[เรื่องสั้น] อสูรรัตติกาล

ผมเห็น 'เขา' ครั้งแรกก็ตอนที่มีสงครามกลางเมืองเมื่อสามคืนก่อน ตอนนั้นผมเห็นเขาชัดเจน เพราะในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งหนีเสียงปืน ที่หาต้นตอไม่ได้กันอย่างอลหม่าน

    เขากลับก้มตัวลงไปทำอะไรบางอย่าง กับคนที่สะดุดหกล้มลงไป ........ บางอย่างที่ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา เพราะไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิตจริง แต่เคยเห็นบ่อยหนทางหน้าจอโทรทัศน์ เขากำลัง 'ดูดเลือด' คน!! ผมอึ้งงันกับภาพที่เห็น ไม่คิดฝันว่าตำนานผีดูดเลือดหรือ 'แวมไพร์'  จะเป็นเรื่องจริง

    ครั้งนั้นผมไม่มีโอกาสได้มอง หรือติดตามรอยเขา เนื่องจากทะเลคนที่หนุนเนืองกัน จนผมต้องไหลลอยตามสถานการณ์ สงสัยว่าเขาเป็นตัวอะไรและใครเห็นพฤติกรรมของเขาบ้าง แปลกที่ทุกอย่างกลับเงียบกริบ มีแต่คนพูดถึงกระสุนปืนปริศนา รัฐบาล ความไม่ชอบธรรมของการปกครอง และประชาธิปไตย

      มาคืนนี้ผมเจอเขาอีกครั้ง หัวใจผมเต้นดังฟังชัด เพราะยังจำภาพในสามวันก่อนได้ติดตา ขณะนี้เขาแทรกตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน รูปร่างกำยำสูงใหญ่ผิดแผกจากคนทั่วไป เสื้อผ้าที่ใส่ดูหนาทึบ แจ็คเก็ตสีดำแขนยาว คอปกตั้งขึ้น เขายืนเงียบปะปนกับผู้คน อยู่ในฐานที่มั่นของผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล  เขายืนนิ่งงันอย่างสงบ เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง  แล้วเพียงชั่วอึดใจ เสียงประกาศจากคนในเครื่องแบบก็ดังก้องไปทั่วพื้นที่

    "ถ้าพวกท่านไม่ยุติการชุมนุม ทางเราจำเป็นต้องสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา"

    สิ้นคำก็ปรากฏกลุ่มควันสีขาว จำนวนมากมาย พร้อมกับเสียงปืนดัง ปัง ปัง ปัง! สามนัดซ้อน โดยไม่ทราบว่ามาจากฝั่งผู้ชุมนุมหรือจากคนในเครื่องแบบ  จากนั้นก็เกิดเป็นความโกลาหล ที่ควบคุมไม่ได้ ประชาชนแตกฮือดั่งผึ้งแตกรัง วิ่งหลบหนีกันทุลักทุเลไปคนละทิศละทาง ธงชาติและข้าวของกระจุยกระจาย บ้างล้มลุกคลุกคลาน บ้างหมอบนิ่งกลิ้งลงพื้น คนชนคนล้มระเนระนาด

    'เขา' ขยับแล้ว เขาพุ่งสวนหมอกขาวจากแก๊สน้ำตาเข้าหาฝูงชน แทบไม่ผิดอะไรกับเสือล่าเหยื่อ แผ่วเบาและรวดเร็ว ผมวิ่งตามเขาไปในทันทีเท่าที่กำลังเท้าจะอำนวย แหวกว่ายผู้คนเหมือนปลาว่ายทวนกระแสน้ำ  แต่สายไปแล้ว หลังกลุ่มควันสีขาว ผมเห็นเพียง 'ศพ' ที่ตกเป็นเหยื่อ เหมือนเดิมไม่มีใครสนใจใคร ทุกคนมุ่งแต่จะรักษาชีวิตตนเอง แต่คราวนี้ผมไม่ยอมแพ้ เดินฝ่ากระแทกทั้นผู้คนเพื่อตรงเข้าหาศพนั้น

    ทันทีที่ถึงตัวศพ ผมรีบพลิกร่างที่ไร้ชีวิตของชายผู้โชคร้ายดูทันที 'รอยเขี้ยว' ปรากฏชัดบริเวณต้นคอ เป็นรอยเขี้ยวสองรูคล้ายอาการของคนโดนงูกัด ขนาดคมเขี้ยวพอๆกัน   ร่างเหยื่อขาวซีดเฉียบเย็นราวน้ำแข็ง ใจผมหายวาบ ผมสันนิษฐานไว้ไม่ผิดจริงๆ 'เขา' เป็นผีดูดเลือด! ผมลุกขึ้นกวาดสายตาไปมา ไร้วี่แววและร่องรอยใดๆ ไม่ทันจะได้คิดอะไร เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าห้าหกนัด ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังๆ อีกสองหนไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนอยู่

