ได้ดูพี่ยิมกับน้องโด่งแล้วนึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาทันที ความใจความรู้สึกของน้องโด่งมาก อยากให้พ่อแม่ได้เข้าใจว่าเด็กปกติก็ต้องการความรักเหมือนกัน “ดูแลตัวเองได้ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการการดูแล”
จขกท.มีน้องเป็นออทิสติกแต่ไม่มากเท่าพี่ยิม คนทั่วไปที่เจอจะดูไม่ออกเลย พัฒนาการจะช้านิดนึง ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงป่วยบ่อย ชอบดูชอบทำอะไรซ้ำๆ เอาแต่ใจ ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าน้องเราไม่ปกติ แม่ไม่ได้บอกอะไร ไม่เคยอธิบายว่าเพราะอะไรถึงต้องดูแลน้องขนาดนี้ แค่บอกว่าเป็นพี่ต้องดูแลน้องต้องเสียสละ เป็นพี่ต้องยอมน้อง ยุคนั้นยังไม่มีอินเตอร์เนต บวกกับยังเด็กเราไม่รู้หรอกว่าอาการต่างๆนั้นเรียกว่าออทิสติก
ปัญหาเริ่มมีก็ตอนเราเข้าวัยรุ่นประมาณมัธยม เริ่มรู้สึกทำไมแม่ไม่สอนน้องต้องเอาใจอะไรขนาดนั้น อยากได้อะไรยอม ทีเราทำไมไม่ได้ ทำไมต้องโอ๋น้องขนาดนั้น ทำไมชมแต่น้อง เราทำอะไรดีก็ไม่เคยชม(แบบเดียวกับโด่งเลย น้องสอบผ่านแม่จะชมว่าเก่งมาก แต่เราพยายามสอบได้ท็อปหลายวิชารีบกลับบ้านมาอวด คำที่ได้ยินคือ อืม เหรอ แค่นี้)
เริ่มมีแต่คำว่าทำไมๆๆ เต็มหัวไปหมด ให้เราทำงานบ้านเราก็ไม่เข้าใจว่าถึงเป็นเราคนเดียวทำไมไม่แบ่งๆกัน จริงๆ มันมีเรื่องที่ไม่เข้าใจและกระทบจิตใจมาเยอะมาก ทั้งจากคนรอบข้างและในครอบครัว มันก็เหมือนเริ่มเก็บกด หาทางออกไม่ได้ ไม่มีเพื่อนสนิทที่พอจะปรึกษาได้ซักคน เคยคิดแม้กระทั้งหนีออกจากบ้าน นานเข้าเมื่อหาทางระบายไม่ได้ก็เริ่มทำร้ายตัวเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ในหัวเตียงจะมีมีดโกนซ่อนไว้ เวลาทะเลาะกันทีก็กรีดที หามีดไม่ได้เห็นตะปูตอกกำแพงไว้มันหลวมๆ ก็งัดมากรีดมือ ยาพารากินทีเป็นสิบเม็ดก็เคย ยาคลายเครียดกินไปหลายเม็ดก็มี ความรู้สึกตอนนั้น ไม่ได้จะเรียกร้องความสนใจ เพราะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแม่ก็ยังไม่รู้ว่าเราเคยทำแบบนี้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไปทำไม รู้แต่ว่าได้ทำร้ายตัวเองแล้วมันดีขึ้น ในความคิดมีแต่ทำไมแม่ไม่รัก ย้ำๆซ้ำๆ แต่มันก็ผ่านไป ระหองระแหงกันไปเรื่อย จนโตย้ายไปเรียนที่อื่นต้องไปอยู่หอ จขกท.เลือกที่เรียนไกลๆ ไม่อยากอยู่บ้าน นานๆเจอกันทีมันก็ดีขึ้นนะ ช่วยได้มากเลย
