เรื่องราวของ earth
หุ้นตก งบ q1 ขาดทุนนิดหน่อย เจ้าของออกมาแถลงยอมรับ ว่าส่วนตัวถูก forced sell
Q1 จริงๆ operation กำไร แต่ขาดทุนค่าเงิน
ต่อมาในงานแถลง เจ้าของออกมาบอกว่าธุรกิจยังดีอยู่ แล้วจะเอาบริษัทลูกไป listed ที่ hongkong
ต่อมา แจ้งตลาดว่าจ่าย be และหนี้อื่นๆไม่ได้
หุ้นติด sp
Ktb ตั้งสำรองเต็มจำนวน คุณผยง ศรีวณิช md กรุงไทย บอกว่า พร้อมช่วย refinance ธุรกิจ earth ยังดีอยู่ขอแค่ให้ชี้แจงเรื่อง advanc payment
สุดท้าย earth ชิงเข้าแผยฟื้นฟู ขอตัวเองเป็นผู้บริหารแผน บอกว่าหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
ขอขยายความเรื่องหนี้สินมากว่าทรัพย์สิน
ขอขยายความเรื่องหนี้สินมากว่าทรัพย์สิน
*สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ซึ่งเชื่อว่า pwc ไม่น่าจะตรวจผิด เป็นไปได้ว่าเจ้าของจะไซฟ่อน อาจจะตั้งตัวเองเป็น supplier แล้วฟ้อง earth เพื่อให้ตัวเองเป็น 1 ในเจ้าหนี้
เป็นไปได้ 2 อย่างคือ ตั้งด้อยค่าทรัพย์สิน
ถ้าด้อยค่าลูกหนี้การค้า เงินมัดจำสินค้าล่วงหน้า เหมือง. Pwc มีปัญหาแน่ แสดงว่างบปลอม
ถ้าเข้าศาลฟื้นฟู และ earth ได้เป็นผู้บริหารแผน
ไม่ว่ากรณีไหน ทั้ง pwc และเจ้าของต้องรับผิดชอบ
หรือ หนี้สินปูดขึ้นมา ซึ่งภายใน 3 เดือน งบเปลี่ยนแปลงระดับหมื่นล้านได้อย่างไร
ส่วนทุนกว่าหมื่นล้าน กลายเป็นติดลบภายใน 3 เดือน
เจ้าหนี้ตั๋ว be หุ้นกู้ น่าจะแทบไม่ได้คืน
ทุนจดทะเบียนจะลด 10 เท่าจาก par 1 เป็น par 0.10
ส่วนเจ้าของก็จะหา nominee มา pp หุ้นไปในราคาถูก
Ktb จะโดน haircut หนี้บางส่วน และแปลงหนี้เป็นหุ้น
ซึ่งเค้ามีสิทธิทำ เพราะเค้าเป็นผู้บริหารแผน
นักลงทุนรายย่อยจะแทบไม่เหลืออะไรเลย
ส่วนเจ้าของไหนๆก็เสียเครดิตที่ไม่จ่าย be ไปแล้ว
ได้ทั้ง haircut ได้ทั้งการพักจ่ายดอก แถมได้บริษัทคืนในราคาแค่ 5-10% ของมูลค่าที่ควรจะเป็น
ก็เลยเล่นเกมส์ล้มกระดาน
อันนี้ผมเดานะ กลุ่มเจ้าของเป็นคนเก่งทำธุรกิจประสบความสำเร็จ
*ที่มาที่ไปของเรื่องนี้
เห็นช่องว่า earth มี future
เลยแปลงหุ้นเป็น future ได้เงินออกมา แล้วเอาไปลงธุรกิจ อย่างอื่น เช่น หนัง online โรงพยาบาล
เสร็จแล้วคุมหุ้นตัวเองไม่อยู่ เนื่องจากตอนซื้อเหมืองที่อินโด ซื้อเป็นหุ้น พออินโดขายหุ้นออกมา ไม่มีเงินรับหุ้น หุ้นก็ลง
ทั้งๆธุรกิจยังดีอยู่ เจ้าของอยากได้หุ้นคืน จะทำ ro ก็ไม่มีตัง ทำ pp ราคาต่ำ ก็ผิดกฎ กลต ก็เลยล้มกระดานมันซะเลย เข้าแผนฟื้นฟู แล้วเอาเรื่องไม่มีความสามารถในการจ่ายหนี้มาเป็นข้ออ้าง
ก็เลยต้องขาย พอยิ่งขาย ก็ยิ่งลง เบ็ดเสร็จ กลุ่ม คำดี กับ พิหเคนทร์ เสียหุ้นไป 450 ล้านหุ้น
สรุปคือ personal investment เค้าผิดพลาด แต่ตัว earth as a firm ไม่ได้ผิด
พอลงก็โดน call และ force
ราคาถ่านก็ยังดีอยู่
ส่วนที่กระแสเงินสดติดลบ ก็เป็นธรรมดาของธุรกิจนี้ เพราะซื้อสดขายเชื่อ ยอดขายโต cash flow ก็ติดลบเยอะไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่เหมือน cpall ที่ซื้อเชื่อขายสด ยิ่งขายเยอะ เงินจะยิ่งท่วม
