หลังจากกลับจากสถานีตำรวจ เพื่อนเราก็พูดว่า "เวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ พอมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เราก็จะจ้องไปที่เรื่องไม่ดี โดยลืมไปว่าจริงๆแล้วยังมีคนดีๆอีกมาก ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเรา โดยที่เราไม่ได้ร้องขอเลยด้วยซ้ำ" เพื่อนเราบอกว่า "บางทีเราเจอเรื่องดีๆมาร้อยครั้งเราถึงจะสังเกตได้ว่า นี่เป็นเรื่องดีๆ เราโชคดี แต่พอเราไปเจอเรื่องแย่ๆแค่ครั้งเดียว เรากลับเอามาคิดวกวน ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุข"
ตอนแรกเราว่าจะไม่โพสเรื่องนี้ แต่ว่าเหตุผลที่ทำให้เรานำเรื่องนี้มาลงพันทิพย์เพราะว่าเพื่อนเราและเราอยากจะขอบคุณ คุณน็อฟกับคุณเอฟ ที่ช่วยเหลือเราเมื่อคืนนี้ค่ะ เพื่อนเราประทับใจกับน้ำใจของคนไทยมาก ด้วยเหตุผลว่า "คนเห็นแก่ตัวที่คอยหากินอยู่กับชาวต่างชาติ มันมีอยู่ทั่วโลกแทบจะทุกประเทศ แต่มีไม่กี่ที่ไม่กี่ประเทศ ที่จะมีคนมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และพร้อมที่จะช่วยอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ โดยไม่หวังชื่อเสียงและผลตอบแทน" ขอบคุณคุณน็อฟกับเอฟที่ช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่หน้าอยู่นะคะ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยเหลือเรา ทั้งเสียเวลาทั้งคืนทั้งๆที่ดึกมากแล้ว ขับรถพาพวกเราไปสถานีตำรวจและคอยอยู่เป็นเพื่อนเราจนถึงเที่ยงคืน และคอยเป็นกำลังใจ พร้อมช่วยหาทางออก และช่วยประสานงานกับพี่ตำรวจให้ด้วย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ส่วนนี้ ที่เราจะเล่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากแท็กซี่ ที่เรียกหน้าสยามพารากอนค่ะ เป็นเรื่องของแท็กซี่ที่ใช้ทะเบียนรถปลอม ที่จ้องจะหากินกับชาวต่างชาติ ทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียง
เกริ่นก่อนนะคะ เรามีเพื่อนชาวต่างชาติคนนึง เค้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย เราก็ชวนเค้ามาพักที่บ้าน ซึ่งบ้านเราอยู่ฝั่งธน
เมื่อวานนี้ วันอาทิตย์ที่ 18 เรากับเพื่อนไปซื้อของกันที่พารากอน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.40 จำได้เพราะว่าห้างกำลังจะปิด
ปรกติแล้วเวลาที่เราไปสยามเราจะนั่งรถไฟฟ้ากลับ เพราะว่าเรียกรถแท็กซี่กลับฝั่งธนยากมาก แต่เมื่อวานเนื่องจากเรากับเพื่อนซื้อของกันเยอะและหนักพอสมควร เราเลยตกลงกันว่านั่งแท็กซี่กลับก็ละกัน เพราะที่หน้าพารากอนมีบริการช่วยเหลือเรียกแท็กซี่ให้เลยทำให้เรียกรถง่ายขึ้นหน่อยนึง พอถึงคิวเราก็บอกพี่พนักงานให้ช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งที่วุฒากาศซอย 3 พี่พนักงานก็ประกาศเรียอยู่นานพอสมควรกว่าจะได้แท็กซี่ มีหลายคันปฎิเสธไม่ไป แถมมีหลายคันที่เจาะจงที่เรียกเพื่อนเราโดยเฉพาะด้วย แน่นอนว่าจะให้เพื่อนเราเหมา ซึ่งเรากับเพื่อนก็ปฎิเสธไป จนกระทั่งพี่พนักงานชี้ไปที่รถแท็กซี่คันนึง แล้วบอกว่า คันนั้นไปวุฒากาศซอย 3
