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการให้ โดยอ้างว่าเหตุตนเป็นเจ้าหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการครั้งก่อน แต่เพราะศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ (แผนฟื้นฟูปี 2548) ทำให้ตนยังไม่ได้รับชำระหนี้ จากแผนฟื้นฟูครั้งที่แล้ว ตนจึงขอแผนฟื้นฟูในครั้งนี้มาศึกษาด้วย เจ้าหนี้ดังกล่าวขอให้เลื่อนการพิจารณาคดีไปก่อน ซึ่งทนายความของบริษัทก็ไม่คัดค้าน ศาลจึงเห็นควรเลื่อนไปไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไปเป็นวันที่ 31 สิงหาคม 2560 เวลา 9.00 นาฬิกา
5. ทนายความของบริษัทได้พยายามติดต่อส่งสำเนาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการให้เจ้าหนี้ที่มีอยู่ทุกรายให้ครบ (รายที่ขอให้เลื่อนการพิจารณาคดี และรายอื่นๆอีก 31 รายที่ไม่ได้รับกาชำระหนี้จากแผนฟื้นฟูฉบับปี 2548) แต่ไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากเป็นเจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีต (ชื่อเดิม คือ บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน)) และเห็นว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันการ จึงเสนอให้พิจารณาถอนคำร้องขอฟื้นฟูออกไปก่อน โดยสามารถยื่นใหม่อีกครั้งเมื่อสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จและครบถ้วน
บริษัทยังชี้แจงกรณีที่ถอนคำร้องขอฟื้นฟูเพิ่มเติมว่า
***** เหตุที่บริษัทแจ้งการยื่นถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการล่าช้านั้น เนื่องจากในการเจรจาประนอมหนี้กับ เจ้าหนี้รายต่างๆ บริษัทจำต้องสงวนท่าทีในการเจรจาไว้ หากบริษัทแจ้งการยื่นถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในทันที และได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลออกสู่สาธารณะ อาจจะส่งผลต่อสถานะของบริษัทในการเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ได้
ใครอยากอ่านตัวเต็ม เชิญตามลิ้งค์ด้านล่าง แต่บอกก่อนว่าไม่น่าเชื่อว่าบริษัทจะส่งจดหมายที่ไม่ได้ screen ภาษาเขียนออกมาแบบนี้ได้ลงคอ ผิดพลาดประการใดขออภัย
https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=15020653424361&language=th&country=TH