คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 36
สิทธิ์มันมีความหมายถึงอำนาจอันชอบธรรม เหมือนที่คุณอำ หรือ คุณไอเดน
ยกมาให้ดูนั่นแหละครับ
แล้วอีกหลายท่านที่ยกมา ที่นำมาใช้ร่วมกับคำอื่นๆ เช่นสิทธิตามธรรมชาติ
สิทธิในตัวบุคคล หรือ สิทธิในทางกฎหมาย มันก็มีความหมายไปในทางเดียวกัน
มันไม่ได้ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปแบบกลับตาลปัตร ไปเป็นว่ามีพฤติกรรมในทางลบ
หรือ ทำอะไรก็ได้แบบไม่มีเงื่อนไขครับ ผมคิดว่าคุณอำเข้าใจถูกแล้ว ในชีวิตประจำวัน
ถ้ามีคนเอาคำว่าสิทธิ์ไปใช้แบบผิดๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับคำศัพท์ตัวอื่นๆ
ยกมาให้ดูนั่นแหละครับ
แล้วอีกหลายท่านที่ยกมา ที่นำมาใช้ร่วมกับคำอื่นๆ เช่นสิทธิตามธรรมชาติ
สิทธิในตัวบุคคล หรือ สิทธิในทางกฎหมาย มันก็มีความหมายไปในทางเดียวกัน
มันไม่ได้ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปแบบกลับตาลปัตร ไปเป็นว่ามีพฤติกรรมในทางลบ
หรือ ทำอะไรก็ได้แบบไม่มีเงื่อนไขครับ ผมคิดว่าคุณอำเข้าใจถูกแล้ว ในชีวิตประจำวัน
ถ้ามีคนเอาคำว่าสิทธิ์ไปใช้แบบผิดๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับคำศัพท์ตัวอื่นๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 48
สรุปว่า บักแถมันไม่สามารถหา หลักฐาน, แหล่งอ้างอิง
ของความคิดสิทธิในการหนีคดีของมันได้ ...
ที่ทำได้จริง ๆ ก้คือพยายามแถ ว่าที่มันเขียนไปไม่ได้
หมายถึงอย่างนั้น ...
ทั้ง ๆ ที่หลักฐานก้เห็นอยู่โทนโท่คาตา ....
ในเมื่อมันสื่อสารกับคนอื่นทางตัวหนังสือ
เขาก้ต้องว่าไปตามตัวหนังสือที่มันสื่อออกมา ...
แต่กลายเป็นว่า พอสิ่งที่มันสื่อ ออกมาโดนต้อนจนมุม
มันก้จะบอกว่า คนอื่นไม่เข้าใจสิ่งที่มันต้องการสื่อ ....
ก้ต้องถามมันกลับไปว่า มันสื่อสารกับคนอื่นด้วยโทรจิตหรือไง ?
เขาถึงจะล่วงรู้ได้ว่าตกลงแล้วมันคิดยังไงกันแน่
แต่จากสภาพการณ์ ที่มันพูดเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา
พยายามแก้ตัว เบี่ยงเบนสิ่งที่มันได้สื่อออกมาแล้ว
ไปเป็นอย่างอื่นด้วยวิธีการพร่ามพรรณนาเพ้อเจ้อ
ทำให้สรุปได้ว่า มันก้แค่ต้องการแถให้พ้นการหน้าแหลก
แค่นั้นเอง .
ของความคิดสิทธิในการหนีคดีของมันได้ ...
ที่ทำได้จริง ๆ ก้คือพยายามแถ ว่าที่มันเขียนไปไม่ได้
หมายถึงอย่างนั้น ...
ทั้ง ๆ ที่หลักฐานก้เห็นอยู่โทนโท่คาตา ....
ในเมื่อมันสื่อสารกับคนอื่นทางตัวหนังสือ
เขาก้ต้องว่าไปตามตัวหนังสือที่มันสื่อออกมา ...
แต่กลายเป็นว่า พอสิ่งที่มันสื่อ ออกมาโดนต้อนจนมุม
มันก้จะบอกว่า คนอื่นไม่เข้าใจสิ่งที่มันต้องการสื่อ ....
ก้ต้องถามมันกลับไปว่า มันสื่อสารกับคนอื่นด้วยโทรจิตหรือไง ?
เขาถึงจะล่วงรู้ได้ว่าตกลงแล้วมันคิดยังไงกันแน่
แต่จากสภาพการณ์ ที่มันพูดเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา
พยายามแก้ตัว เบี่ยงเบนสิ่งที่มันได้สื่อออกมาแล้ว
ไปเป็นอย่างอื่นด้วยวิธีการพร่ามพรรณนาเพ้อเจ้อ
ทำให้สรุปได้ว่า มันก้แค่ต้องการแถให้พ้นการหน้าแหลก
แค่นั้นเอง .