เราสังเกตเห็นรถคันนี้ เราก็ตะหงิดใจ เพราะว่ารถทั้งคันเป็นสีดำ ข้างตัวรถไม่มีข้อมูลรถโดยสารสาธารณะ แต่เป็นสีดำล้วน ด้านบนรถ มีป้ายที่เขียนว่า TAXI เหมือนรถแท็กซี่สมัยก่อน ป้ายทะเบียนรถคันนี้เป็นสีเหลือง แล้วพอเปิดประตูรถเข้าไป เราก็เห็นป้ายคนขับแท็กซี่ที่ติดอยู่บ้านด้านขวามือของรถ ด้านหลังมีป้ายของ Grab Taxiอยู่ เราก็เลยคิดว่า สมัยนี้มีรถแท็กซี่ใหม่ๆแปลกๆอยู่ อาจจะไม่เป็นไร
พอเรานั่งรถ รถก็ออกจากบริเวณหน้าสยามพารากอน มุ่งหน้าไปแยกปทุมวัน แล้วคนขับก็พูดว่า "Wuttakat 3, 120 Baht" (วุฒากาศ 3 ร้อยยี่สิบบาท)
เรา: เราคาเหมาไม่เอาค่ะ ให้กดมิตเตอร์ด้วย
คนขับก็เงียบไป แล้วพูดว่า: รถไม่มีมิตเตอร์
เรา: ถ้าไม่มีมิตเตอร์ไม่ไปค่ะ
คนขับ: งั้นร้อยนึง
เรากับเพื่อนก็ตกลงไป เพราะว่ารถออกจากพารากอนมาแล้วไม่อยากจะลงรถกลับไปต่อแถวเรียกรถใหม่
ขับไปซักพัก คนขับก็ถามเราว่าวุฒากาศ ตรงไหน เราก็บอกว่า ซอยสาม แถวตลาดพลู คนขับรถใช้ถนน ตรงเส้นสีลม ข้ามสะพานสาทร แล้วขึ้นถนนตัดใหม่ที่เลียบกับรถบีทีเอส ตอนนั้นเป็นเวลา สี่ทุ่มกว่า รถมีติดไฟแดงบ้าง แต่ติดขัดเลย ขับได้เรื่อยๆ ในขณะที่นั่งรถ คนขับไม่มีท่าทางไม่พอใจอะไร ส่วนเรากับเพื่อนก็คุยกัน (สปอยเป็นส่วนที่เรากับเพื่อนคุยกันนะคะ เพราะว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่คุยมีใจความพาดพึงถึงแท็กซี่ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนขับแท็กซี่คันนี้โมโห)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อนเราก็ถามว่า ทำไมถึงเรียกรถยากจัง เราก็บอกว่าแท็กซี่กทม. ไม่ค่อยอยากไปฝั่งธน บางทีเรียกเป็นสิบคันก็ไม่ไป ขนาดแม่เราแก่แล้ว เรียกรถตอนฝนตกเรียกเป็นสิบคันก็ไม่ไป เพราะเค้าอ้างว่า่ ไปแล้วไม่ค่อยได้ลูกค้ากลับ และมีแท็กซี่บางคันปักหลักหากินกับชาวต่างชาติเลยเรียกยาก เราก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าขนาดอธิบดีขนส่งปลอมตัวมาเรียกแท็กซี่ ยังโดนปฎิเสธไปตั่ง 20 กว่าคัน หลังจากนั้นก็คุยเรื่องสัพเพเหระ ว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรต่อ
พอมาถึงจุดเกิดเหตุ คือช่วงตลาดพลู คนขับก็ถามเราว่าวุฒากาศช่วงไหน เราก็บอกว่า "แยกข้างหน้าเลี้ยวซ้าย" พอแค่นั้นแหละ คนขับรถก็ธาตุไฟเข้าแทรก ออกอาการโมโหอย่างมาก แล้วตะคอกใส่เราว่า "พวกมึxแม่xเอาเปรียบ ให้แค่ร้อยเดียวจะให้ไปส่งถึงไหน นี่ก็ตลาดพลูแล้ว"
