สวัสดีคะพี่ หนูมีเรื่องจะปรึกษาคะ ตอนนี้ร้อนใจมาก
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันศุกร์ประมาณบ่าย3โมง มีรถแท็กซี่มาจอดข้างบ้านซึ่งคนขับพักอยู่อาพาร์ทเม้นท์หลังบ้านหนู แล้วจังหวะนั้นพี่ชายหนูยืนสูบบุหรี่ตรงหน้าต่างและมองลงไปข้างล่างเห็นลูกสาวของคนขับแท็กซี่เดินเข้าไปหลังบ้าน พี่ชายจึงคุยกับพี่สะไภ้ว่ามันเข้ามาหลังบ้านเราทำไม แล้วเหมือนกับข้างนอกได้ยิน จากนั้นเด็กคนนั้นก็วิ่งออกมาจากหลังบ้านมานั่งอยู่ข้างบ้าน พี่ชายจึงตะโกนถามว่าเข้าไปหลังบ้านทำไม เข้าไปทำอะไรหลังบ้านกู คนขับแท็กซี่ก็ตอบพี่มาว่า ไม่ได้ทำอะไรหากุญแจรถแท็กซี่ พอดีพี่ชายเหลือบไปเห็นกระดาษที่มีข้อความเขียนอยู่ จึงถามต่อว่าเขียนอะไร แล้วจะมาติดอะไรหลังบ้านกู คนขับแท็กซี่ก็ตอบกลับมาว่า ไม่ได้ทำอะไร หากุญแจรถ พี่ชายก็บอกว่ารีบหาแล้วก็รีบไป (เพราะกลัวว่าจะมาขโมยจองหลังบ้าน ซึ่งหลังบ้านคิดถนน คนสามารถเดินเข้าไปได้เลยไม่มีประตู และมีเครื่องมือขายของของแม่อยู่) จากนั้นก็เกิดการยั่วยุไปมา จนพี่ชายโมโหหยิบขวดเบียร์ทำท่าจะไล่เขาไป คนขับแท็กซี่ก็เร้าเอาดิ่ปามาดิ่ กูไม่กลัวหรอก เร้ากันไปมา แต่ตัวพี่ชายอยู่บนบ้านไม่ได้ออกจากบ้านเลย จนพี่สะไภ้มาห้ามและพี่ชายก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำ พอออกจากห้องน้ำมา เสียงคนขับแท็กซี่ตะโกนขึ้นมาว่า เอากุญแจรถกูไปเอามาคืนด้วย พี่ชายก็ตกใจ และได้ถามย้ำคำที่เขาพูดถึง 3 ครั้ง เขาก็พูดเหมือนเดิม และพี่ชายได้สวนกลับไปว่าบ้ารึป่าว ใครจะเอากุญแจรถไป สติดีหรือป่าว กูอยู่บนบ้านยังไม่ได้ลงไปไหนเลย แต่แท็กซี่ก็ยังไม่หยุดพูดตะโกนเสียงดังว่าพี่ชายหนูเอากุญแจรถเขาไป แล้วพี่สะไภ้เลยลงไปคุย ทางคนขับแท็กซี่ก็พูดว่าจะแจ้งตำรวจและโทรแจ้งว่าพี่หนูเอากุญแจรถไปและจะเอาขวดตีหัวเขา จะทำร้ายเขา พี่สะไภ้เลยบอกว่าแจ้งเลย จะแจ้งกลับเหมือนกัน ข้อหาแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาททำให้อับอายเสียชื่อเสียงต่อสาธารณะ (เพราะบ้านหนูขายข้าวแกง เสียชื่อเสียง เขาตะโกนแบบนั้นแล้วลูกค้าที่ไหนจะกล้ามาซื้อของ เพราะเราถูกล่าวหาว่าขโมยของ) จนสายตรวจมา ก็ถามเหตุการณ์ต่างๆ แต่ฝนตกพอดี ซึ่งทางคนขับแท็กซี่บอกกับตำรวจว่าตึกมีกล้อง เปิดกล้องดูได้ พวกหนูเลยท้าให้เปิดกล้องเลยเพราะไม่ได้เอาไปอยู่แล้ว รอฝนหยุดตกสายตรวจก็เดินไปดูกล้องพร้อมพี่สะไภ้และคนขับที่ตึกเขา (บ้านหนูไม่ถูกกับเจ้าของตึก) พอไปถึงเขาบอกกล้องเสียนานแล้ว บอกกับคนขับแท็กซี่นานแล้วว่ากล้องเสีย (อะไรตะพอดีขนาดนั้นคะ) ตลอดเวบาที่คุยกับสายตรวจ เขาเอาแต่พูดว่าเขาจะถูกทำร้ายทำท่าทางว่าพี่ชายเอาขวดฟาดหัวเขา แต่ไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่ตัวเองแจ้งความว่าเอากุญแจรถไปเลย แล้วก็พูดว่าผมไม่ได้แจ้งว่าคุณเอากุญแจรถไป ห้ะ! เดี๋ยวนะ คนแถวบ้านหนูได้ยินกันหมด แต่เขากลับคำพูด หนูเลยถามกับสายตรวจว่าหนูแจ้งความกลับได้ไหม เขาบอกว่าได้ แต่ต้องไปแจ้งที่ส.น. พวกหนูจึงไปส.น.กันคะ
คนขับแท็กซี่เดินทางไปก่อนพร้อมลูก และพวกหนูตามไปเพราะต้องเอาหลานไปด้วยสองคนและขับมอไซไป
หนูไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่จะไปถึงเขาพูดกับร้อยเวรยังไง แต่ร้อยเวรเขาก็ถามเหตุการณ์ฝั่งพี่หนูบ้าง พี่ชายหนูก็ถามว่าเขาพูดว่าอะไร ผมจะได้พูดความจริงตอนนั้น ซึ่งคนขับแท็กซี่ก็เอาแต่พูดตลอดเวลาว่าพี่หนูจะทำร้ายเขา พูดให้ตัวเองน่าสงสาร ร้อยเวรก็บอกว่าผมอยากฟังจากคุณผมฟัวเขามาเยอะแล้ว แล้วพี่ชายก็เล่าให้ฟังทุกอย่าง คนขับแท็กซี่ก็เอาแต่พูดว่าจะโดนทำร้ายและไม่ได้แจ้งความว่าเอากุญรถไป ทั้งๆที่พวกหนูได้ยินหมด ร้อยเวรก็ถามว่าจะเอายังไง หนูเลยบอกว่าถ้าเขาจะยอมความเรื่องที่แจ้งว่าพี่ชายจะทำร้ายร่างกายก็ยอมไปคะ แต่หนูยอมไม่ได้เพราะชื่อเสียงร้านแม่หนูเสียหายที่เขามาตะโกนกล่าวหาแบบนั้นและก็แจ้งความเท็จใส่ร้ายพวกหนู คนขับแท็กซี่ก็ยังพูดแต่เรื่องจะโดนทำร้ายร่างกาย พี่ชายก็เถียงกลับเถียงกันไปมา จนพี่ชายโมโหที่เขากลับคำพูดและได้ว่าเขาไปว่าทำไมเป็นผู้ใหญ่ที่
แบบนี้ แล้วร้อยเวรก็พูดว่าอ้าว งี้ก็แจ้งหมิ่นประมาทร่วมได้นะต่อหน้าเจ้าพนักงานเลย ( เอ้า กลายเป็นฝั่งเราผิดด้วยอีก ทั้งๆที่เสียหาย) พี่สะไภ้กับพี่ชายจึงว่าไปว่าอะไรว่ะ กูเป็นผู้เสียหายแท้ๆยังผิดอีก แล้วก็เดินออกจากตรงนั้นไป หนูก็อยู่นั่งคุยกับร้อยเวร จนจบและมีนัดมาสอบปากคำที่ส.น.อีกในวันจันนี้
ป.ล.ตอนที่หนูแจ้งความกลับ ร้อยเวรพูดว่าเรื่องค่นี้ยอมกันจบๆกันไปไม่เอา อยากถึงศาลผมก็จัดให้ (ห้ะ! เดี๋ยวนะคนเป็นตำรวจพูดแบบนี้หรอ ไม่เข้าใจหรือไงว่าพวกหนูเสียหายที่เขามากล่าวหา)
จนวันนี้พี่ชายได้รับโทรศัพท์จากพ่อว่าตำรวจที่รับแจ้งเหตุในตอนแรกจะไปเป็นพยานให้ แต่จะขอตรวจฉี่พี่ชายด้วย หืมมมม...มันคืออะไรคะพี่ พวกหนูเสียหายแต่จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแทนคืออะไร?
