ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรากับพ่อเถียงกัน แต่เรื่องที่เรากำลังจะเล่า อาจเป็นครั้งแรกของเรื่องนี้
พ่อเราทำธุรกิจส่วนตัว มีลูกค้าอยู่หลายเจ้า และหนึ่งในลูกค้าของพ่อ ก็เป็นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ
แต่เขามีสำนักงานในไทย ปกติพ่อเราก็จะคุยกับเจ้าหน้าที่คนไทย แต่เวลาเขาจะสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการของพ่อเรา
ทางบริษัทแม่เขาจะส่งอีเมล์ใบ PO มาให้ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แล้วพ่อเราก็ไม่ค่อยรู้ภาษาอังกฤษ เพราะไม่ได้เรียนมา
แถมพ่อก็ไม่มีอีเมลด้วย เพราะใช้ไม่ค่อยเป็น ชอบลืมรหัสผ่าน ฯลฯ เขาก็จะส่งใบ PO มาทางอีเมลเราแทน
และเขาก็จะให้เราตอบอีเมลเขาด้วย ว่าได้รับอีเมลแล้ว หรือให้ตอบรับการสั่งซื้อด้วย
ปัญหาคือ เวลาเขาส่งอีเมลมาให้เรา เราก็ต้องบอกพ่อ เอาให้พ่ออ่านก่อน แต่พ่อก็อ่านไม่ค่อยออก เราก็ต้องมาแปลให้อีก
บางทีเราก็ขี้เกียจ เพราะเราถือว่ามันไม่ใช่งานของเรา แต่เราก็ยอมทำให้ (ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยเต็มใจนัก)
บางทีเขาส่งอีเมลมาให้เรา เราก็ดันลืมบอกพ่ออีก หรือบอกช้าไป เพราะเราถือว่ามันไม่ใช่งานเราอีกนั่นแหละ ก็เลยไม่ค่อยใส่ใจ
ล่าสุดทางบริษัทนั้นส่งอีเมลมาให้เรา เราก็บอกพ่อช้าไปอีกแล้ว เพราะเราลืม แต่พอนึกได้เราก็บอกพ่อ เอาเมลให้พ่อดู
พ่อก็พูดอีกว่าอ่านไม่ออก ให้เราช่วยอ่านให้หน่อย แล้วก็ตอบเมลเขาไปด้วย ทีนี้เราก็ทำเสียงฮึดฮัดแบบว่าไม่อยากทำ
พ่อก็ว่าเรา บอกว่าเราก็ต้องแปลและตอบเมลให้ด้วย เพราะพ่อไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่ได้เรียนมา ไม่มีวุฒิ ป.ตรีเหมือนเรา
เราอุตส่าห์เรียนมาตั้งเยอะ แปลหน่อยไม่ได้เหรอ ถ้ายังแปลไม่ได้อีกก็ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้จะเรียนมาทำไม
เราก็เถียงพ่อไปตามสไตล์เราเลย ว่าเราแปลไม่ได้หรอก เรียนมาเพราะเขาบังคับให้เรียนไปอย่างนั้นแหละ แถมนี่ก็ไม่ใช่งานเราด้วย
ไม่มีใครอยากทำงานนอกหน้าที่ตัวเองหรอก นี่เป็นงานของพ่อ ถ้าพ่อแปลภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วพ่อทำงานกับเขาได้ยังไงล่ะ
(คือเราไม่เข้าใจไง ตอนพ่อไปทำงานให้เขา พ่อก็ไปทำที่สำนักงานในไทย คุยก็คุยกับคนไทย แต่เวลาบริษัทจะสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการของพ่อ ทำไมต้องให้บริษัทแม่ส่งมา ทำไมไม่ให้บริษัทในไทยส่งมา จะได้ส่งมาเป็นภาษาไทย ไม่ต้องลำบากแปลอีก แล้วพ่อก็จะชอบใช้แต่เรา ทั้งๆที่ไม่ได้มีลูกคนเดียว และก็ใช่ว่าจะมีแต่เราคนเดียวที่สามารถแปลภาษาอังกฤษได้)