*สิ่งที่อยากให้ตลาดและกลต ช่วย
1 อยากให้คัดค้าน earth เข้าแผนฟื้นฟู
เพราะถ้า earth เข้าได้ ความน่าเชื่อถือของงบการเงิน ความน่าเชื่อถือของตลาดหลักทรัพย์ ความน่าเชื่อถือของ pwc ความน่าเชื่อถือของ ktb kbank bay จะหมดทันที เพราะส่วนทุนกว่าหมื่นล้าน กลับมาติดลบภายในระยะเวลา 2-3 เดือนได้อย่างไร
กรณี earth มีแบงค์ปล่อยกู้ บริษัทมีกำไร มีปันผลทุกปี ภายในระยะเวลา 3 เดือน เข้า rehab มันต้องมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นแน่ๆ
ถ้านักลงทุน ลงทุน หุ้น แมงป่อง หรือ ssi แล้วเข้า rehab น่าจะทำใจได้ เพราะธุรกิจขาดทุนมาอย่างยาวนาน ถึงเข้า
ถ้าดู iec ifec คนที่เจ็บตัวคือรายย่อย เพราะไม่มี bank ไหน ปล่อยกู้ iec ifec โตมาจากการเพิ่มทุนกะออก w ในขณะที่ earth มีแบงค์ support แสดงว่า earth ธุรกิจต้องดีระดับนึง
2. ถ้าเข้าฟื้นฟูได้จริง อยากให้คนทำผิดโดนลงโทษ เรื่องทำงบปลอม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม พิหเคนทร์ คำดี หรือ pwc นี่คือการปล้นที่หน้าด้านครั้งยิ่งใหญ่ของคนใส่สูท
*สรุป ขอให้ตลาดและ กลต ช่วยชีวิตนักลงทุนให้พ้นจากเหว อย่าให้ผู้บริหารเลือกทางเดินที่เห็นแก่ตัว และโกงนักลงทุนด้วยครับ
ควรมีมาตราการลงโทษขั้นรุนแรง เพราะเคสนี้ แย่กว่า polar หรือ ifec อีก เพราะไม่ใช่แค่นักลงทุนที่เสียหาย มีผู้ถือตราสารหนี้ ธนาคารโดยเฉพาะ ktb รวมถึงกระทรวงการคลัง เพราะการตั้งสำรองจะทำให้จ่ายปันผลให้น้อยลง รัฐเสียโอกาสที่จะนำเงินมาพัฒนาประเทศ รวมถึงชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย เพราะ Earth มี dual listed ที่ตลาดหุ้นเยอรมัน ทำให้คนต่างชาติ มองคนไทยขี้โกง
ตลาดและ กลต ไม่ควรปล่อยให้คนผิดลอยนวล กะอีแค่อยากได้หุ้นตัวเองคืนราคาถูกลง กินรวบ และถ้า earth ทำได้อีกหน่อยจะมีบริษัทอื่นใช่วิธีนี้เอาเปรียบนักลงทุนอีก ความน่าเชื่อถือตลาดทุนน้อยลง ทำให้ศักยภาพในการระดมทุนของประเทศน้อยลง เพราะความเห็นแก่ตัวของคนกลุ่มเดียว
*ทางออกที่จะสวยที่สุด
1.ควรกลับไปคุยกะ ktb ตอบปัญหาเรื่องเงินจ่ายล่วงหน้าให้ได้ เพื่อที่จะ refinance
2. ถ้า refinance ไม่ได้จริงๆ ก็หาเงินบางส่วนไปจ่ายดอกแบงค์ ด้วยการทำ ro และ pp แถม warrant แค่นี้ bank ก็น่าจะให้ refinance แล้วรอดละ
ผู้ถือหุ้น Earth ถูกปล้นเงิน
หุ้นตก งบ q1 ขาดทุนนิดหน่อย เจ้าของออกมาแถลงยอมรับ ว่าส่วนตัวถูก forced sell
Q1 จริงๆ operation กำไร แต่ขาดทุนค่าเงิน
ต่อมาในงานแถลง เจ้าของออกมาบอกว่าธุรกิจยังดีอยู่ แล้วจะเอาบริษัทลูกไป listed ที่ hongkong
ต่อมา แจ้งตลาดว่าจ่าย be และหนี้อื่นๆไม่ได้
หุ้นติด sp
Ktb ตั้งสำรองเต็มจำนวน คุณผยง ศรีวณิช md กรุงไทย บอกว่า พร้อมช่วย refinance ธุรกิจ earth ยังดีอยู่ขอแค่ให้ชี้แจงเรื่อง advanc payment
สุดท้าย earth ชิงเข้าแผยฟื้นฟู ขอตัวเองเป็นผู้บริหารแผน บอกว่าหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
ขอขยายความเรื่องหนี้สินมากว่าทรัพย์สิน
