"ออมเงิน" ทำไมถึงดูเป็นเรื่องยากเหลือเกินหลายๆคนต้องเคยรู้สึกแน่ๆ เพราะตอนนี้แค่ใช้เงินเดือนชนเดือนก็เหนื่อยแล้ว บางเดือนดูเหมือนจะไม่ชนเดือนซะด้วยซ้ำไป บอกได้เลยว่าผมก็เคยรู้สึกและกว่าจะบังคับขืนใจตัวเองให้เริ่มออมเงินเป็นกับเค้าบ้าง ก็ใช้เวลาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ขอมาแชร์เทคนิคกันสักเล็กน้อย ใครเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยตรงไหนมาแชร์กันได้เลยนะ
1. กำหนดเป้าหมายการ "ออมเงิน" ให้ชัด
ลองมาสำรวจตัวเองกันว่าทำไมเมื่อก่อนที่เราไม่มีเงินออมเนี้ยเกิดจากอะไร ? ส่วนตัวผมเองค้นพบว่าเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะเก็บเงินไปทำไม เวลาที่คนเราไม่มีเป้าหมาย ชีวิตล่องลอยไปเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราจะงงและหลงทางไปเรื่อยๆ ลองนึกถึงเวลาที่เปิดประตูก้าวออกจากบ้าน แต่เราไม่รู้ว่าเราจะไปไหน เราก็จะเดินทางมั่วไปหมด แล้วก็จะไม่ถึงเป้าหมายซะที เรื่องการออมเงินก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่รู้ว่าเราออมเงินไปเพื่ออะไร เราจะไม่อยากออมเงิน แต่อยากใช้เงินมากกว่าเพราะเรารู้ว่าเราอยากได้อะไร
ดังนั้นเราควรกำหนดเป้าหมายในการออมเงินให้ชัดก่อนเสมอ เอาให้ตัวเราเองรู้ว่าเราออมเงินไปเพื่ออะไร เพื่อใคร และจะออมไปทำอะไร ผมเชื่อว่าเราก็จะมีกำลังใจและความตั้งใจที่จะออมเงินมากขึ้น
2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
ช่วงแรกที่ผมเริ่มออมเงิน ก็อ่านหนังสือพวกการเงินเยอะพอสมควร วิธีหนึ่งที่หนังสือหลายๆเล่มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษบอก ก็คือ ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ก็เลยลองทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายดู สิ่งที่ค้นพบพอถึงสิ้นเดือนนั่นก็คือ จอรายจ่ายที่สิ้นเปลืองเยอะมาก ! ก็เลยมานั่งคิดเอาเองว่า เฮ้ยเรากินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมค่าใช้จ่ายเรื่องเที่ยวมันเยอะแบบนี้ พอรู้ตัวก็เลยรู้ว่าเราควรประหยัดตรงไหน บริหารรายจ่ายยังไงให้เหลือเงินเก็บ
3. หักออมอัตโนมัติ
วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ดี เพราะช่วงแรกๆที่เริ่มออมเงิน การใช้วิธีหักออมก่อนใช้เสมอ หรือเรียกว่าใช้ สมการเงินที่ถูกต้อง คือ รายได้ - เงินออม เท่ากับ ค่าใช้จ่าย เพราะเมื่อก่อนลองใช้สมการเงินแบบผิดๆมาโดยตลอด คือ รายได้ - ค่าใช้จ่าย เท่ากับ เงินออม
ส่วนตัวตอนนั้นก็ยังไม่ได้รู้เรื่องลงทุนอะไรมาก ก็เลยไปถามรุ่นพี่ที่เค้าเล่นหุ้นอยู่เค้าบอกว่าให้เริ่มต้นที่หักออมอัตโนมัติกับกองทุนรวมตลาดเงินไปเลย แต่ผมว่าใช้หักออมอัตโนมัติกับเงินฝากประจำก็เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมาก ผลตอบแทนไม่ต่างกันเท่าไหร่ แค่ต่างกันเรื่องสภาพคล่องเล็กน้อยเท่านั้น
พอ 1 ปีผ่านไป ก็เห็นการออมเงินที่เราเก็บมาตลอด เห็นเงินเป็นก้อนเลย ก็ได้แต่คิดว่าคนที่ไม่เคยมีเงินเก็บแบบเราก็สามารถทำได้เหมือนกันนี่หน่า ! ถ้าให้แนะนำลองเริ่มที่ 10% ของรายได้ไปก่อนก็ได้ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าสามารถเก็บได้มากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว
4. เจอแบงค์ 50 เก็บสิรออะไร !
