จำได้ตอนนั้น อาตมาพักอยู่กับหลวงพ่อจันทร์ อาตมาพยายามถือมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดมาก ที่วัดแห่งนี้ (วัดบึงเขาหลวง) ถึงจะมีกับข้าวเป็นบางชนิดที่ไม่ได้ใส่น้ำปลา หรือไม่มีเนื้อหรือปลาอะไรเลยก็จริง
แต่เราทุกคนที่นี่คงทราบดีกันแล้ว ที่เมืองไทยอาหารแทบทุกอย่าง จะใส่น้ำปลา หรือมีเนื้อสัตว์บางชนิดเป็นส่วนประกอบ
ดังนั้นก็เลยเป็นเรื่องยากเพราะอาตมามีทางเลือกน้อยมาก แต่ญาติโยมก็ช่วยกันจัดของดีเป็นพิเศษถวายอาตมาเสมอ
อาตมาต้องเป็นคนพิเศษเสมอ ต้องเป็นอาหารสำหรับพระสุเมโธ พระรูปอื่นๆ ค่อยว่าทีหลัง
การเป็นชาวต่างชาติ เป็นพระฝรั่ง เลยเป็นภาระยุ่งยากขึ้นมา ไหนจะต้องมีอาหารที่จัดเฉพาะ ต้องมีอภิสิทธิ์พิเศษ เรื่องนี้ยังทำให้อาตมาปรับตัวเข้ากับหมู่คณะได้ยากอีกด้วย
ในขณะที่อาตมาช่วยตักแบ่งอาหาร อาตมาจะรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อาหารมังสวิรัติที่มีอยู่
อาตมาก็รู้สึกว่า ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะเอามากๆ เพราะถือว่าพระรูปอื่นฉันเนื้อปลา เนื้อไก่ และอย่างอื่นก็ได้
อาตมาจึงเล็งแต่อาหารมังสวิรัติก่อนอื่น เพื่อว่าจะได้ตักแบ่งเอาตามที่อาตมาต้องการ อาตมาจึงบ่มเพาะนิสัยแบบเด็กๆ ขึ้นมาในตัวเอง
ต่อมาวันหนึ่ง พระรูปหนึ่งเห็นอาตมาทำแบบนี้ ท่านจึงตักเอาอาหารมังสวิรัติก่อน และเหลือไว้ให้อาตมาไม่กี่ช้อน พอเห็นอย่างนั้น อาตมาโกรธมาก จึงเตรียมปลาร้าซึ่งเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรงมากเอาไว้ พอเดินผ่านบาตรท่าน อาตมาก็ราดปลาร้าเสียทั่วอาหารของท่าน
โชคดีที่มีวินัยห้ามไม่ให้พระต่อยตีกัน คงเพราะอย่างนี้เอง สำหรับพวกผู้ชายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมีกฎห้ามใช้ความรุนแรงทางกาย
อาตมาพยายามถือมังสวิรัติให้บริสุทธิ์ แต่ถึงอย่างนั้น ในระหว่างนั้น ก็ยังมีความรู้สึกประเภทก้าวร้าว รุนแรงพวกนี้ต่อพระรูปอื่น แบบไหนนะหรือ ก็ทั้งการแสดงอาการเกรี้ยวกราด ด้วยการราดน้ำพริกผสมปลาร้าลงบนอาหารของเพื่อนพระ ทั้งอาการที่ดุดันเพียงเพื่อจะให้ตัวเองรักษาความรู้สึกว่าถือมังสวิรัติได้บริสุทธิ์
ดังนั้น อาตมาเลยมาตั้งคำถามว่า อาตมาจะยอมให้อาหารมาเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตขนาดนั้นเลยหรือ
อาตมาใช้ชีวิตเพื่อเป็นนักมังสวิรัติ หรือเพื่ออะไรกันแน่ การฉันมังสวิรัติเป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่อาตมาต้องตั้งเป็นเป้าหมายอย่างนั้นหรือ
พอพิจารณาได้อย่างนี้ อาตมาก็มองเห็นความทุกข์ที่อาตมาสร้างขึ้นมา จากการถืออุดมคตินิยมจัดของอาตมา
อาตมาสังเกตว่า หลวงพ่อชาท่านก็ฉันอาหารอย่างเอร็ดอร่อยมาก และท่านก็มีอาการท่าทางที่ร่าเริงเบิกบาน ไม่ได้เหมือนการถือพรตแบบฤษีที่ต้องกินแค่ต้มซุปเนททัล (ผักป่าประเภทวัชพืชชนิดหนึ่งในประเทศอังกฤษ นำมาต้มแล้วรับประทานได้ มีธาตุสารอาหารสูง) และไม่ยอมรับประทานอาหารดีๆ ซึ่งก็จัดว่าเป็นความสุดโต่งอีกแบบหนึ่ง
***********
เรียบเรียงจาก อยู่อย่างรู้ พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ)หน้าที่ ๔๖-๔๗
ภาพท่านสุเมโธ โดยคุณ Oradol Kaewprasert