เรา: เรียกให้ไปส่งวุฒากาศซอย 3 ค่ะ นี่มันแค่ตลาดพลู
แท็กซี่: mung บอกเรียกให้มาตลาดพลู ให้แค่ร้อยเดียว จะเอา ha อะไร พวกmang เอาเปรียบ อยู่บนรถก็พูดแต่ภาษาอังกฤษ ไม่พูดภาษาไทย (เราคุยกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ)
เราก็สะกิดให้เพื่อนลงจากรถคนขับก็รีบลงจากรถมาดักที่ประตูทางด้านซ้ายด้านผู้โดยสาร เพื่อนเราออกจากรถ ส่วนเราก็ลงจากรถทางด้านขวา แต่เปิดประตูไม่ได้ พอคนขับเห็นก็ตะคอกใส่เราว่า ตรงนั้นออกไม่ได้ ให้มาลงทางด้านซ้าย แต่เพราะเค้าขวางประตูอยู่เราเลยบอกให้เพื่อนเรา ช่วยมายืนกันระหว่างเรากับคนขับ แล้วพอเราลงจากรถ เราก็บอกให้เพื่อนเราเดินออกมาห่างๆคนขับรถ
แล้วคนขับก็กระชากคอเสื้อเพื่อนเราแล้วตะโกนด่าว่า "ทำไมmungไม่จ่ายค่าโดยสาร mungจะโกงku หรอ" พอเพือนเราโดนกระชากคอเสื้อ เพื่อนเราก็ร้องตะโกนดังมาก ร้อยเรียกตำรวจเรียนให้คนออกมามุงกันเยอะๆ จะได้ปลอดภัย คนเลยออกมามุงกันใหญ่เพราะแถวนั้นมีร้านอาหารแล้วก็มีร้านเกมส์ คนขับก็ไม่ยอมปล่อยเพื่อนเรา แล้วก็ตะโกนบอกคนที่มามุงว่า พวกเราจะโกงค่าโดยสาร ไม่ยอมจ่ายค่าโดยสาร แต่เราก็ปฎิเสธว่า เราไม่ได้จะโกง แต่คนขับรถไล่ผู้โดยสารลงจากรถโดยไม่ถึงที่หมาย แล้วตะคอกใส่ผู้โดยสาร
แต่ก็มีพี่ๆที่มามุงดูเหตุการณ์ บอกพวกเราว่า ให้ยอมจ่ายๆเงินไปเถอะจะได้จบเรื่อง พร้อมกับยอมควักเงินจากกระเป๋าตัวเองจ่ายให้แท็กซี่ไป เราก็ไม่ยอมเพราะว่าตอนนั้นเพื่อนเราได้รับบาดเจ็บเป็นรอยขีดข่วน เราก็จะเรียกตำรวจมาเคลีย เราก็บอกพี่ที่จะช่วยออกค่าโดยสารแทนพวกเราว่า มันไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว ในขณะนั้นคนขับก็ตะโกนเสียงดังว่าพวกเราจะโกงค่าโดยสาร แล้วในขณะชุนละมุนอยู่ก็มีพี่ผู้ชายเสื้อขาวคนนึง ช่วยออกค่าโดยสารแทนให้ แท็กซี่ก็รีบคว้าเงินแล้วขับรถออกไปทันที
เรากับเพื่อนก็เลยตกลงกันว่าจะไปแจ้งความดำเนินคดี ในขณะที่กำลังงงๆอยู่ก็มีพี่ๆเพื่อนๆหลายคนมาคอยสอบถามว่าพวกเราปลอดภัยมั๊ย โอเครึเปล่า พร้อมให้คำปรึกษา และพร้อมจะไปเป็นพยานยืนยันเหตุการณ์ให้พวกเราค่ะ
ตอนนั้นเรากับเพื่อนกำลังคุยอยู่ว่าจะไปสถานีตำรวจยังไง ก็มีพลเมืองดีที่นั่งทานอาหารอยู่แถวนั้น ชื่อคุณน็อฟ กับคุณเอฟ เข้ามาสอบถาม พร้อมเสนอตัวพาเราไปส่งที่บ้าน เราเลยขอให้ช่วยพาไปส่งสถานีตำรวจ พร้อมจะช่วยเป็นพยานยืนยันกับตำรวจให้พวกเราด้วย