พ่อก็บอกว่า ถ้าเราเป็นแบบนี้ ชีวิตนี้ก็คงต้องทำงานเป็นขี้ข้าคนอื่นตลอดไปนั่นแหละ เพราะมัวแต่จะทำตามคำสั่งคนอื่นอย่างเดียว
ถ้านอกคำสั่งก็ทำไม่เป็นแล้ว คิดเองไม่เป็น ชีวิตก็จบอยู่แค่นี้แหละ เราฟังแล้วก็รู้สึกปรี๊ดแตก จึงบอกพ่อไปว่า งั้นทีหลังก็บอกเจ้าหน้าที่ๆเป็นคนไทยด้วยละกัน ว่าให้ช่วยแปลเมลเป็นภาษาไทยให้ก่อนจะส่งมาให้พ่ออ่านด้วย แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
ตอนนี้พ่อเรามีอีเมลเป็นของตัวเองแล้ว (มีสักพักแล้ว แต่เราเพิ่งรู้) เราก็ตอบอีเมลของบริษัทนั้นไปเลย ว่าตอบรับการสั่งซื้อ และก็บอกเขาว่าทีหลังให้ส่งอีเมลสั่งซื้อไปที่อีเมลพ่อเราแทน พร้อมบอกอีเมลพ่อเราไป
พอพ่อออกไปข้างนอก แม่เราก็เดินมาว่าเราอีกคน บอกว่าเราทำให้พ่อน้อยใจ เราพูดแบบนี้กับพ่อได้ยังไง เป็นลูกก็ควรจะช่วยพ่อหน่อย
เราก็พูดสวนกลับไปเลยว่า แล้วเราช่วยพ่อมากี่ปีแล้วล่ะ สำหรับงานนี้ พ่อก็น่าจะฝึกแปลภาษาอังกฤษไว้บ้าง ในเมื่อรู้อยู่ว่าเขาชอบส่งอีเมลเป็นภาษาอังกฤษมาให้ กูเกิ้ลก็มี ใช้แปลภาษาอังกฤษได้ก็ใช้สิ ไม่ใช่ใช้เป็นแต่กูเกิ้ลเอิร์ธส่องโน่นส่องนี่ (เรายังใช้กูเกิ้ลเอิร์ธไม่เป็นเลย) ถ้าพ่อไม่ลองฝึกแปลเอง แล้วจะให้เราช่วยแปลให้ไปตลอดจนกว่าพ่อจะเลิกทำงานกับเขาเลยใช่ไหม แม่ก็บอกว่าใช่ ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ
เราก็พูดไปด้วยความโมโหว่า ไม่อยากจะสนใจแล้วว่าใครจะน้อยใจหรือเปล่า ทำอย่างกับว่าน้อยใจเป็นอยู่คนเดียว เรามันไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสินะ ถึงมาพูดกับเราว่าให้เป็นขี้ข้าคนอื่นไปตลอดชีวิต เออ ดี เอาเลย
อุตส่าห์คิดไว้แล้วว่าจะไม่เถียงอะไรพ่อแม่อีก แต่ก็อดไม่ไหว เถียงไปอีกจนได้ เฮ้อ เรารู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลยสักคนเดียว
--------------------------
ปล. เรากับพ่อคืนดีกันแล้ว เมื่อ 2 ชั่วโมงหลังจากตั้งกระทู้นี้ (จริงๆจะเรียกว่าคืนดีก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าคุยกันเป็นปกติ เพราะไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ ส่วนเรื่องที่เถียงกันก็ปล่อยให้มันลอยไปตามสายลม)
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่มีคำแนะนำดีๆ ให้ ส่วนคอมเม้นที่ตั้งใจมาด่า หรือเม้นอะไรที่ไม่มีประโยชน์ เราขอโต้ตอบ หรือขอเมินละกัน ไม่ต้องมาถามว่าถ้าฟังความเห็นต่างไม่ได้แล้วจะตั้งกระทู้ทำไม (ถ้าเราฟังทุกความเห็นเราคงลำบาก ถ้ามีคนบอกให้ไปตาย เราก็คงต้องเชื่อฟังและทำตาม) ทุกคนที่มาเม้นก็เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เทวดาหรือพระอรหันต์ เราก็ขอเลือกฟังเฉพาะที่มีประโยชน์กับเราละกัน
ลูกไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับพ่อเหรอ มันผิดมากใช่ไหม?