ความคิดเห็นที่ 23
สิทธิที่จะเลือก. กับสิทธิจะทำอะไรก็ได้
จะเลือกอะไรไม่มีใครว่า. แต่อย่าแถว่ามีสิทธิทำอะไรก็ได้
ตามนี้ครับคุณอำ
จะเลือกอะไรไม่มีใครว่า. แต่อย่าแถว่ามีสิทธิทำอะไรก็ได้
ตามนี้ครับคุณอำ
ความคิดเห็นที่ 57
สิทธิที่จะหนีคดี มันมีที่ไหนกัน
เหมือนสิทธิที่จะด่าใครก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ฟ้องร้องเอาเสะ งี้ แบบนี้อ่ะ อย่าพูดเรื่องสิทธิเลย เละเทะ
ผู้กระทำความผิด ไม่มีสิทธิหลบหนี
ผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย ไม่มีสิทธิหลบหนีทั้งสิ้น
แต่ต้องรายงานตัวเพื่อตัดสินคดีความ ตามกระบวนการยุติธรรม **ควรจำตรงนี้ไว้ก่อน**
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยค่อยตามมา คือ หากเป็นคดีเกี่ยวกับการเมือง หรือการถูกคุกคามในชีวิตและทรัพย์สินให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติสุข ตามสิทธิอันพึงมีของประชาชนทั่วไป *ย่อมมีสิทธิ* หลีกเลี่ยงความไม่ปรกตินั้น โดยไม่ขึ้นกับกฏหมายหรือการปกครองในท้องถิ่นนั้นๆ
นี่คือ สิทธิมนุษยชน ตามสัญญาประชาคม ที่แต่ละประเทศให้สัตย์ปฏิญาณ
สิทธิตามธรรมชาติ ที่ จขกท ยกมา เป็นเพียงกรอบของคำว่า*ตามธรรมชาติ* ไม่ใช่เป็นตัวกำหนดสิทธิ
ตัวที่กำหนดสิทธิคือ human right หาอ่านได้จาก google
ตรงนั้นเขาจะครอบคลุมกว้างๆว่า สิทธิ จากธรรมชาติ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากตนเอง คือปัจเจกนั่นแหละ
มนุษย์ มีสิทธิคิด ทำ เรียกร้องในความต้องการพื้นฐาน การใช้ชีวิตอย่างสงบสุข (peace) ดังนั้นการคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ จึงผิดหลักของ human right
ถามว่าหากผิดหลักกฏหมาย อาจจะไม่ผิดหลักมนุษยชนก็ได้ ถูกไหม เพราะมันปัจเจกมาก จนกฏหมายไม่สามารถกำหนดให้ครอบคลุมได้
พื้นฐานเลย มนุษย์ มีเสรีภาพในทุกๆอย่างหระทั่งการยึดที่ทำกินเป็นของตัวเอง
ต่อมาเสรีภาพนั้นได้ก้าวก่ายหรือละเมิกเสรีภาพกันและกัน จึงมีกฎระเบียบ กฎหมายขึ้นมากำหนดกรอบของเสรีภาพ เรียกว่า สิทธิ
ฉนั้น ทุกคนภายใต้กฎหมายจึงเกิดสิทธิขึ้น โดยไม่ก้าวก่ายเสรีภาพกันและกัน
แต่ก็มีเพียงคดีการเมือง หรือการคุกคามจากภาครัฐ(เช่นเกาหลีเหนือ) การถูกกดขี่ข่มเหงจากภาครัฐ เท่านั้นที่สามารถละข้อกฏหมาย แล้วยึดเอาสิทธิมนุษยชนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บุคคลไม่สามารถใช้สิทธิได้ภายในประเทศตนเอง เพราะการคุกคามเกิดจากกฎหมายและภาครัฐ จึงจำต้องไปใช้สิทธิที่ประเทศอื่น ซึ่งให้สัตยาบัน เอาไว้แก่ UN ซึ่งเป็นผู้กำหนด Human right ขึ้นมา
เพราะหากหลบไปประเทศที่ไม่มีการลงสัตยาบัน ก็อาจจะไม่ได้รับการปกป้อง ก็เท่านั้นเอง จบ
เหมือนสิทธิที่จะด่าใครก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ฟ้องร้องเอาเสะ งี้ แบบนี้อ่ะ อย่าพูดเรื่องสิทธิเลย เละเทะ
ผู้กระทำความผิด ไม่มีสิทธิหลบหนี
ผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย ไม่มีสิทธิหลบหนีทั้งสิ้น
แต่ต้องรายงานตัวเพื่อตัดสินคดีความ ตามกระบวนการยุติธรรม **ควรจำตรงนี้ไว้ก่อน**
