...ผล ที่ปรากฏออกมา ทั้งทาง รูปธรรม นามธรรม ทางหลักธรรม ทางสังคม และทางอื่นๆอีกหลายๆทาง ของ 5 สายนั้น ซึ่งเราก็เห็นๆอยู่แล้ว ว่าผิดทาง เลอะเทอะไปขนาดไหน
... โดยพิจารณาจากปัจจัย ความสามารถส่วนตัวของเจ้าสำนัก ว่า จิตใจของพวกท่านได้เข้าถึงธรรมลึกซึ้งขนาดไหน จากหนังสือหรือการเทศนาที่เผยแพร่ออกมา
1. ท่านพุทธทาส ...ถ้าเราเคยอ่านจากหนังสือที่สำนักนี้เผยแพร่ออกมา เกี่ยวกับลักษณะและลีลาการเผยแพร่การบรรยาย และการกล่าวถึงผลการฝึกส่วนตัว จะเห็นว่า ท่านพุทธทาส ไม่เคยฝึกสมาธิได้ถึงระดับอัปปนาสมาธิเลย เคยได้สูงสุดแค่ระดับอุปจารสมาธิ แค่นั้น ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้เห็นธรรมะละเอียดลึกๆลงไปในระดับอภิธรรมหรือที่อรรถกถาได้กล่าวไว้.. ดังนั้น ท่านพุทธทาส จึงโจมตี ไม่เชื่อในหลักอภิธรรมและอรรถกถา ที่เห็นๆกันอยู่
2. ธรรมกาย .... ดูเหมือนสายนี้ จะได้ถึงอัปปนาสมาธิ หรือฌาน แต่เป็นฌานฤาษี ซึ่งเป็นมิจฉาสมาธิ จึงไปผิดทาง หลงทาง ผลจึงปราฏกออกมาให้เห็นตอนนี้ ธัมมชโย ต้องคดีมากมาย ขณะนี้ มีอาการซึมเศร้าอย่างแรง อาการทรุดลงๆเรื่อยๆ จนไม่มีกะจิตกะใจที่จะตักอาหารใส่ปากได้ อาจจะมีข่าวสิ้นชีวิตในไวๆนี้
3. พระปราโมทย์ ... สายดูจิตสายนี้ เข้าใจคำว่า "ดูจิต" ผิดทาง จึงสอนมั่ว ถ้าใครฝึกตามไปจริงๆจะจับหลักอะไรไม่ได้ในที่สุด เหมือนไล่คว้าจับเงา เพราะส่วนตัวของท่านปราโมทย์เอง ยังไม่เคยฝึกจนได้จิตรวมเป็นอัปปนาสมาธิมาก่อนเลยแม้ครั้งเดียว เนื่องจากผมก็เคยถกเถียงกับท่านมาก่อนแล้ว สมัยท่านยังไม่บวช ยังเป็นสันตินันท์อยู่ที่เว็บลานธรรมเสวนาสมัยก่อน ดังนั้น ท่านโมทย์จึงมักจะข้ามการสอนการฝึกสมาธิให้จิตรวม โดยไม่เน้น ไม่บอกหนทาง วิธี และการแก้ปัญหาต่างๆของการฝึกเพื่อให้ได้จิตรวมเป็นอัปปนาฯ ก็แบบเดียวกับท่านพุทธทาส...ที่ไม่เคยได้จิตรวม เหมือนกัน
4. คึกฤทธิ์ 150 สายพุทธวจน ..รายนี้ก็แบบเดียวกัน ไม่เคยฝึกได้จิตรวมเช่นเดียวกับ 2 ท่านข้างบน แม้จะเคยไปฝึกกับสายวัดป่ากรรมฐานของหลวงปู่มั่น คือ วัดของหลวงปู่ชา แต่เป็นโมฆะบุรุษในเรื่องสมาธิ ฝึกสมาธิไม่ได้ผล ดังนั้น จึงมีแนวคิดและการประพฤติปฏิบัติเตลิดเปิดเปิง หลงทางไปได้ถึงขนาดนั้น ที่รู้ๆเห็นๆกันอยู่
