ตอนนี้อสังหาฯบางแห่ง ออกแผนการตลาดขายฝันนักลงทุนหน้าใหม่
ซื้อตึกแถมคนเช่าและมีเงินสดใช้หลายแสน
แผนเป็นยังไงรึครับ
สมมุติตึกราคา 2 ล้าน พอมีแผนรับประกันคนเช่า 1 ปี สมมุติเดือนละหมื่น
ราคาตึกก็จะตั้งสูงขึ้นเป็น 2.12 ล้าน ราคาสูงขึ้นนิดเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถปล่อยเงินแบงก์ได้ถึง 2.3 ล้าน
ถ้าผู้ซื้อกู้แล้วนอกจากได้บ้านยังได้เงินสดมาใช้เกือบ 2 แสน
กำไร 2 ต่อขนาดนี้ทำไมจะไม่เอา ก็ซื้อสิ รออะไร
เงินที่ต้องผ่อนเฉลี่ยเดือนละ 1.5 หมื่น ผู้ซื้อก็จะหน้ามืดตามัวด้วยคำพูดสวยงาม
มีเงินค่าเช่าช่วยค่าผ่อนแล้ว 1 หมื่น ที่เหลืออีก 5 พันก็เอาจากเงินส่วนเกินเกือบ 2 แสนมาจ่าย
เท่ากับซื้อตึกนี้เหมือนได้เปล่า ไม่ต้องลงทุนสักบาท จู่ๆ มีทรัพย์สินขึ้นมาตั้ง 2 ล้านกว่า
แถมมีเงินสดไว้จับจ่ายใช้สอยและช่วยค่าผ่อนตั้งเกือบ 2 แสน เหมือนขายตึกแถมเงินสดให้ลูกค้า
แต่จริงๆ มันคือเงินของลูกค้าทั้งหมด ค่าเช่ารายเดือนที่ได้ก็คือเงินที่เขาเอาจากลูกค้าไปถือไว้
แล้วผ่อนจ่ายคืนลูกค้านาน 1 ปี ส่วนเงินเกือบ 2 แสนก็คือเงินที่ผู้ซื้อกู้มาจากแบงก์ ต้องทะยอย
จ่ายคืนจนหมด
ทั้งหมดนี้ ความจริงและนรกจะเกิดก็ตอนที่ระยะเวลารับประกันผู้เช่าสิ้นสุด 1 ปี ถึงตอนนั้นผู้ซื้อ
รับผิดชอบตัวเองเต็มๆ ทุกคนก็จะได้รับการบอกกล่าวว่า มีเวลาตั้ง 1 ปี นานขนาดนี้ต้องหา
ผู้เช่าต่อได้สิ แถมยังสามารถขึ้นค่าเช่าได้เรื่อยๆ เพราะเวลาที่ผ่านไป ย่านตึกนั้นอาจเกิดชุมชน
เผลอๆ ไม่อยากให้ใครเช่าก็ขายต่อได้ จาก 2.12 ล้านอาจขายได้ถึง 2.5 ถึง 3 ล้าน มีแต่กำไร
การตลาดขายฝันแบบนี้ก็ดีสิครับ นักลงทุนหน้าใหม่ ไม่มีเงินทุน จู่ๆ มีโชคดีมาเสนอ ไม่ต้องจ่ายไรเลย
ได้เป็นเจ้าของตึกให้เช่ารายได้เดือนเป็นหมื่น ไม่เอาเหรอครับ
แต่มันจะอ้วกเมื่อความจริงคือ เศรษฐกิจไม่บูมอย่างที่คิด ย่านที่ซื้อตึกไม่โต ค่าเช่าหมื่นหาไม่ได้
และราคาขายตึกไม่ขึ้น ถ้าคุณเก็บเงินเกือบ 2 แสนไว้ ช่วยค่าผ่อนเดือนละ 5 พัน เงินก็จะหมดไป
แล้วประมาณ 6 หมื่น เหลืออีกแสนกว่าเอามาผ่อนต่อได้อีกเกือบปี นึกแล้วก็ไม่น่ากลัวนะครับ สบายดี
มีเวลาหาเงินหรือหาประโยชน์จากตึกนี้โดยไม่ต้องควักเนื้อนานถึงเกือบ 2 ปี ใครๆ ก็คิดว่าทำไมจะทำไม่ได้
เป็นไงครับ แผนการตลาดแบบนี้ ช่วยเพิ่มยอดขายได้เยอะเลย