https://www.facebook.com/182989118504002/photos/a.182994541836793.46489.182989118504002/1014152968720942/?type=3&theater
ความทุกข์ที่อาตมาสร้างขึ้นมา
แต่เราทุกคนที่นี่คงทราบดีกันแล้ว ที่เมืองไทยอาหารแทบทุกอย่าง จะใส่น้ำปลา หรือมีเนื้อสัตว์บางชนิดเป็นส่วนประกอบ
ดังนั้นก็เลยเป็นเรื่องยากเพราะอาตมามีทางเลือกน้อยมาก แต่ญาติโยมก็ช่วยกันจัดของดีเป็นพิเศษถวายอาตมาเสมอ
อาตมาต้องเป็นคนพิเศษเสมอ ต้องเป็นอาหารสำหรับพระสุเมโธ พระรูปอื่นๆ ค่อยว่าทีหลัง
การเป็นชาวต่างชาติ เป็นพระฝรั่ง เลยเป็นภาระยุ่งยากขึ้นมา ไหนจะต้องมีอาหารที่จัดเฉพาะ ต้องมีอภิสิทธิ์พิเศษ เรื่องนี้ยังทำให้อาตมาปรับตัวเข้ากับหมู่คณะได้ยากอีกด้วย
ในขณะที่อาตมาช่วยตักแบ่งอาหาร อาตมาจะรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อาหารมังสวิรัติที่มีอยู่
อาตมาก็รู้สึกว่า ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะเอามากๆ เพราะถือว่าพระรูปอื่นฉันเนื้อปลา เนื้อไก่ และอย่างอื่นก็ได้
อาตมาจึงเล็งแต่อาหารมังสวิรัติก่อนอื่น เพื่อว่าจะได้ตักแบ่งเอาตามที่อาตมาต้องการ อาตมาจึงบ่มเพาะนิสัยแบบเด็กๆ ขึ้นมาในตัวเอง
ต่อมาวันหนึ่ง พระรูปหนึ่งเห็นอาตมาทำแบบนี้ ท่านจึงตักเอาอาหารมังสวิรัติก่อน และเหลือไว้ให้อาตมาไม่กี่ช้อน พอเห็นอย่างนั้น อาตมาโกรธมาก จึงเตรียมปลาร้าซึ่งเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรงมากเอาไว้ พอเดินผ่านบาตรท่าน อาตมาก็ราดปลาร้าเสียทั่วอาหารของท่าน
โชคดีที่มีวินัยห้ามไม่ให้พระต่อยตีกัน คงเพราะอย่างนี้เอง สำหรับพวกผู้ชายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมีกฎห้ามใช้ความรุนแรงทางกาย
อาตมาพยายามถือมังสวิรัติให้บริสุทธิ์ แต่ถึงอย่างนั้น ในระหว่างนั้น ก็ยังมีความรู้สึกประเภทก้าวร้าว รุนแรงพวกนี้ต่อพระรูปอื่น แบบไหนนะหรือ ก็ทั้งการแสดงอาการเกรี้ยวกราด ด้วยการราดน้ำพริกผสมปลาร้าลงบนอาหารของเพื่อนพระ ทั้งอาการที่ดุดันเพียงเพื่อจะให้ตัวเองรักษาความรู้สึกว่าถือมังสวิรัติได้บริสุทธิ์
ดังนั้น อาตมาเลยมาตั้งคำถามว่า อาตมาจะยอมให้อาหารมาเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตขนาดนั้นเลยหรือ
อาตมาใช้ชีวิตเพื่อเป็นนักมังสวิรัติ หรือเพื่ออะไรกันแน่ การฉันมังสวิรัติเป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่อาตมาต้องตั้งเป็นเป้าหมายอย่างนั้นหรือ
พอพิจารณาได้อย่างนี้ อาตมาก็มองเห็นความทุกข์ที่อาตมาสร้างขึ้นมา จากการถืออุดมคตินิยมจัดของอาตมา
อาตมาสังเกตว่า หลวงพ่อชาท่านก็ฉันอาหารอย่างเอร็ดอร่อยมาก และท่านก็มีอาการท่าทางที่ร่าเริงเบิกบาน ไม่ได้เหมือนการถือพรตแบบฤษีที่ต้องกินแค่ต้มซุปเนททัล (ผักป่าประเภทวัชพืชชนิดหนึ่งในประเทศอังกฤษ นำมาต้มแล้วรับประทานได้ มีธาตุสารอาหารสูง) และไม่ยอมรับประทานอาหารดีๆ ซึ่งก็จัดว่าเป็นความสุดโต่งอีกแบบหนึ่ง
***********
เรียบเรียงจาก อยู่อย่างรู้ พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ)หน้าที่ ๔๖-๔๗
ภาพท่านสุเมโธ โดยคุณ Oradol Kaewprasert
https://www.facebook.com/182989118504002/photos/a.182994541836793.46489.182989118504002/1014152968720942/?type=3&theater