พ่อเราทำธุรกิจส่วนตัว มีลูกค้าอยู่หลายเจ้า และหนึ่งในลูกค้าของพ่อ ก็เป็นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ
แต่เขามีสำนักงานในไทย ปกติพ่อเราก็จะคุยกับเจ้าหน้าที่คนไทย แต่เวลาเขาจะสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการของพ่อเรา
ทางบริษัทแม่เขาจะส่งอีเมล์ใบ PO มาให้ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แล้วพ่อเราก็ไม่ค่อยรู้ภาษาอังกฤษ เพราะไม่ได้เรียนมา
แถมพ่อก็ไม่มีอีเมลด้วย เพราะใช้ไม่ค่อยเป็น ชอบลืมรหัสผ่าน ฯลฯ เขาก็จะส่งใบ PO มาทางอีเมลเราแทน
และเขาก็จะให้เราตอบอีเมลเขาด้วย ว่าได้รับอีเมลแล้ว หรือให้ตอบรับการสั่งซื้อด้วย
ปัญหาคือ เวลาเขาส่งอีเมลมาให้เรา เราก็ต้องบอกพ่อ เอาให้พ่ออ่านก่อน แต่พ่อก็อ่านไม่ค่อยออก เราก็ต้องมาแปลให้อีก
บางทีเราก็ขี้เกียจ เพราะเราถือว่ามันไม่ใช่งานของเรา แต่เราก็ยอมทำให้ (ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยเต็มใจนัก)
บางทีเขาส่งอีเมลมาให้เรา เราก็ดันลืมบอกพ่ออีก หรือบอกช้าไป เพราะเราถือว่ามันไม่ใช่งานเราอีกนั่นแหละ ก็เลยไม่ค่อยใส่ใจ
ล่าสุดทางบริษัทนั้นส่งอีเมลมาให้เรา เราก็บอกพ่อช้าไปอีกแล้ว เพราะเราลืม แต่พอนึกได้เราก็บอกพ่อ เอาเมลให้พ่อดู
พ่อก็พูดอีกว่าอ่านไม่ออก ให้เราช่วยอ่านให้หน่อย แล้วก็ตอบเมลเขาไปด้วย ทีนี้เราก็ทำเสียงฮึดฮัดแบบว่าไม่อยากทำ
พ่อก็ว่าเรา บอกว่าเราก็ต้องแปลและตอบเมลให้ด้วย เพราะพ่อไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่ได้เรียนมา ไม่มีวุฒิ ป.ตรีเหมือนเรา
เราอุตส่าห์เรียนมาตั้งเยอะ แปลหน่อยไม่ได้เหรอ ถ้ายังแปลไม่ได้อีกก็ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้จะเรียนมาทำไม
เราก็เถียงพ่อไปตามสไตล์เราเลย ว่าเราแปลไม่ได้หรอก เรียนมาเพราะเขาบังคับให้เรียนไปอย่างนั้นแหละ แถมนี่ก็ไม่ใช่งานเราด้วย
ไม่มีใครอยากทำงานนอกหน้าที่ตัวเองหรอก นี่เป็นงานของพ่อ ถ้าพ่อแปลภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วพ่อทำงานกับเขาได้ยังไงล่ะ
(คือเราไม่เข้าใจไง ตอนพ่อไปทำงานให้เขา พ่อก็ไปทำที่สำนักงานในไทย คุยก็คุยกับคนไทย แต่เวลาบริษัทจะสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการของพ่อ ทำไมต้องให้บริษัทแม่ส่งมา ทำไมไม่ให้บริษัทในไทยส่งมา จะได้ส่งมาเป็นภาษาไทย ไม่ต้องลำบากแปลอีก แล้วพ่อก็จะชอบใช้แต่เรา ทั้งๆที่ไม่ได้มีลูกคนเดียว และก็ใช่ว่าจะมีแต่เราคนเดียวที่สามารถแปลภาษาอังกฤษได้)
พ่อก็บอกว่า ถ้าเราเป็นแบบนี้ ชีวิตนี้ก็คงต้องทำงานเป็นขี้ข้าคนอื่นตลอดไปนั่นแหละ เพราะมัวแต่จะทำตามคำสั่งคนอื่นอย่างเดียว