    อาคารที่อยู่ใกล้เคียง มีเปลวไฟสว่างวาบขึ้นท่ามกลางท้องฟ้ายามรัตติกาล เสียงคนร้องตะโกน "มีคนวางเพลิง!" กลุ่มควันทั้งจากแก๊สน้ำตา ระเบิด และควันไฟ ผสมกันอย่างแยกไม่ออก ความสับสนความอลหม่านประเดประดังกันเข้ามา ผมต้องวิ่งหลบบ้างเช่นกัน กลางแจ้งตรงนี้ไม่มีความปลอดภัย ผมวิ่งมาหลบพักที่ซอยเล็กๆ ไม่ไกลจากฐานที่มั่นมาก แสงไฟในซอยไม่มี แสงไฟจากถนนใหญ่ก็ทอดตัวเข้ามาไม่ถึง ในซอยจึงมืดเปลี่ยวไร้ผู้คน เหล่าผู้ชุมนุมเลือกที่จะหนีไปหลบซ่อนในที่ไกลกว่า ผมแหงนหน้ามองฟ้า พระจันทร์โดนบังด้วยกลุ่มเมฆฝนก้อนหนึ่ง

    ทันใดนั้นสัมผัสประหลาด  กลับบอกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปดู ผมก็รู้สึกเย็นซ่าชาวูบบริเวณต้นคอ เสียงฉึกเบาๆดังขึ้น รู้ได้ทันทีว่าผมกำลังโดนกัด! เลือดในกายกำลังถูกสูบฉีด ออกจากร่างอย่างรวดเร็วรุนแรง  แต่กระบวนการ 'ดูดเลือด' นี้กลับหยุดชะงักลงกลางคัน เจ้าของคมเขี้ยวถอนตัวผละออกไปอย่างร้อนรน   ผมหันขวับไปจ้องหน้าเขา เป็นจังหวะเดียวกันกับพระจันทร์พ้นเมฆ แสงจันทร์ส่องให้ผมเห็นหน้าเขาชัดเจน
หน้าเขาขาวซีด ตาสีแดงก่ำ ใบหน้ามีแววแปลกใจระคนอยู่  เขาตวาดเสียงกร้าว

    "แกไม่ใช่คน!"

    ผมแสยะยิ้ม เอามือจับต้นคอเช็ดเลือดออกอย่างไม่ยี่หระ  เอ่ยขึ้นช้าๆ

    "ผู้คนต่างเล่าขานตำนานผีดูดเลือด ตระกูลฉันสอนสั่งมาตั้งแต่เด็ก ว่าซักวันถ้าเจอพวกแก ให้ฆ่าทิ้งเสีย! ตอนเจอแกครั้งแรก ฉันตกใจมากเพราะไม่นึกว่านิทานจะเป็นเรื่องจริง"

    "แกเป็นใคร!"  เขาละล่ำละลักแยกเขี้ยวขู่

    "เป็นหนึ่งในตำนานที่เคียงคู่กับแก  มาทุกยุคสมัยไงล่ะ"

    จบประโยคผมแหงนหน้ามองฟ้า พระจันทร์เต็มดวงสีเลือดสุกสกาวสว่าง หัวใจผมเต้นระรัว เลือดในกายผมสูบฉีดพลุ่งพล่าน กล้ามเนื้อทุกส่วนกำลังเปลี่ยนแปลงขยายตัวปั่นป่วนรุนแรง เสื้อผ้าปริฉีกขาด สีหน้าผีดูดเลือดหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

    เขาร้องเสียงหลงหลังเห็นผมกลายร่างโดยสมบูรณ์

    "มนุษย์หมาป่า!"

    ใช่! แต่เขารู้ตัวสายเกินไป ไม่ทันที่เขาจะคิดหลบหนีหรือต่อสู้ คมเขี้ยวผมก็กัดงับคอเขาขาดกระจุยออกจากกันในเวลาชั่วพริบตา เลือดแดงเข้มของเขาสาดกระจายไปติดผนัง ผมแหงนหน้ามองจันทร์ แล้วเห่าหอนเสียงแหลม  เพื่อประกาศให้คนในตระกูลรู้ว่า 'สงครามระหว่างผีดูดเลือดและมนุษย์หมาป่า' ได้เริ่มขึ้นแล้ว!.


เฟืองเขียว  เกี้ยวบุหลัน (สมเกียรติ  จันทร)
๒๑/๐๖/๒๕๖๐
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่