วันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ วัน
ที่ผมออกตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยนอก
ความแออัด บรรยากาศตึง ๆ
สารพัดเสียง สารพัดความเคลื่อนไหว
ทุกอย่างดูเร่งรีบเหมือนทุกครั้ง
ระหว่างที่ตรวจคนไข้ไป
เสียงบ่น ต่าง ๆ ดูเหมือนจะดังรอบตัว
ทำไมหมอเพิ่งมา ?
ผมไปตรวจคนไข้บนตึก
ตั้งแต่ หกโมงครึ่ง คนไข้ไอซียู
และคนไข้ทั่วไป สารพัดปัญหา
รีบและเร่ง ให้เร็วที่สุดแล้ว
ฉันรอนานแล้วนะ มาตั้งแต่ตี 5
จากเช้า ถึง สาย
ผมลุกไปห้องฉุกเฉิน 2 รอบ
คนไข้อาการหนัก
ก็ต้องรีบไปดูก่อน
ทำไมถึงคิวผมแล้ว ยังไม่เรียก ?
สาย ถึง เที่ยง
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ 1 ที
เที่ยงคล้อยบ่าย
แล้วก็เลยไปเป็นบ่ายแก่ ๆ
ตรวจแล้วก็ตรวจอีก
ยกแก้วน้ำ จิบกาแฟ
แล้วก็ตรวจ ตรวจ และตรวจ
ยายวัย 90 ปี เดินช้า ๆ
เข้ามาในห้อง ค่อย ๆ นั่ง ลง
แล้วเอ่ยว่า
" 4 เดือนมาเจอกันทีนะหมอ "
ยายยิ้มเต็มหน้า แบบไม่มีฟันให้เห็นแล้ว
ในใบสั่งยาระบุเวลาไว้ตั้งแต่ 9 โมงเช้า
ผมยกหูฟังแตะที่หน้าอกยายพร้อม ๆ กับว่า
" โทษทีนะยาย ต้องรอนานเลย "
ยายรีบตอบว่า
" ไม่เป็นไร หมอ ฉันเห็นหมอทำงานตลอดนะ
เดินไปนู่น แล้วก็เดินมานี่ ไม่เห็นได้พักเลย
ข้าวก็ยังไม่ได้กินใช่ไหมล่ะ
ฉันไม่เคยโทษหมอเลย "
" ก็เห็น คนอื่นเขาบ่น เขาว่ากันนะ
เดี๋ยวนี้ ยายได้ยินข่าวไหม
เขาด่าหมอกันทั้งนั้นแหละ "
จริง ๆ ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไร
กับคำบ่นแล้วนะ รวมไปถึง
กระแสต่าง ๆ ในสื่อต่าง ๆ
แต่พอหลุดปากไปอย่างนี้
ก็รู้เลยว่า เออ จริง ๆ
เราก็คงรู้สึกนะ
ไม่งั้น คงไม่ เผลอ ตัดพ้อ กับยายแบบนี้
เรียกว่า ต้องการกำลังใจโดยไม่รู้ตัว ก็ได้มั้ง
ยายยิ้มเหมือนเคย แล้วบอกว่า
" ไม่จริงหรอกหมอ มีคนอีกเยอะแยะที่เขาไม่บ่น "
คำสุดท้ายของยาย
ลอยค้างอยู่ในใจหลายวัน
จนคิดได้ว่า
เราเองยังหลงไปกับเสียงที่ได้ยิน
แต่ไม่ได้ใส่ใจกับความเงียบที่ไม่มีเสียง
หรือ มัวแต่มองจุดสีดำบนพื้นผ้าขาว
จริงหรือไม่ ที่ใจเรา
มัวแต่ไปฝังใจกับข่าวร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น
จริงหรือไม่ ที่หูของเรา
ได้ยินแต่เสียงบ่น เสียงตำหนิ
ทำให้ผมลืมไปเลยว่า
ตลอดทั้งวันที่ตรวจคนไข้ 100 กว่าคน
เสียงคนบ่น เสียงตำหนินั้นมี 4-5 คน
ในขณะที่ร้อยกว่าคนที่เหลือ
ไม่มีคำต่อว่า แม้เพียงครึ่งคำ
คุณป้าต้องงดขายของ 1 วัน เพื่อมาหาหมอ
คุณลุงเดินทางมาจากต่างจังหวัด
เพื่อมาตรวจรับยา
เจอหน้าหมอ ไม่ถึง 3 นาที
คนไข้บางคน ต้องฝากลูกไว้กับคนข้างบ้าน
เพื่อจะมาพบผมวันนี้ ?