ถ้านอกคำสั่งก็ทำไม่เป็นแล้ว คิดเองไม่เป็น ชีวิตก็จบอยู่แค่นี้แหละ เราฟังแล้วก็รู้สึกปรี๊ดแตก จึงบอกพ่อไปว่า งั้นทีหลังก็บอกเจ้าหน้าที่ๆเป็นคนไทยด้วยละกัน ว่าให้ช่วยแปลเมลเป็นภาษาไทยให้ก่อนจะส่งมาให้พ่ออ่านด้วย แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
ตอนนี้พ่อเรามีอีเมลเป็นของตัวเองแล้ว (มีสักพักแล้ว แต่เราเพิ่งรู้) เราก็ตอบอีเมลของบริษัทนั้นไปเลย ว่าตอบรับการสั่งซื้อ และก็บอกเขาว่าทีหลังให้ส่งอีเมลสั่งซื้อไปที่อีเมลพ่อเราแทน พร้อมบอกอีเมลพ่อเราไป
พอพ่อออกไปข้างนอก แม่เราก็เดินมาว่าเราอีกคน บอกว่าเราทำให้พ่อน้อยใจ เราพูดแบบนี้กับพ่อได้ยังไง เป็นลูกก็ควรจะช่วยพ่อหน่อย
เราก็พูดสวนกลับไปเลยว่า แล้วเราช่วยพ่อมากี่ปีแล้วล่ะ สำหรับงานนี้ พ่อก็น่าจะฝึกแปลภาษาอังกฤษไว้บ้าง ในเมื่อรู้อยู่ว่าเขาชอบส่งอีเมลเป็นภาษาอังกฤษมาให้ กูเกิ้ลก็มี ใช้แปลภาษาอังกฤษได้ก็ใช้สิ ไม่ใช่ใช้เป็นแต่กูเกิ้ลเอิร์ธส่องโน่นส่องนี่ (เรายังใช้กูเกิ้ลเอิร์ธไม่เป็นเลย) ถ้าพ่อไม่ลองฝึกแปลเอง แล้วจะให้เราช่วยแปลให้ไปตลอดจนกว่าพ่อจะเลิกทำงานกับเขาเลยใช่ไหม แม่ก็บอกว่าใช่ ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ
เราก็พูดไปด้วยความโมโหว่า ไม่อยากจะสนใจแล้วว่าใครจะน้อยใจหรือเปล่า ทำอย่างกับว่าน้อยใจเป็นอยู่คนเดียว เรามันไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสินะ ถึงมาพูดกับเราว่าให้เป็นขี้ข้าคนอื่นไปตลอดชีวิต เออ ดี เอาเลย
อุตส่าห์คิดไว้แล้วว่าจะไม่เถียงอะไรพ่อแม่อีก แต่ก็อดไม่ไหว เถียงไปอีกจนได้ เฮ้อ เรารู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลยสักคนเดียว
--------------------------
ปล. เรากับพ่อคืนดีกันแล้ว เมื่อ 2 ชั่วโมงหลังจากตั้งกระทู้นี้ (จริงๆจะเรียกว่าคืนดีก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าคุยกันเป็นปกติ เพราะไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ ส่วนเรื่องที่เถียงกันก็ปล่อยให้มันลอยไปตามสายลม)
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่มีคำแนะนำดีๆ ให้ ส่วนคอมเม้นที่ตั้งใจมาด่า หรือเม้นอะไรที่ไม่มีประโยชน์ เราขอโต้ตอบ หรือขอเมินละกัน ไม่ต้องมาถามว่าถ้าฟังความเห็นต่างไม่ได้แล้วจะตั้งกระทู้ทำไม (ถ้าเราฟังทุกความเห็นเราคงลำบาก ถ้ามีคนบอกให้ไปตาย เราก็คงต้องเชื่อฟังและทำตาม) ทุกคนที่มาเม้นก็เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เทวดาหรือพระอรหันต์ เราก็ขอเลือกฟังเฉพาะที่มีประโยชน์กับเราละกัน