พอไปถึงสถานีตำรวจ พวกเราก็เข้าแจ้งความเพื่อให้ออกตามหารถแท็กซี่คันนี้ พร้อมกับจะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกาย(มีรอยขีดข่วน) และทำให้เสียทรัพยสิน (เสื้อยืดคอย้วยเนื่องจากถูกกระชาก) หมิ่นประมาท โฆษณาประกาศด้วยข้อความเท็จ ทำให้เราได้รับความอับอาย ถูกเข้าใจผิด และเสียชื่อเสียง (ตะโกนว่าพวกเราโกงค่าโดยสาร)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรานำเลขทะเบียนรถที่ถ่ายจากมือถือ ณ.จุดเกิดเหตุ ไปให้ตำรวจตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบปรากฎว่า เลขทะเบียนรถและสีรถไม่ตรงกับข้อมูลดังกล่าว และทะเบียนรถคันดังกล่าว ได้ถูกอายัด พร้อมทั้งตัวรถก็ถูกระงับใช้งาน ชื่อเจ้าของรถไม่ตรงกับข้อมูล ผู้ขับแท็กซี่ พี่ตำรวจสันนิธานว่าเป็นรถที่ใช้เลขทะเบียนปลอม ถ้าจะออกหมายเรียกให้เจ้าของรถมาที่สถานีตำรวจ เจ้าของรถก็คงจะทำการปฎิเสธและแจ้งความกลับเรื่องรถตนเองถูกปลอมแปลง เพราะตัวรถที่เกิดเหตุกับรถในเลขทะเบียนไม่ตรงกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเราถามว่า แล้วแบบนี้จะแจ้งความดำเนิการเรื่องโดนทำร้ายร่างกาย พี่ตำรวจก็ชี้แจงว่า เราต้องไปโรงพยาบาลและทำการตรวจร่างกายเอง โดยที่เราต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วจากลักษณะบาดแผล เป็นแผลเล็กน้อยพักไม่เกิดเจ็ดวัน เราจะแจ้งความดำเนินคดีได้แค่คดีลหุโทษ ซึ่งจะโดนเปรียบเทียบเสียค่าปรับไป แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการนานสามถึงหกเดือน ส่วนเรื่องคดีทำให้ทรับสินเสียหาย กับหมิ่นประมาท พี่ตำรวจลงความเห็นว่า น้ำหนักไม่มากพอ เนื่องจากเราต้องการที่จะลงบรรทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และไม่เห็นว่าการไปตรวจร่างการที่โรงพยาบาลคงจะได้แต่ความสะใจ เลยต้องยอมรับเป็นลายเซ็นต์ว่าไม่เอาความ
เราเลยทำอะไรไม่ได้ และไม่ได้แจ้งดำเนินคดีเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย เพราะถ้าจะแจ้งความ พี่ตำรวจจะให้เราไปโรงพยาบาลเพื่อรับใบรับรองจากแพทย์ และเราก็ไม่สามารถแจ้งความเรื่องอื่นได้เพราะ พี่ตำรวจให้ความเห็นว่ารถถูกปลอมทะเบียนมาเหมือนกัน โดยพี่ตำรวจบอกว่าจะให้ตำรวจทางหลวงช่วยจับตาดูรถคันนี้ให้
เราเลยอยากแจ้งเตือนเพื่อนๆ ถ้าพบเห็นรถแท็กซี่สีดำล้วนคันนี้ เป็นรถโตโยต้าสีดำล้วน ไม่มีตัวอักษรข้อความข้างตัวรถ เลขทะเบียน ทก9406 อย่าไปขึ้นนะคะ แต่เค้าคงจะไม่รับคนไทยเหมือนกัน เพราะเค้าเป็นแท็กซี่ผิดกฎหมาย ไม่มีมิตเตอร์ และเป็นรถผิดกฎหมาย คงจะไม่มีประกัน ไม่มีใบอนุญาติให้ขับรถสาธารณะ ไม่ได้ขออนุญาติขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะกับกรมขนส่ง และคนขับรถมีลักษณะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร ทั้งเรื่องการตะคอกใส่ผู้โดยสาร เข้ามาทำร้ายผู้โดยสารในพื้นที่รโหฐาน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