จนน้องเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว แม่เสียใจ เราเข้าใจ ก็เสียใจกันทั้งบ้าน แล้วมีเหตุการณ์ที่เถียงกันจำได้ว่าเรื่องอะไรจนเราสติแตก ร้องให้หลุดออกมาว่าถ้าเราเป็นคนที่ตายแม่คงเสียใจน้อยกว่านี้ใช่มั้ย ถ้าตายแทนได้นี่ตายแทนให้ไปแล้ว และจขกท.ก็ออกไปหาที่เงียบสงบสติอารมณ์คนเดียว จนที่บ้านต้องออกตามหา แล้วแม่ก็มาขอโทษ ที่พูดไปเพราะอารมณ์ไม่ดี นี่คือการทะเลาะที่แรงที่สุดแล้วในชีวิต เพราะทุกทีเราจะแยกไปเก็บตัวในห้องเอง หรือไม่ก็เงียบไม่พูดไม่ทะเลาะด้วย
เหตุการณ์ต่างๆ ถึงเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว จขกท.โตขึ้น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ความรู้สึกนั้นก็ยังมีอยู่ในใจบ้าง ยิ่งมาดูพี่ยิมกับน้องโด่ง ทำให้คิดถึงเรื่องของตัวเอง เหตุการณ์บางอย่างในเรื่องมันแทบจะทับซ้อนขึ้นมาเหมือนของจขกท.มาก เพียงแต่จิตใจจขกท.ไม่แข็งแรงเท่ากับน้องโด่ง เลยหาทางออกในวิธีที่ผิด
คิดอยู่นานว่าจะเขียนกระทู้นี้มั้ย เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ที่ตัดสินใจเขียนเพราะว่าอยากจะบอกให้ผู้ปกครองที่มีเด็กพิเศษกับเด็กเล็กอยู่ด้วยกัน ควรอธิบายสอนให้เด็กรู้ด้วยเหตุผลว่าเพราะอะไรทำไมถึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรให้ความสำคัญเท่าๆกัน ไม่ต้องมากเท่ากันก็ได้ เพียงแต่เผื่อแผ่มาบ้างก็พอ *คำชมเล็กๆน้อยๆ มันก็เยียวยาจิตใจได้ จิตใจคนเรามันมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน* ถึงแม้จะเก่งจะดูแลตัวเองได้ยังไง ก็ยังต้องการความรักอยู่ดี
ปล.เคยถามเหตุผลว่าทำไมไม่สนใจกันบ้าง แม่ให้เหตุผลว่าก็เราเอาตัวรอดและดูแลตัวเองได้
.
.
.
.เป็นกระทู้คำถามเพราะไม่สามารถตั้งกระทู้สนทนาได้ค่ะ
แบ่งปันประสบการณ์คล้ายกับน้องโด่ง ฝากถึงพ่อกับแม่ที่มีเด็กพิเศษกับเด็กปกติอยู่ด้วยกัน
จขกท.มีน้องเป็นออทิสติกแต่ไม่มากเท่าพี่ยิม คนทั่วไปที่เจอจะดูไม่ออกเลย พัฒนาการจะช้านิดนึง ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงป่วยบ่อย ชอบดูชอบทำอะไรซ้ำๆ เอาแต่ใจ ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าน้องเราไม่ปกติ แม่ไม่ได้บอกอะไร ไม่เคยอธิบายว่าเพราะอะไรถึงต้องดูแลน้องขนาดนี้ แค่บอกว่าเป็นพี่ต้องดูแลน้องต้องเสียสละ เป็นพี่ต้องยอมน้อง ยุคนั้นยังไม่มีอินเตอร์เนต บวกกับยังเด็กเราไม่รู้หรอกว่าอาการต่างๆนั้นเรียกว่าออทิสติก
ปัญหาเริ่มมีก็ตอนเราเข้าวัยรุ่นประมาณมัธยม เริ่มรู้สึกทำไมแม่ไม่สอนน้องต้องเอาใจอะไรขนาดนั้น อยากได้อะไรยอม ทีเราทำไมไม่ได้ ทำไมต้องโอ๋น้องขนาดนั้น ทำไมชมแต่น้อง เราทำอะไรดีก็ไม่เคยชม(แบบเดียวกับโด่งเลย น้องสอบผ่านแม่จะชมว่าเก่งมาก แต่เราพยายามสอบได้ท็อปหลายวิชารีบกลับบ้านมาอวด คำที่ได้ยินคือ อืม เหรอ แค่นี้)