วิธีนี้ง่ายมาก คือ เวลาที่เราจ่ายแบงค์ 100-500 บาท หรือว่าแบงค์ 1,000 บาทออกไป เวลาได้รับเงินทอนมาแล้วมีแบงค์ 50 บาท ก็ให้เอาไปหยอดกระปุก
ลองเดือนนึงก็ได้เป็นพันอยู่นะ เวลาแม่ค้าถอนแบงค์ 50 บาท ก็ดีใจถือว่าได้ออมเงินเพิ่มเติมไปเลย
5. กินเท่าไหร่ ออมเพิ่มเท่านั้น
ผมเชื่อว่ารายจ่ายมากที่สุดน่าจะเป็นรายการเรื่องค่ากินเนี้ยแหละ โดยเฉพาะช่วงเงินเดือนออก เดี๋ยวก็เนื้อย่าง เดี๋ยวก็ชาบู กินกันกระหน่ำมากๆ ตอนที่อยากเริ่มเก็บเงิน ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ถ้ากินชาบู 500 บาท เราต้องออมเพิ่มอีก 500 บาทเสมอ !! วิธีนี้ดีมาก กินน้อยลงมีเงินเหลือ แถมได้ลดน้ำหนักไปในตัว
ลองเอาเทคนิคแนวๆนี้ไปใช้กันดูนะ ลองใช้เทคนิคพวกนี้แล้วเห็นผลดีเหมือนกัน เหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่บอกได้เลยว่าเห็นง่ายๆเนี้ยแหละ ตอนช่วงแรกก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน อยากให้ลองใช้กันดูจริงๆ ได้ผลลัพธ์กันยังไงอย่าลืมมาบอกมาแชร์กันด้วย เผื่อคนอื่นๆจะได้เลียนแบบและมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้น เพราะผมอยากเห็นคนไทยทุกคนมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นนั่นเอง
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่
https://goo.gl/pdYzup
ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
Website
http://www.moneybuffalo.in.th หรือ
FB Page :
fb.com/moneybuffalo
LINE :
https://goo.gl/GAQxF8
5 เทคนิคการ "ออมเงิน" สร้างเงินล้าน
"ออมเงิน" ทำไมถึงดูเป็นเรื่องยากเหลือเกินหลายๆคนต้องเคยรู้สึกแน่ๆ เพราะตอนนี้แค่ใช้เงินเดือนชนเดือนก็เหนื่อยแล้ว บางเดือนดูเหมือนจะไม่ชนเดือนซะด้วยซ้ำไป บอกได้เลยว่าผมก็เคยรู้สึกและกว่าจะบังคับขืนใจตัวเองให้เริ่มออมเงินเป็นกับเค้าบ้าง ก็ใช้เวลาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ขอมาแชร์เทคนิคกันสักเล็กน้อย ใครเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยตรงไหนมาแชร์กันได้เลยนะ
1. กำหนดเป้าหมายการ "ออมเงิน" ให้ชัด
ลองมาสำรวจตัวเองกันว่าทำไมเมื่อก่อนที่เราไม่มีเงินออมเนี้ยเกิดจากอะไร ? ส่วนตัวผมเองค้นพบว่าเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะเก็บเงินไปทำไม เวลาที่คนเราไม่มีเป้าหมาย ชีวิตล่องลอยไปเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราจะงงและหลงทางไปเรื่อยๆ ลองนึกถึงเวลาที่เปิดประตูก้าวออกจากบ้าน แต่เราไม่รู้ว่าเราจะไปไหน เราก็จะเดินทางมั่วไปหมด แล้วก็จะไม่ถึงเป้าหมายซะที เรื่องการออมเงินก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่รู้ว่าเราออมเงินไปเพื่ออะไร เราจะไม่อยากออมเงิน แต่อยากใช้เงินมากกว่าเพราะเรารู้ว่าเราอยากได้อะไร
ดังนั้นเราควรกำหนดเป้าหมายในการออมเงินให้ชัดก่อนเสมอ เอาให้ตัวเราเองรู้ว่าเราออมเงินไปเพื่ออะไร เพื่อใคร และจะออมไปทำอะไร ผมเชื่อว่าเราก็จะมีกำลังใจและความตั้งใจที่จะออมเงินมากขึ้น
2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