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยค่อยตามมา คือ หากเป็นคดีเกี่ยวกับการเมือง หรือการถูกคุกคามในชีวิตและทรัพย์สินให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติสุข ตามสิทธิอันพึงมีของประชาชนทั่วไป *ย่อมมีสิทธิ* หลีกเลี่ยงความไม่ปรกตินั้น โดยไม่ขึ้นกับกฏหมายหรือการปกครองในท้องถิ่นนั้นๆ
นี่คือ สิทธิมนุษยชน ตามสัญญาประชาคม ที่แต่ละประเทศให้สัตย์ปฏิญาณ
สิทธิตามธรรมชาติ ที่ จขกท ยกมา เป็นเพียงกรอบของคำว่า*ตามธรรมชาติ* ไม่ใช่เป็นตัวกำหนดสิทธิ
ตัวที่กำหนดสิทธิคือ human right หาอ่านได้จาก google
ตรงนั้นเขาจะครอบคลุมกว้างๆว่า สิทธิ จากธรรมชาติ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากตนเอง คือปัจเจกนั่นแหละ
มนุษย์ มีสิทธิคิด ทำ เรียกร้องในความต้องการพื้นฐาน การใช้ชีวิตอย่างสงบสุข (peace) ดังนั้นการคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ จึงผิดหลักของ human right
ถามว่าหากผิดหลักกฏหมาย อาจจะไม่ผิดหลักมนุษยชนก็ได้ ถูกไหม เพราะมันปัจเจกมาก จนกฏหมายไม่สามารถกำหนดให้ครอบคลุมได้
พื้นฐานเลย มนุษย์ มีเสรีภาพในทุกๆอย่างหระทั่งการยึดที่ทำกินเป็นของตัวเอง
ต่อมาเสรีภาพนั้นได้ก้าวก่ายหรือละเมิกเสรีภาพกันและกัน จึงมีกฎระเบียบ กฎหมายขึ้นมากำหนดกรอบของเสรีภาพ เรียกว่า สิทธิ
ฉนั้น ทุกคนภายใต้กฎหมายจึงเกิดสิทธิขึ้น โดยไม่ก้าวก่ายเสรีภาพกันและกัน
แต่ก็มีเพียงคดีการเมือง หรือการคุกคามจากภาครัฐ(เช่นเกาหลีเหนือ) การถูกกดขี่ข่มเหงจากภาครัฐ เท่านั้นที่สามารถละข้อกฏหมาย แล้วยึดเอาสิทธิมนุษยชนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บุคคลไม่สามารถใช้สิทธิได้ภายในประเทศตนเอง เพราะการคุกคามเกิดจากกฎหมายและภาครัฐ จึงจำต้องไปใช้สิทธิที่ประเทศอื่น ซึ่งให้สัตยาบัน เอาไว้แก่ UN ซึ่งเป็นผู้กำหนด Human right ขึ้นมา
เพราะหากหลบไปประเทศที่ไม่มีการลงสัตยาบัน ก็อาจจะไม่ได้รับการปกป้อง ก็เท่านั้นเอง จบ
ความคิดเห็นที่ 27
การหนีคือสัญชาตญาณมากกว่าค่ะ
เป็นพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์
ติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่มีใครสั่งสอน มีความรู้สึกที่จะป้องกันตัวเอง มีความรู้สึกรักตัว กลัวตาย เมื่อเกิดมีภัยอันตรายก็จะหนี
เช่น ถูกกาสรไล่ขวิดก็จะวิ่งหนี
หิวก็หาอาหารกิน ถูดตัดสินจำคุกก็ไม่อยากถูกขังต้องหาวิธีหนี
การหนี เป็นสัญชาตญาณ ไม่ใช่สิทธิเลยค่ะ
~มาลาริน~
เป็นพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์
ติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่มีใครสั่งสอน มีความรู้สึกที่จะป้องกันตัวเอง มีความรู้สึกรักตัว กลัวตาย เมื่อเกิดมีภัยอันตรายก็จะหนี
เช่น ถูกกาสรไล่ขวิดก็จะวิ่งหนี
หิวก็หาอาหารกิน ถูดตัดสินจำคุกก็ไม่อยากถูกขังต้องหาวิธีหนี
การหนี เป็นสัญชาตญาณ ไม่ใช่สิทธิเลยค่ะ
~มาลาริน~
แสดงความคิดเห็น
@@@@ สงสัย สิทธิ์หนีคดี เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเหรอ??? @@@
สิทธิ์หนีคดี คือ สิทธิธรรมชาติ เลยเอาความรู้เรื่องสิทธิ์มาฝาก
1.2 สิทธิธรรมชาติ (Natural Rights) : สิทธิที่ติดตัวมาแต่
กําเนิด คือ มีสิทธิในชีวิต สิทธิในทรัพย์สิน ไม่สามารถยกเลิก
หรือสูญหายไปได้โดยวิธีใด ๆ ก็ตาม
http://www.sw2.ac.th/images/user/root/soc31101/6soc.pdf