เริ่มมีแต่คำว่าทำไมๆๆ เต็มหัวไปหมด ให้เราทำงานบ้านเราก็ไม่เข้าใจว่าถึงเป็นเราคนเดียวทำไมไม่แบ่งๆกัน จริงๆ มันมีเรื่องที่ไม่เข้าใจและกระทบจิตใจมาเยอะมาก ทั้งจากคนรอบข้างและในครอบครัว มันก็เหมือนเริ่มเก็บกด หาทางออกไม่ได้ ไม่มีเพื่อนสนิทที่พอจะปรึกษาได้ซักคน เคยคิดแม้กระทั้งหนีออกจากบ้าน นานเข้าเมื่อหาทางระบายไม่ได้ก็เริ่มทำร้ายตัวเอง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ความรู้สึกตอนนั้น ไม่ได้จะเรียกร้องความสนใจ เพราะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแม่ก็ยังไม่รู้ว่าเราเคยทำแบบนี้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไปทำไม รู้แต่ว่าได้ทำร้ายตัวเองแล้วมันดีขึ้น ในความคิดมีแต่ทำไมแม่ไม่รัก ย้ำๆซ้ำๆ แต่มันก็ผ่านไป ระหองระแหงกันไปเรื่อย จนโตย้ายไปเรียนที่อื่นต้องไปอยู่หอ จขกท.เลือกที่เรียนไกลๆ ไม่อยากอยู่บ้าน นานๆเจอกันทีมันก็ดีขึ้นนะ ช่วยได้มากเลย
จนน้องเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว แม่เสียใจ เราเข้าใจ ก็เสียใจกันทั้งบ้าน แล้วมีเหตุการณ์ที่เถียงกันจำได้ว่าเรื่องอะไรจนเราสติแตก ร้องให้หลุดออกมาว่าถ้าเราเป็นคนที่ตายแม่คงเสียใจน้อยกว่านี้ใช่มั้ย ถ้าตายแทนได้นี่ตายแทนให้ไปแล้ว และจขกท.ก็ออกไปหาที่เงียบสงบสติอารมณ์คนเดียว จนที่บ้านต้องออกตามหา แล้วแม่ก็มาขอโทษ ที่พูดไปเพราะอารมณ์ไม่ดี นี่คือการทะเลาะที่แรงที่สุดแล้วในชีวิต เพราะทุกทีเราจะแยกไปเก็บตัวในห้องเอง หรือไม่ก็เงียบไม่พูดไม่ทะเลาะด้วย
เหตุการณ์ต่างๆ ถึงเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว จขกท.โตขึ้น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ความรู้สึกนั้นก็ยังมีอยู่ในใจบ้าง ยิ่งมาดูพี่ยิมกับน้องโด่ง ทำให้คิดถึงเรื่องของตัวเอง เหตุการณ์บางอย่างในเรื่องมันแทบจะทับซ้อนขึ้นมาเหมือนของจขกท.มาก เพียงแต่จิตใจจขกท.ไม่แข็งแรงเท่ากับน้องโด่ง เลยหาทางออกในวิธีที่ผิด
คิดอยู่นานว่าจะเขียนกระทู้นี้มั้ย เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ที่ตัดสินใจเขียนเพราะว่าอยากจะบอกให้ผู้ปกครองที่มีเด็กพิเศษกับเด็กเล็กอยู่ด้วยกัน ควรอธิบายสอนให้เด็กรู้ด้วยเหตุผลว่าเพราะอะไรทำไมถึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรให้ความสำคัญเท่าๆกัน ไม่ต้องมากเท่ากันก็ได้ เพียงแต่เผื่อแผ่มาบ้างก็พอ *คำชมเล็กๆน้อยๆ มันก็เยียวยาจิตใจได้ จิตใจคนเรามันมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน* ถึงแม้จะเก่งจะดูแลตัวเองได้ยังไง ก็ยังต้องการความรักอยู่ดี
ปล.เคยถามเหตุผลว่าทำไมไม่สนใจกันบ้าง แม่ให้เหตุผลว่าก็เราเอาตัวรอดและดูแลตัวเองได้
.
.
.
.เป็นกระทู้คำถามเพราะไม่สามารถตั้งกระทู้สนทนาได้ค่ะ