มาเตือนแผนการตลาดของอสังหาฯบางแห่ง
ซื้อตึกแถมคนเช่าและมีเงินสดใช้หลายแสน
แผนเป็นยังไงรึครับ
สมมุติตึกราคา 2 ล้าน พอมีแผนรับประกันคนเช่า 1 ปี สมมุติเดือนละหมื่น
ราคาตึกก็จะตั้งสูงขึ้นเป็น 2.12 ล้าน ราคาสูงขึ้นนิดเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถปล่อยเงินแบงก์ได้ถึง 2.3 ล้าน
ถ้าผู้ซื้อกู้แล้วนอกจากได้บ้านยังได้เงินสดมาใช้เกือบ 2 แสน
กำไร 2 ต่อขนาดนี้ทำไมจะไม่เอา ก็ซื้อสิ รออะไร
เงินที่ต้องผ่อนเฉลี่ยเดือนละ 1.5 หมื่น ผู้ซื้อก็จะหน้ามืดตามัวด้วยคำพูดสวยงาม
มีเงินค่าเช่าช่วยค่าผ่อนแล้ว 1 หมื่น ที่เหลืออีก 5 พันก็เอาจากเงินส่วนเกินเกือบ 2 แสนมาจ่าย
เท่ากับซื้อตึกนี้เหมือนได้เปล่า ไม่ต้องลงทุนสักบาท จู่ๆ มีทรัพย์สินขึ้นมาตั้ง 2 ล้านกว่า
แถมมีเงินสดไว้จับจ่ายใช้สอยและช่วยค่าผ่อนตั้งเกือบ 2 แสน เหมือนขายตึกแถมเงินสดให้ลูกค้า
แต่จริงๆ มันคือเงินของลูกค้าทั้งหมด ค่าเช่ารายเดือนที่ได้ก็คือเงินที่เขาเอาจากลูกค้าไปถือไว้
แล้วผ่อนจ่ายคืนลูกค้านาน 1 ปี ส่วนเงินเกือบ 2 แสนก็คือเงินที่ผู้ซื้อกู้มาจากแบงก์ ต้องทะยอย
จ่ายคืนจนหมด
ทั้งหมดนี้ ความจริงและนรกจะเกิดก็ตอนที่ระยะเวลารับประกันผู้เช่าสิ้นสุด 1 ปี ถึงตอนนั้นผู้ซื้อ
รับผิดชอบตัวเองเต็มๆ ทุกคนก็จะได้รับการบอกกล่าวว่า มีเวลาตั้ง 1 ปี นานขนาดนี้ต้องหา
ผู้เช่าต่อได้สิ แถมยังสามารถขึ้นค่าเช่าได้เรื่อยๆ เพราะเวลาที่ผ่านไป ย่านตึกนั้นอาจเกิดชุมชน
เผลอๆ ไม่อยากให้ใครเช่าก็ขายต่อได้ จาก 2.12 ล้านอาจขายได้ถึง 2.5 ถึง 3 ล้าน มีแต่กำไร
การตลาดขายฝันแบบนี้ก็ดีสิครับ นักลงทุนหน้าใหม่ ไม่มีเงินทุน จู่ๆ มีโชคดีมาเสนอ ไม่ต้องจ่ายไรเลย
ได้เป็นเจ้าของตึกให้เช่ารายได้เดือนเป็นหมื่น ไม่เอาเหรอครับ
แต่มันจะอ้วกเมื่อความจริงคือ เศรษฐกิจไม่บูมอย่างที่คิด ย่านที่ซื้อตึกไม่โต ค่าเช่าหมื่นหาไม่ได้
และราคาขายตึกไม่ขึ้น ถ้าคุณเก็บเงินเกือบ 2 แสนไว้ ช่วยค่าผ่อนเดือนละ 5 พัน เงินก็จะหมดไป
แล้วประมาณ 6 หมื่น เหลืออีกแสนกว่าเอามาผ่อนต่อได้อีกเกือบปี นึกแล้วก็ไม่น่ากลัวนะครับ สบายดี
มีเวลาหาเงินหรือหาประโยชน์จากตึกนี้โดยไม่ต้องควักเนื้อนานถึงเกือบ 2 ปี ใครๆ ก็คิดว่าทำไมจะทำไม่ได้
เป็นไงครับ แผนการตลาดแบบนี้ ช่วยเพิ่มยอดขายได้เยอะเลย