คุณยายที่ลูกหลานต้อง
พาขึ้นรถเข็นมา โรงพยาบาล
คุณตาวัย 70 อัมพฤกษ์ ขาข้างหนึ่ง
ยังเดินได้ไม่ถนัด ยังนั่งรถเมล์
ระยะทางเกือบข้ามจังหวัด มาหาเรา
ฯลฯ
มีไหม แม้ครึ่งคำที่จะบ่น ให้เราได้ยิน
เรามัวแต่เอาใจไปใส่กับเสียงบ่นของคนไม่กี่คน
จนไม่ใส่ใจกับ "คนเยอะแยะ" ที่เขาไม่บ่นใช่ไหม ?
เราเสพย์แต่ข่าว
อ่านแต่ความเห็นจากใครก็ไม่รู้
ให้ความสำคัญกับมันมาก
เสียจนไม่เห็นคนไข้ที่ยิ้มให้เรา
ตรงหน้าเลยใช่หรือเปล่า ?
เรามัวแต่รอ ว่า จะต้องมีคนมาชม
มาให้กำลังใจ จึงจะรู้สึกดีเหรอ ?
ชีวิตคนปกติมันมีอย่างนั้นด้วยหรือ ?
ถามตัวเองสิว่า เวลา ไปกินอาหารอร่อย ๆ
เราเคยเอ่ยปากชม
แม่ค้าที่ผัดกระเพราให้เรากินสักกี่ครั้ง ?
ความเงียบ ต้องหัดฟังให้ได้ยิน
บอกตัวเองว่า
ต้องหัดมองให้เห็นด้านใน
จากความนิ่งที่เห็นภายนอก
ฝึกกันต่อไป ... ไปด้วยกันครับ
#เสียงของความเงียบ
เรื่องนี้สำหรับทุกคนที่ให้บริการ
ไม่ใช่เฉพาะอาชีพแพทย์
ที่ช่วยกระตุกสติให้กลับมา
Credit : นิรนาม
(ไม่ทราบใครเขียน)
ทำให้นึกถึงเรื่องนี้
เด็กวัดหลายคน
ด่าหมาในวัดบางตัว
ที่ชอบส่งเสียงเห่าหอนโหยหวน
ท่านสมภารเจ้าอาวาสเลยบอกว่า
" หูหมากับปากหมามันใกล้กัน
มันยังไม่หนวกหูกับเสียงมันเลย
พวกเธอยู่ไกลตั้งเยอะ ยังไปตั้งใจฟัง "
The Sound of Silence
เสียงของความเงียบ
ที่ผมออกตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยนอก
ความแออัด บรรยากาศตึง ๆ
สารพัดเสียง สารพัดความเคลื่อนไหว
ทุกอย่างดูเร่งรีบเหมือนทุกครั้ง
ระหว่างที่ตรวจคนไข้ไป
เสียงบ่น ต่าง ๆ ดูเหมือนจะดังรอบตัว
ทำไมหมอเพิ่งมา ?
ผมไปตรวจคนไข้บนตึก
ตั้งแต่ หกโมงครึ่ง คนไข้ไอซียู
และคนไข้ทั่วไป สารพัดปัญหา
รีบและเร่ง ให้เร็วที่สุดแล้ว
ฉันรอนานแล้วนะ มาตั้งแต่ตี 5
จากเช้า ถึง สาย
ผมลุกไปห้องฉุกเฉิน 2 รอบ
คนไข้อาการหนัก
ก็ต้องรีบไปดูก่อน
ทำไมถึงคิวผมแล้ว ยังไม่เรียก ?