5. สายฤาษีลิงดำ สายมโนมยิทธิ(ที่ไม่ใช่มโนมยิทธิในตำรา) โปรโมทการไปเที่ยวทัวร์ นรกสวรค์ ไปเที่ยวนิพพาน ...รายนี้ ก็สอนเลอะเทอะไปแบบที่เห็นๆอยู่ พิจารณาจากคำสอน แสดงว่าท่านฤาษี ก็ไม่เคยได้จิตรวมเป็นอัปนาฯ มาก่อน อาจจะเคยได้แค่ระดับอุปจาระฯ แค่นั้น จึงหลงนิมิตไปเตลิดเปิดเปิง แบบนั้น เพราะนิมิตในระดับอุปจาระ ก็เป็นแบบนั้น คือเหมือนดูภาพยนตร์ ภาพนิมิตจะไม่นิ่งแน่ว แต่จะเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆๆ ลักษณะจิตตอนนั้น จะมีอาการคล้ายๆเคลิบๆเคลิ้มๆ ในบางแง่เหมือนคนเมากัญชา แต่มีสติดีกว่า จะเห็นภาพนิมิตวิจิตรพิศดารมากมาย คล้ายๆในประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่หลวงปู่มั่นฝึกสมาธิครั้งแรกๆ ซึ่งจะเจอนิมิตต่างๆมากมาย เคลื่อนไหวเป็นเรื่องราวไปเรื่อยๆๆ ( ที่หลวงตามหาบัวเล่าไว้ในหนังสือประวัติหลวงปู่มั่นในหน้าแรกๆ )
...
ที่ผมมาวินิจฉัยให้ดูนี้ ไม่ใช่ว่าจะอวดตัวเป็นผู้รู้ ชำนาญกว่าครูบาอาจารย์ที่กล่าวนามมาทั้งหมดข้างบนนั้น จึงกล้ามาอาจหาญวิพากษ์วิจารณ์พวกท่าน แต่เป็นการชี้ช่องของข้อบกพร่อง ของแนวคำสอน ของเจ้าสำนักเหล่านั้น ที่เกิดมาจากจิตใจของเจ้าสำนักเอง ที่ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ จึงสอนและเผยแพร่หลักการผิดๆ ออกมา จนเป็นที่ปวดเศียรเวียนหัวของเหล่าชาวพุทธที่ตาสว่าง เข้าใจหลักธรรมดีแล้ว ทั้งหลาย
?? มาดูสาเหตุกันว่าสำนักที่สอนหลักธรรมออกมาผิดๆ 5 สายนี้ คือ พุทธทาส,ธรรมกาย,ปราโมทย์,คึกฤทธิ์ ,ฤาษีลิงดำ มาจากเหตุใด ??
... โดยพิจารณาจากปัจจัย ความสามารถส่วนตัวของเจ้าสำนัก ว่า จิตใจของพวกท่านได้เข้าถึงธรรมลึกซึ้งขนาดไหน จากหนังสือหรือการเทศนาที่เผยแพร่ออกมา
1. ท่านพุทธทาส ...ถ้าเราเคยอ่านจากหนังสือที่สำนักนี้เผยแพร่ออกมา เกี่ยวกับลักษณะและลีลาการเผยแพร่การบรรยาย และการกล่าวถึงผลการฝึกส่วนตัว จะเห็นว่า ท่านพุทธทาส ไม่เคยฝึกสมาธิได้ถึงระดับอัปปนาสมาธิเลย เคยได้สูงสุดแค่ระดับอุปจารสมาธิ แค่นั้น ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้เห็นธรรมะละเอียดลึกๆลงไปในระดับอภิธรรมหรือที่อรรถกถาได้กล่าวไว้.. ดังนั้น ท่านพุทธทาส จึงโจมตี ไม่เชื่อในหลักอภิธรรมและอรรถกถา ที่เห็นๆกันอยู่
2. ธรรมกาย .... ดูเหมือนสายนี้ จะได้ถึงอัปปนาสมาธิ หรือฌาน แต่เป็นฌานฤาษี ซึ่งเป็นมิจฉาสมาธิ จึงไปผิดทาง หลงทาง ผลจึงปราฏกออกมาให้เห็นตอนนี้ ธัมมชโย ต้องคดีมากมาย ขณะนี้ มีอาการซึมเศร้าอย่างแรง อาการทรุดลงๆเรื่อยๆ จนไม่มีกะจิตกะใจที่จะตักอาหารใส่ปากได้ อาจจะมีข่าวสิ้นชีวิตในไวๆนี้
3. พระปราโมทย์ ... สายดูจิตสายนี้ เข้าใจคำว่า "ดูจิต" ผิดทาง จึงสอนมั่ว ถ้าใครฝึกตามไปจริงๆจะจับหลักอะไรไม่ได้ในที่สุด เหมือนไล่คว้าจับเงา เพราะส่วนตัวของท่านปราโมทย์เอง ยังไม่เคยฝึกจนได้จิตรวมเป็นอัปปนาสมาธิมาก่อนเลยแม้ครั้งเดียว เนื่องจากผมก็เคยถกเถียงกับท่านมาก่อนแล้ว สมัยท่านยังไม่บวช ยังเป็นสันตินันท์อยู่ที่เว็บลานธรรมเสวนาสมัยก่อน ดังนั้น ท่านโมทย์จึงมักจะข้ามการสอนการฝึกสมาธิให้จิตรวม โดยไม่เน้น ไม่บอกหนทาง วิธี และการแก้ปัญหาต่างๆของการฝึกเพื่อให้ได้จิตรวมเป็นอัปปนาฯ ก็แบบเดียวกับท่านพุทธทาส...ที่ไม่เคยได้จิตรวม เหมือนกัน
4. คึกฤทธิ์ 150 สายพุทธวจน ..รายนี้ก็แบบเดียวกัน ไม่เคยฝึกได้จิตรวมเช่นเดียวกับ 2 ท่านข้างบน แม้จะเคยไปฝึกกับสายวัดป่ากรรมฐานของหลวงปู่มั่น คือ วัดของหลวงปู่ชา แต่เป็นโมฆะบุรุษในเรื่องสมาธิ ฝึกสมาธิไม่ได้ผล ดังนั้น จึงมีแนวคิดและการประพฤติปฏิบัติเตลิดเปิดเปิง หลงทางไปได้ถึงขนาดนั้น ที่รู้ๆเห็นๆกันอยู่
5. สายฤาษีลิงดำ สายมโนมยิทธิ(ที่ไม่ใช่มโนมยิทธิในตำรา) โปรโมทการไปเที่ยวทัวร์ นรกสวรค์ ไปเที่ยวนิพพาน ...รายนี้ ก็สอนเลอะเทอะไปแบบที่เห็นๆอยู่ พิจารณาจากคำสอน แสดงว่าท่านฤาษี ก็ไม่เคยได้จิตรวมเป็นอัปนาฯ มาก่อน อาจจะเคยได้แค่ระดับอุปจาระฯ แค่นั้น จึงหลงนิมิตไปเตลิดเปิดเปิง แบบนั้น เพราะนิมิตในระดับอุปจาระ ก็เป็นแบบนั้น คือเหมือนดูภาพยนตร์ ภาพนิมิตจะไม่นิ่งแน่ว แต่จะเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆๆ ลักษณะจิตตอนนั้น จะมีอาการคล้ายๆเคลิบๆเคลิ้มๆ ในบางแง่เหมือนคนเมากัญชา แต่มีสติดีกว่า จะเห็นภาพนิมิตวิจิตรพิศดารมากมาย คล้ายๆในประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่หลวงปู่มั่นฝึกสมาธิครั้งแรกๆ ซึ่งจะเจอนิมิตต่างๆมากมาย เคลื่อนไหวเป็นเรื่องราวไปเรื่อยๆๆ ( ที่หลวงตามหาบัวเล่าไว้ในหนังสือประวัติหลวงปู่มั่นในหน้าแรกๆ )
...ที่ผมมาวินิจฉัยให้ดูนี้ ไม่ใช่ว่าจะอวดตัวเป็นผู้รู้ ชำนาญกว่าครูบาอาจารย์ที่กล่าวนามมาทั้งหมดข้างบนนั้น จึงกล้ามาอาจหาญวิพากษ์วิจารณ์พวกท่าน แต่เป็นการชี้ช่องของข้อบกพร่อง ของแนวคำสอน ของเจ้าสำนักเหล่านั้น ที่เกิดมาจากจิตใจของเจ้าสำนักเอง ที่ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ จึงสอนและเผยแพร่หลักการผิดๆ ออกมา จนเป็นที่ปวดเศียรเวียนหัวของเหล่าชาวพุทธที่ตาสว่าง เข้าใจหลักธรรมดีแล้ว ทั้งหลาย