พร้อมวันนี้เรากับเพื่อนจะนำใบบันทึกประจำวันไปที่พารากอน เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้แท็กซี่เลขทะเบียนนี้เข้ามารับผู้โดยสารที่พารากอน
ส่วนเราคงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้กฎหมายข้อไหนเล่นงานแท็กซี่คันนี้ได้ เพราะเรื่องปลอมทะเบียนและตัวรถ เราไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และเราก็ไม่ใช่คนจ่ายค่าโดยสาร ไม่ได้เสียทรัพย์โดยตรง (มีคนอื่นจ่ายให้กับแท็กซี่ แต่สุดท้ายเราก็ต้องจ่ายค่าโดยสารคืนให้พี่คนนี้อยู่ดีค่ะ) ส่วนคดีทำร้ายร่างกาย เพื่อนเราก็เซ็นต์ชื่อในบันทึกประจำวันไปแล้วว่าจะไม่เอาเรื่อง
แท็กซี่ปลอม ปลอมทุกอย่างตั่งแต่ป้ายทะเบียน สีรถและคนขับ
ตอนแรกเราว่าจะไม่โพสเรื่องนี้ แต่ว่าเหตุผลที่ทำให้เรานำเรื่องนี้มาลงพันทิพย์เพราะว่าเพื่อนเราและเราอยากจะขอบคุณ คุณน็อฟกับคุณเอฟ ที่ช่วยเหลือเราเมื่อคืนนี้ค่ะ เพื่อนเราประทับใจกับน้ำใจของคนไทยมาก ด้วยเหตุผลว่า "คนเห็นแก่ตัวที่คอยหากินอยู่กับชาวต่างชาติ มันมีอยู่ทั่วโลกแทบจะทุกประเทศ แต่มีไม่กี่ที่ไม่กี่ประเทศ ที่จะมีคนมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และพร้อมที่จะช่วยอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ โดยไม่หวังชื่อเสียงและผลตอบแทน" ขอบคุณคุณน็อฟกับเอฟที่ช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่หน้าอยู่นะคะ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนนี้ ที่เราจะเล่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากแท็กซี่ ที่เรียกหน้าสยามพารากอนค่ะ เป็นเรื่องของแท็กซี่ที่ใช้ทะเบียนรถปลอม ที่จ้องจะหากินกับชาวต่างชาติ ทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียง
เกริ่นก่อนนะคะ เรามีเพื่อนชาวต่างชาติคนนึง เค้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย เราก็ชวนเค้ามาพักที่บ้าน ซึ่งบ้านเราอยู่ฝั่งธน
เมื่อวานนี้ วันอาทิตย์ที่ 18 เรากับเพื่อนไปซื้อของกันที่พารากอน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.40 จำได้เพราะว่าห้างกำลังจะปิด
ปรกติแล้วเวลาที่เราไปสยามเราจะนั่งรถไฟฟ้ากลับ เพราะว่าเรียกรถแท็กซี่กลับฝั่งธนยากมาก แต่เมื่อวานเนื่องจากเรากับเพื่อนซื้อของกันเยอะและหนักพอสมควร เราเลยตกลงกันว่านั่งแท็กซี่กลับก็ละกัน เพราะที่หน้าพารากอนมีบริการช่วยเหลือเรียกแท็กซี่ให้เลยทำให้เรียกรถง่ายขึ้นหน่อยนึง พอถึงคิวเราก็บอกพี่พนักงานให้ช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งที่วุฒากาศซอย 3 พี่พนักงานก็ประกาศเรียอยู่นานพอสมควรกว่าจะได้แท็กซี่ มีหลายคันปฎิเสธไม่ไป แถมมีหลายคันที่เจาะจงที่เรียกเพื่อนเราโดยเฉพาะด้วย แน่นอนว่าจะให้เพื่อนเราเหมา ซึ่งเรากับเพื่อนก็ปฎิเสธไป จนกระทั่งพี่พนักงานชี้ไปที่รถแท็กซี่คันนึง แล้วบอกว่า คันนั้นไปวุฒากาศซอย 3