ช่วงแรกที่ผมเริ่มออมเงิน ก็อ่านหนังสือพวกการเงินเยอะพอสมควร วิธีหนึ่งที่หนังสือหลายๆเล่มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษบอก ก็คือ ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ก็เลยลองทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายดู สิ่งที่ค้นพบพอถึงสิ้นเดือนนั่นก็คือ จอรายจ่ายที่สิ้นเปลืองเยอะมาก ! ก็เลยมานั่งคิดเอาเองว่า เฮ้ยเรากินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมค่าใช้จ่ายเรื่องเที่ยวมันเยอะแบบนี้ พอรู้ตัวก็เลยรู้ว่าเราควรประหยัดตรงไหน บริหารรายจ่ายยังไงให้เหลือเงินเก็บ
3. หักออมอัตโนมัติ
วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ดี เพราะช่วงแรกๆที่เริ่มออมเงิน การใช้วิธีหักออมก่อนใช้เสมอ หรือเรียกว่าใช้ สมการเงินที่ถูกต้อง คือ รายได้ - เงินออม เท่ากับ ค่าใช้จ่าย เพราะเมื่อก่อนลองใช้สมการเงินแบบผิดๆมาโดยตลอด คือ รายได้ - ค่าใช้จ่าย เท่ากับ เงินออม
ส่วนตัวตอนนั้นก็ยังไม่ได้รู้เรื่องลงทุนอะไรมาก ก็เลยไปถามรุ่นพี่ที่เค้าเล่นหุ้นอยู่เค้าบอกว่าให้เริ่มต้นที่หักออมอัตโนมัติกับกองทุนรวมตลาดเงินไปเลย แต่ผมว่าใช้หักออมอัตโนมัติกับเงินฝากประจำก็เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมาก ผลตอบแทนไม่ต่างกันเท่าไหร่ แค่ต่างกันเรื่องสภาพคล่องเล็กน้อยเท่านั้น
พอ 1 ปีผ่านไป ก็เห็นการออมเงินที่เราเก็บมาตลอด เห็นเงินเป็นก้อนเลย ก็ได้แต่คิดว่าคนที่ไม่เคยมีเงินเก็บแบบเราก็สามารถทำได้เหมือนกันนี่หน่า ! ถ้าให้แนะนำลองเริ่มที่ 10% ของรายได้ไปก่อนก็ได้ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าสามารถเก็บได้มากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว
4. เจอแบงค์ 50 เก็บสิรออะไร !
วิธีนี้ง่ายมาก คือ เวลาที่เราจ่ายแบงค์ 100-500 บาท หรือว่าแบงค์ 1,000 บาทออกไป เวลาได้รับเงินทอนมาแล้วมีแบงค์ 50 บาท ก็ให้เอาไปหยอดกระปุก
ลองเดือนนึงก็ได้เป็นพันอยู่นะ เวลาแม่ค้าถอนแบงค์ 50 บาท ก็ดีใจถือว่าได้ออมเงินเพิ่มเติมไปเลย
5. กินเท่าไหร่ ออมเพิ่มเท่านั้น
ผมเชื่อว่ารายจ่ายมากที่สุดน่าจะเป็นรายการเรื่องค่ากินเนี้ยแหละ โดยเฉพาะช่วงเงินเดือนออก เดี๋ยวก็เนื้อย่าง เดี๋ยวก็ชาบู กินกันกระหน่ำมากๆ ตอนที่อยากเริ่มเก็บเงิน ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ถ้ากินชาบู 500 บาท เราต้องออมเพิ่มอีก 500 บาทเสมอ !! วิธีนี้ดีมาก กินน้อยลงมีเงินเหลือ แถมได้ลดน้ำหนักไปในตัว
ลองเอาเทคนิคแนวๆนี้ไปใช้กันดูนะ ลองใช้เทคนิคพวกนี้แล้วเห็นผลดีเหมือนกัน เหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่บอกได้เลยว่าเห็นง่ายๆเนี้ยแหละ ตอนช่วงแรกก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน อยากให้ลองใช้กันดูจริงๆ ได้ผลลัพธ์กันยังไงอย่าลืมมาบอกมาแชร์กันด้วย เผื่อคนอื่นๆจะได้เลียนแบบและมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้น เพราะผมอยากเห็นคนไทยทุกคนมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นนั่นเอง
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://goo.gl/pdYzup
ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
Website http://www.moneybuffalo.in.th หรือ
FB Page : fb.com/moneybuffalo
LINE : https://goo.gl/GAQxF8