หนูสามารถทำอะไรได้บ้างคะ
ขอบพระคุณที่อ่านล่วงหน้านะคะ ยาวหน่อย แต่เรื่องจริงทั้วหมดคะ
ป.ล. 1 เรื่องกับคนขับแท็กซี่เราทำอะไรได้บ้างคะ
ป.ล. 2 เรื่องตรวจฉี่ อันนี้เราสามารถไม่ตรวจได้ไหม เพราะเราไปในฐานะผู้เสียหาย ไม่ใช่ถูกจับกุม
ใครรู้กฎหมายช่วยที
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันศุกร์ประมาณบ่าย3โมง มีรถแท็กซี่มาจอดข้างบ้านซึ่งคนขับพักอยู่อาพาร์ทเม้นท์หลังบ้านหนู แล้วจังหวะนั้นพี่ชายหนูยืนสูบบุหรี่ตรงหน้าต่างและมองลงไปข้างล่างเห็นลูกสาวของคนขับแท็กซี่เดินเข้าไปหลังบ้าน พี่ชายจึงคุยกับพี่สะไภ้ว่ามันเข้ามาหลังบ้านเราทำไม แล้วเหมือนกับข้างนอกได้ยิน จากนั้นเด็กคนนั้นก็วิ่งออกมาจากหลังบ้านมานั่งอยู่ข้างบ้าน พี่ชายจึงตะโกนถามว่าเข้าไปหลังบ้านทำไม เข้าไปทำอะไรหลังบ้านกู คนขับแท็กซี่ก็ตอบพี่มาว่า ไม่ได้ทำอะไรหากุญแจรถแท็กซี่ พอดีพี่ชายเหลือบไปเห็นกระดาษที่มีข้อความเขียนอยู่ จึงถามต่อว่าเขียนอะไร แล้วจะมาติดอะไรหลังบ้านกู คนขับแท็กซี่ก็ตอบกลับมาว่า ไม่ได้ทำอะไร หากุญแจรถ พี่ชายก็บอกว่ารีบหาแล้วก็รีบไป (เพราะกลัวว่าจะมาขโมยจองหลังบ้าน ซึ่งหลังบ้านคิดถนน คนสามารถเดินเข้าไปได้เลยไม่มีประตู และมีเครื่องมือขายของของแม่อยู่) จากนั้นก็เกิดการยั่วยุไปมา จนพี่ชายโมโหหยิบขวดเบียร์ทำท่าจะไล่เขาไป คนขับแท็กซี่ก็เร้าเอาดิ่ปามาดิ่ กูไม่กลัวหรอก เร้ากันไปมา แต่ตัวพี่ชายอยู่บนบ้านไม่ได้ออกจากบ้านเลย จนพี่สะไภ้มาห้ามและพี่ชายก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำ พอออกจากห้องน้ำมา เสียงคนขับแท็กซี่ตะโกนขึ้นมาว่า เอากุญแจรถกูไปเอามาคืนด้วย พี่ชายก็ตกใจ และได้ถามย้ำคำที่เขาพูดถึง 3 ครั้ง เขาก็พูดเหมือนเดิม และพี่ชายได้สวนกลับไปว่าบ้ารึป่าว ใครจะเอากุญแจรถไป สติดีหรือป่าว กูอยู่บนบ้านยังไม่ได้ลงไปไหนเลย แต่แท็กซี่ก็ยังไม่หยุดพูดตะโกนเสียงดังว่าพี่ชายหนูเอากุญแจรถเขาไป แล้วพี่สะไภ้เลยลงไปคุย ทางคนขับแท็กซี่ก็พูดว่าจะแจ้งตำรวจและโทรแจ้งว่าพี่หนูเอากุญแจรถไปและจะเอาขวดตีหัวเขา จะทำร้ายเขา พี่สะไภ้เลยบอกว่าแจ้งเลย จะแจ้งกลับเหมือนกัน ข้อหาแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาททำให้อับอายเสียชื่อเสียงต่อสาธารณะ (เพราะบ้านหนูขายข้าวแกง เสียชื่อเสียง เขาตะโกนแบบนั้นแล้วลูกค้าที่ไหนจะกล้ามาซื้อของ เพราะเราถูกล่าวหาว่าขโมยของ) จนสายตรวจมา ก็ถามเหตุการณ์ต่างๆ แต่ฝนตกพอดี ซึ่งทางคนขับแท็กซี่บอกกับตำรวจว่าตึกมีกล้อง เปิดกล้องดูได้ พวกหนูเลยท้าให้เปิดกล้องเลยเพราะไม่ได้เอาไปอยู่แล้ว รอฝนหยุดตกสายตรวจก็เดินไปดูกล้องพร้อมพี่สะไภ้และคนขับที่ตึกเขา (บ้านหนูไม่ถูกกับเจ้าของตึก) พอไปถึงเขาบอกกล้องเสียนานแล้ว บอกกับคนขับแท็กซี่นานแล้วว่ากล้องเสีย (อะไรตะพอดีขนาดนั้นคะ) ตลอดเวบาที่คุยกับสายตรวจ เขาเอาแต่พูดว่าเขาจะถูกทำร้ายทำท่าทางว่าพี่ชายเอาขวดฟาดหัวเขา แต่ไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่ตัวเองแจ้งความว่าเอากุญแจรถไปเลย แล้วก็พูดว่าผมไม่ได้แจ้งว่าคุณเอากุญแจรถไป ห้ะ! เดี๋ยวนะ คนแถวบ้านหนูได้ยินกันหมด แต่เขากลับคำพูด หนูเลยถามกับสายตรวจว่าหนูแจ้งความกลับได้ไหม เขาบอกว่าได้ แต่ต้องไปแจ้งที่ส.น. พวกหนูจึงไปส.น.กันคะ
คนขับแท็กซี่เดินทางไปก่อนพร้อมลูก และพวกหนูตามไปเพราะต้องเอาหลานไปด้วยสองคนและขับมอไซไป
หนูไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่จะไปถึงเขาพูดกับร้อยเวรยังไง แต่ร้อยเวรเขาก็ถามเหตุการณ์ฝั่งพี่หนูบ้าง พี่ชายหนูก็ถามว่าเขาพูดว่าอะไร ผมจะได้พูดความจริงตอนนั้น ซึ่งคนขับแท็กซี่ก็เอาแต่พูดตลอดเวลาว่าพี่หนูจะทำร้ายเขา พูดให้ตัวเองน่าสงสาร ร้อยเวรก็บอกว่าผมอยากฟังจากคุณผมฟัวเขามาเยอะแล้ว แล้วพี่ชายก็เล่าให้ฟังทุกอย่าง คนขับแท็กซี่ก็เอาแต่พูดว่าจะโดนทำร้ายและไม่ได้แจ้งความว่าเอากุญรถไป ทั้งๆที่พวกหนูได้ยินหมด ร้อยเวรก็ถามว่าจะเอายังไง หนูเลยบอกว่าถ้าเขาจะยอมความเรื่องที่แจ้งว่าพี่ชายจะทำร้ายร่างกายก็ยอมไปคะ แต่หนูยอมไม่ได้เพราะชื่อเสียงร้านแม่หนูเสียหายที่เขามาตะโกนกล่าวหาแบบนั้นและก็แจ้งความเท็จใส่ร้ายพวกหนู คนขับแท็กซี่ก็ยังพูดแต่เรื่องจะโดนทำร้ายร่างกาย พี่ชายก็เถียงกลับเถียงกันไปมา จนพี่ชายโมโหที่เขากลับคำพูดและได้ว่าเขาไปว่าทำไมเป็นผู้ใหญ่ที่
ป.ล.ตอนที่หนูแจ้งความกลับ ร้อยเวรพูดว่าเรื่องค่นี้ยอมกันจบๆกันไปไม่เอา อยากถึงศาลผมก็จัดให้ (ห้ะ! เดี๋ยวนะคนเป็นตำรวจพูดแบบนี้หรอ ไม่เข้าใจหรือไงว่าพวกหนูเสียหายที่เขามากล่าวหา)
จนวันนี้พี่ชายได้รับโทรศัพท์จากพ่อว่าตำรวจที่รับแจ้งเหตุในตอนแรกจะไปเป็นพยานให้ แต่จะขอตรวจฉี่พี่ชายด้วย หืมมมม...มันคืออะไรคะพี่ พวกหนูเสียหายแต่จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแทนคืออะไร?
หนูสามารถทำอะไรได้บ้างคะ
ขอบพระคุณที่อ่านล่วงหน้านะคะ ยาวหน่อย แต่เรื่องจริงทั้วหมดคะ
ป.ล. 1 เรื่องกับคนขับแท็กซี่เราทำอะไรได้บ้างคะ
ป.ล. 2 เรื่องตรวจฉี่ อันนี้เราสามารถไม่ตรวจได้ไหม เพราะเราไปในฐานะผู้เสียหาย ไม่ใช่ถูกจับกุม