เราสังเกตเห็นรถคันนี้ เราก็ตะหงิดใจ เพราะว่ารถทั้งคันเป็นสีดำ ข้างตัวรถไม่มีข้อมูลรถโดยสารสาธารณะ แต่เป็นสีดำล้วน ด้านบนรถ มีป้ายที่เขียนว่า TAXI เหมือนรถแท็กซี่สมัยก่อน ป้ายทะเบียนรถคันนี้เป็นสีเหลือง แล้วพอเปิดประตูรถเข้าไป เราก็เห็นป้ายคนขับแท็กซี่ที่ติดอยู่บ้านด้านขวามือของรถ ด้านหลังมีป้ายของ Grab Taxiอยู่ เราก็เลยคิดว่า สมัยนี้มีรถแท็กซี่ใหม่ๆแปลกๆอยู่ อาจจะไม่เป็นไร
พอเรานั่งรถ รถก็ออกจากบริเวณหน้าสยามพารากอน มุ่งหน้าไปแยกปทุมวัน แล้วคนขับก็พูดว่า "Wuttakat 3, 120 Baht" (วุฒากาศ 3 ร้อยยี่สิบบาท)
เรา: เราคาเหมาไม่เอาค่ะ ให้กดมิตเตอร์ด้วย
คนขับก็เงียบไป แล้วพูดว่า: รถไม่มีมิตเตอร์
เรา: ถ้าไม่มีมิตเตอร์ไม่ไปค่ะ
คนขับ: งั้นร้อยนึง
เรากับเพื่อนก็ตกลงไป เพราะว่ารถออกจากพารากอนมาแล้วไม่อยากจะลงรถกลับไปต่อแถวเรียกรถใหม่
ขับไปซักพัก คนขับก็ถามเราว่าวุฒากาศ ตรงไหน เราก็บอกว่า ซอยสาม แถวตลาดพลู คนขับรถใช้ถนน ตรงเส้นสีลม ข้ามสะพานสาทร แล้วขึ้นถนนตัดใหม่ที่เลียบกับรถบีทีเอส ตอนนั้นเป็นเวลา สี่ทุ่มกว่า รถมีติดไฟแดงบ้าง แต่ติดขัดเลย ขับได้เรื่อยๆ ในขณะที่นั่งรถ คนขับไม่มีท่าทางไม่พอใจอะไร ส่วนเรากับเพื่อนก็คุยกัน (สปอยเป็นส่วนที่เรากับเพื่อนคุยกันนะคะ เพราะว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่คุยมีใจความพาดพึงถึงแท็กซี่ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนขับแท็กซี่คันนี้โมโห)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอมาถึงจุดเกิดเหตุ คือช่วงตลาดพลู คนขับก็ถามเราว่าวุฒากาศช่วงไหน เราก็บอกว่า "แยกข้างหน้าเลี้ยวซ้าย" พอแค่นั้นแหละ คนขับรถก็ธาตุไฟเข้าแทรก ออกอาการโมโหอย่างมาก แล้วตะคอกใส่เราว่า "พวกมึxแม่xเอาเปรียบ ให้แค่ร้อยเดียวจะให้ไปส่งถึงไหน นี่ก็ตลาดพลูแล้ว"
เรา: เรียกให้ไปส่งวุฒากาศซอย 3 ค่ะ นี่มันแค่ตลาดพลู
แท็กซี่: mung บอกเรียกให้มาตลาดพลู ให้แค่ร้อยเดียว จะเอา ha อะไร พวกmang เอาเปรียบ อยู่บนรถก็พูดแต่ภาษาอังกฤษ ไม่พูดภาษาไทย (เราคุยกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ)
เราก็สะกิดให้เพื่อนลงจากรถคนขับก็รีบลงจากรถมาดักที่ประตูทางด้านซ้ายด้านผู้โดยสาร เพื่อนเราออกจากรถ ส่วนเราก็ลงจากรถทางด้านขวา แต่เปิดประตูไม่ได้ พอคนขับเห็นก็ตะคอกใส่เราว่า ตรงนั้นออกไม่ได้ ให้มาลงทางด้านซ้าย แต่เพราะเค้าขวางประตูอยู่เราเลยบอกให้เพื่อนเรา ช่วยมายืนกันระหว่างเรากับคนขับ แล้วพอเราลงจากรถ เราก็บอกให้เพื่อนเราเดินออกมาห่างๆคนขับรถ