สาย ถึง เที่ยง
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ 1 ที
เที่ยงคล้อยบ่าย
แล้วก็เลยไปเป็นบ่ายแก่ ๆ
ตรวจแล้วก็ตรวจอีก
ยกแก้วน้ำ จิบกาแฟ
แล้วก็ตรวจ ตรวจ และตรวจ
ยายวัย 90 ปี เดินช้า ๆ
เข้ามาในห้อง ค่อย ๆ นั่ง ลง
แล้วเอ่ยว่า
" 4 เดือนมาเจอกันทีนะหมอ "
ยายยิ้มเต็มหน้า แบบไม่มีฟันให้เห็นแล้ว
ในใบสั่งยาระบุเวลาไว้ตั้งแต่ 9 โมงเช้า
ผมยกหูฟังแตะที่หน้าอกยายพร้อม ๆ กับว่า
" โทษทีนะยาย ต้องรอนานเลย "
ยายรีบตอบว่า
" ไม่เป็นไร หมอ ฉันเห็นหมอทำงานตลอดนะ
เดินไปนู่น แล้วก็เดินมานี่ ไม่เห็นได้พักเลย
ข้าวก็ยังไม่ได้กินใช่ไหมล่ะ
ฉันไม่เคยโทษหมอเลย "
" ก็เห็น คนอื่นเขาบ่น เขาว่ากันนะ
เดี๋ยวนี้ ยายได้ยินข่าวไหม
เขาด่าหมอกันทั้งนั้นแหละ "
จริง ๆ ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไร
กับคำบ่นแล้วนะ รวมไปถึง
กระแสต่าง ๆ ในสื่อต่าง ๆ
แต่พอหลุดปากไปอย่างนี้
ก็รู้เลยว่า เออ จริง ๆ
เราก็คงรู้สึกนะ
ไม่งั้น คงไม่ เผลอ ตัดพ้อ กับยายแบบนี้
เรียกว่า ต้องการกำลังใจโดยไม่รู้ตัว ก็ได้มั้ง
ยายยิ้มเหมือนเคย แล้วบอกว่า
" ไม่จริงหรอกหมอ มีคนอีกเยอะแยะที่เขาไม่บ่น "
คำสุดท้ายของยาย
ลอยค้างอยู่ในใจหลายวัน
จนคิดได้ว่า
เราเองยังหลงไปกับเสียงที่ได้ยิน
แต่ไม่ได้ใส่ใจกับความเงียบที่ไม่มีเสียง
หรือ มัวแต่มองจุดสีดำบนพื้นผ้าขาว
จริงหรือไม่ ที่ใจเรา
มัวแต่ไปฝังใจกับข่าวร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น
จริงหรือไม่ ที่หูของเรา
ได้ยินแต่เสียงบ่น เสียงตำหนิ
ทำให้ผมลืมไปเลยว่า
ตลอดทั้งวันที่ตรวจคนไข้ 100 กว่าคน
เสียงคนบ่น เสียงตำหนินั้นมี 4-5 คน
ในขณะที่ร้อยกว่าคนที่เหลือ
ไม่มีคำต่อว่า แม้เพียงครึ่งคำ
คุณป้าต้องงดขายของ 1 วัน เพื่อมาหาหมอ
คุณลุงเดินทางมาจากต่างจังหวัด
เพื่อมาตรวจรับยา
เจอหน้าหมอ ไม่ถึง 3 นาที
คนไข้บางคน ต้องฝากลูกไว้กับคนข้างบ้าน
เพื่อจะมาพบผมวันนี้ ?
คุณยายที่ลูกหลานต้อง
พาขึ้นรถเข็นมา โรงพยาบาล
คุณตาวัย 70 อัมพฤกษ์ ขาข้างหนึ่ง
ยังเดินได้ไม่ถนัด ยังนั่งรถเมล์
ระยะทางเกือบข้ามจังหวัด มาหาเรา
ฯลฯ
มีไหม แม้ครึ่งคำที่จะบ่น ให้เราได้ยิน
เรามัวแต่เอาใจไปใส่กับเสียงบ่นของคนไม่กี่คน
จนไม่ใส่ใจกับ "คนเยอะแยะ" ที่เขาไม่บ่นใช่ไหม ?
เราเสพย์แต่ข่าว
อ่านแต่ความเห็นจากใครก็ไม่รู้
ให้ความสำคัญกับมันมาก
เสียจนไม่เห็นคนไข้ที่ยิ้มให้เรา
ตรงหน้าเลยใช่หรือเปล่า ?
เรามัวแต่รอ ว่า จะต้องมีคนมาชม
มาให้กำลังใจ จึงจะรู้สึกดีเหรอ ?
ชีวิตคนปกติมันมีอย่างนั้นด้วยหรือ ?
ถามตัวเองสิว่า เวลา ไปกินอาหารอร่อย ๆ
เราเคยเอ่ยปากชม
แม่ค้าที่ผัดกระเพราให้เรากินสักกี่ครั้ง ?
ความเงียบ ต้องหัดฟังให้ได้ยิน
บอกตัวเองว่า
ต้องหัดมองให้เห็นด้านใน
จากความนิ่งที่เห็นภายนอก
ฝึกกันต่อไป ... ไปด้วยกันครับ
#เสียงของความเงียบ
เรื่องนี้สำหรับทุกคนที่ให้บริการ
ไม่ใช่เฉพาะอาชีพแพทย์
ที่ช่วยกระตุกสติให้กลับมา
Credit : นิรนาม
(ไม่ทราบใครเขียน)
ทำให้นึกถึงเรื่องนี้
เด็กวัดหลายคน
ด่าหมาในวัดบางตัว
ที่ชอบส่งเสียงเห่าหอนโหยหวน
ท่านสมภารเจ้าอาวาสเลยบอกว่า
" หูหมากับปากหมามันใกล้กัน
มันยังไม่หนวกหูกับเสียงมันเลย
พวกเธอยู่ไกลตั้งเยอะ ยังไปตั้งใจฟัง "
The Sound of Silence