แล้วคนขับก็กระชากคอเสื้อเพื่อนเราแล้วตะโกนด่าว่า "ทำไมmungไม่จ่ายค่าโดยสาร mungจะโกงku หรอ" พอเพือนเราโดนกระชากคอเสื้อ เพื่อนเราก็ร้องตะโกนดังมาก ร้อยเรียกตำรวจเรียนให้คนออกมามุงกันเยอะๆ จะได้ปลอดภัย คนเลยออกมามุงกันใหญ่เพราะแถวนั้นมีร้านอาหารแล้วก็มีร้านเกมส์ คนขับก็ไม่ยอมปล่อยเพื่อนเรา แล้วก็ตะโกนบอกคนที่มามุงว่า พวกเราจะโกงค่าโดยสาร ไม่ยอมจ่ายค่าโดยสาร แต่เราก็ปฎิเสธว่า เราไม่ได้จะโกง แต่คนขับรถไล่ผู้โดยสารลงจากรถโดยไม่ถึงที่หมาย แล้วตะคอกใส่ผู้โดยสาร
แต่ก็มีพี่ๆที่มามุงดูเหตุการณ์ บอกพวกเราว่า ให้ยอมจ่ายๆเงินไปเถอะจะได้จบเรื่อง พร้อมกับยอมควักเงินจากกระเป๋าตัวเองจ่ายให้แท็กซี่ไป เราก็ไม่ยอมเพราะว่าตอนนั้นเพื่อนเราได้รับบาดเจ็บเป็นรอยขีดข่วน เราก็จะเรียกตำรวจมาเคลีย เราก็บอกพี่ที่จะช่วยออกค่าโดยสารแทนพวกเราว่า มันไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว ในขณะนั้นคนขับก็ตะโกนเสียงดังว่าพวกเราจะโกงค่าโดยสาร แล้วในขณะชุนละมุนอยู่ก็มีพี่ผู้ชายเสื้อขาวคนนึง ช่วยออกค่าโดยสารแทนให้ แท็กซี่ก็รีบคว้าเงินแล้วขับรถออกไปทันที
เรากับเพื่อนก็เลยตกลงกันว่าจะไปแจ้งความดำเนินคดี ในขณะที่กำลังงงๆอยู่ก็มีพี่ๆเพื่อนๆหลายคนมาคอยสอบถามว่าพวกเราปลอดภัยมั๊ย โอเครึเปล่า พร้อมให้คำปรึกษา และพร้อมจะไปเป็นพยานยืนยันเหตุการณ์ให้พวกเราค่ะ
ตอนนั้นเรากับเพื่อนกำลังคุยอยู่ว่าจะไปสถานีตำรวจยังไง ก็มีพลเมืองดีที่นั่งทานอาหารอยู่แถวนั้น ชื่อคุณน็อฟ กับคุณเอฟ เข้ามาสอบถาม พร้อมเสนอตัวพาเราไปส่งที่บ้าน เราเลยขอให้ช่วยพาไปส่งสถานีตำรวจ พร้อมจะช่วยเป็นพยานยืนยันกับตำรวจให้พวกเราด้วย
พอไปถึงสถานีตำรวจ พวกเราก็เข้าแจ้งความเพื่อให้ออกตามหารถแท็กซี่คันนี้ พร้อมกับจะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกาย(มีรอยขีดข่วน) และทำให้เสียทรัพยสิน (เสื้อยืดคอย้วยเนื่องจากถูกกระชาก) หมิ่นประมาท โฆษณาประกาศด้วยข้อความเท็จ ทำให้เราได้รับความอับอาย ถูกเข้าใจผิด และเสียชื่อเสียง (ตะโกนว่าพวกเราโกงค่าโดยสาร)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรานำเลขทะเบียนรถที่ถ่ายจากมือถือ ณ.จุดเกิดเหตุ ไปให้ตำรวจตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบปรากฎว่า เลขทะเบียนรถและสีรถไม่ตรงกับข้อมูลดังกล่าว และทะเบียนรถคันดังกล่าว ได้ถูกอายัด พร้อมทั้งตัวรถก็ถูกระงับใช้งาน ชื่อเจ้าของรถไม่ตรงกับข้อมูล ผู้ขับแท็กซี่ พี่ตำรวจสันนิธานว่าเป็นรถที่ใช้เลขทะเบียนปลอม ถ้าจะออกหมายเรียกให้เจ้าของรถมาที่สถานีตำรวจ เจ้าของรถก็คงจะทำการปฎิเสธและแจ้งความกลับเรื่องรถตนเองถูกปลอมแปลง เพราะตัวรถที่เกิดเหตุกับรถในเลขทะเบียนไม่ตรงกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเราถามว่า แล้วแบบนี้จะแจ้งความดำเนิการเรื่องโดนทำร้ายร่างกาย พี่ตำรวจก็ชี้แจงว่า เราต้องไปโรงพยาบาลและทำการตรวจร่างกายเอง โดยที่เราต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วจากลักษณะบาดแผล เป็นแผลเล็กน้อยพักไม่เกิดเจ็ดวัน เราจะแจ้งความดำเนินคดีได้แค่คดีลหุโทษ ซึ่งจะโดนเปรียบเทียบเสียค่าปรับไป แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการนานสามถึงหกเดือน ส่วนเรื่องคดีทำให้ทรับสินเสียหาย กับหมิ่นประมาท พี่ตำรวจลงความเห็นว่า น้ำหนักไม่มากพอ เนื่องจากเราต้องการที่จะลงบรรทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และไม่เห็นว่าการไปตรวจร่างการที่โรงพยาบาลคงจะได้แต่ความสะใจ เลยต้องยอมรับเป็นลายเซ็นต์ว่าไม่เอาความ
เราเลยทำอะไรไม่ได้ และไม่ได้แจ้งดำเนินคดีเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย เพราะถ้าจะแจ้งความ พี่ตำรวจจะให้เราไปโรงพยาบาลเพื่อรับใบรับรองจากแพทย์ และเราก็ไม่สามารถแจ้งความเรื่องอื่นได้เพราะ พี่ตำรวจให้ความเห็นว่ารถถูกปลอมทะเบียนมาเหมือนกัน โดยพี่ตำรวจบอกว่าจะให้ตำรวจทางหลวงช่วยจับตาดูรถคันนี้ให้
เราเลยอยากแจ้งเตือนเพื่อนๆ ถ้าพบเห็นรถแท็กซี่สีดำล้วนคันนี้ เป็นรถโตโยต้าสีดำล้วน ไม่มีตัวอักษรข้อความข้างตัวรถ เลขทะเบียน ทก9406 อย่าไปขึ้นนะคะ แต่เค้าคงจะไม่รับคนไทยเหมือนกัน เพราะเค้าเป็นแท็กซี่ผิดกฎหมาย ไม่มีมิตเตอร์ และเป็นรถผิดกฎหมาย คงจะไม่มีประกัน ไม่มีใบอนุญาติให้ขับรถสาธารณะ ไม่ได้ขออนุญาติขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะกับกรมขนส่ง และคนขับรถมีลักษณะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร ทั้งเรื่องการตะคอกใส่ผู้โดยสาร เข้ามาทำร้ายผู้โดยสารในพื้นที่รโหฐาน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
พร้อมวันนี้เรากับเพื่อนจะนำใบบันทึกประจำวันไปที่พารากอน เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้แท็กซี่เลขทะเบียนนี้เข้ามารับผู้โดยสารที่พารากอน
ส่วนเราคงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้กฎหมายข้อไหนเล่นงานแท็กซี่คันนี้ได้ เพราะเรื่องปลอมทะเบียนและตัวรถ เราไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และเราก็ไม่ใช่คนจ่ายค่าโดยสาร ไม่ได้เสียทรัพย์โดยตรง (มีคนอื่นจ่ายให้กับแท็กซี่ แต่สุดท้ายเราก็ต้องจ่ายค่าโดยสารคืนให้พี่คนนี้อยู่ดีค่ะ) ส่วนคดีทำร้ายร่างกาย เพื่อนเราก็เซ็นต์ชื่อในบันทึกประจำวันไปแล้วว่าจะไม่เอาเรื่อง