ขอขยายความเรื่องหนี้สินมากว่าทรัพย์สิน
*สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ซึ่งเชื่อว่า pwc ไม่น่าจะตรวจผิด เป็นไปได้ว่าเจ้าของจะไซฟ่อน อาจจะตั้งตัวเองเป็น supplier แล้วฟ้อง earth เพื่อให้ตัวเองเป็น 1 ในเจ้าหนี้
เป็นไปได้ 2 อย่างคือ ตั้งด้อยค่าทรัพย์สิน
ถ้าด้อยค่าลูกหนี้การค้า เงินมัดจำสินค้าล่วงหน้า เหมือง. Pwc มีปัญหาแน่ แสดงว่างบปลอม
ถ้าเข้าศาลฟื้นฟู และ earth ได้เป็นผู้บริหารแผน
ไม่ว่ากรณีไหน ทั้ง pwc และเจ้าของต้องรับผิดชอบ
หรือ หนี้สินปูดขึ้นมา ซึ่งภายใน 3 เดือน งบเปลี่ยนแปลงระดับหมื่นล้านได้อย่างไร
ส่วนทุนกว่าหมื่นล้าน กลายเป็นติดลบภายใน 3 เดือน
เจ้าหนี้ตั๋ว be หุ้นกู้ น่าจะแทบไม่ได้คืน
ทุนจดทะเบียนจะลด 10 เท่าจาก par 1 เป็น par 0.10
ส่วนเจ้าของก็จะหา nominee มา pp หุ้นไปในราคาถูก
Ktb จะโดน haircut หนี้บางส่วน และแปลงหนี้เป็นหุ้น
ซึ่งเค้ามีสิทธิทำ เพราะเค้าเป็นผู้บริหารแผน
นักลงทุนรายย่อยจะแทบไม่เหลืออะไรเลย
ส่วนเจ้าของไหนๆก็เสียเครดิตที่ไม่จ่าย be ไปแล้ว
ได้ทั้ง haircut ได้ทั้งการพักจ่ายดอก แถมได้บริษัทคืนในราคาแค่ 5-10% ของมูลค่าที่ควรจะเป็น
ก็เลยเล่นเกมส์ล้มกระดาน
อันนี้ผมเดานะ กลุ่มเจ้าของเป็นคนเก่งทำธุรกิจประสบความสำเร็จ
*ที่มาที่ไปของเรื่องนี้
เห็นช่องว่า earth มี future
เลยแปลงหุ้นเป็น future ได้เงินออกมา แล้วเอาไปลงธุรกิจ อย่างอื่น เช่น หนัง online โรงพยาบาล
เสร็จแล้วคุมหุ้นตัวเองไม่อยู่ เนื่องจากตอนซื้อเหมืองที่อินโด ซื้อเป็นหุ้น พออินโดขายหุ้นออกมา ไม่มีเงินรับหุ้น หุ้นก็ลง
ทั้งๆธุรกิจยังดีอยู่ เจ้าของอยากได้หุ้นคืน จะทำ ro ก็ไม่มีตัง ทำ pp ราคาต่ำ ก็ผิดกฎ กลต ก็เลยล้มกระดานมันซะเลย เข้าแผนฟื้นฟู แล้วเอาเรื่องไม่มีความสามารถในการจ่ายหนี้มาเป็นข้ออ้าง
ก็เลยต้องขาย พอยิ่งขาย ก็ยิ่งลง เบ็ดเสร็จ กลุ่ม คำดี กับ พิหเคนทร์ เสียหุ้นไป 450 ล้านหุ้น
สรุปคือ personal investment เค้าผิดพลาด แต่ตัว earth as a firm ไม่ได้ผิด
พอลงก็โดน call และ force
ราคาถ่านก็ยังดีอยู่
ส่วนที่กระแสเงินสดติดลบ ก็เป็นธรรมดาของธุรกิจนี้ เพราะซื้อสดขายเชื่อ ยอดขายโต cash flow ก็ติดลบเยอะไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่เหมือน cpall ที่ซื้อเชื่อขายสด ยิ่งขายเยอะ เงินจะยิ่งท่วม
*สิ่งที่อยากให้ตลาดและกลต ช่วย
1 อยากให้คัดค้าน earth เข้าแผนฟื้นฟู
เพราะถ้า earth เข้าได้ ความน่าเชื่อถือของงบการเงิน ความน่าเชื่อถือของตลาดหลักทรัพย์ ความน่าเชื่อถือของ pwc ความน่าเชื่อถือของ ktb kbank bay จะหมดทันที เพราะส่วนทุนกว่าหมื่นล้าน กลับมาติดลบภายในระยะเวลา 2-3 เดือนได้อย่างไร
กรณี earth มีแบงค์ปล่อยกู้ บริษัทมีกำไร มีปันผลทุกปี ภายในระยะเวลา 3 เดือน เข้า rehab มันต้องมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นแน่ๆ
ถ้านักลงทุน ลงทุน หุ้น แมงป่อง หรือ ssi แล้วเข้า rehab น่าจะทำใจได้ เพราะธุรกิจขาดทุนมาอย่างยาวนาน ถึงเข้า
ถ้าดู iec ifec คนที่เจ็บตัวคือรายย่อย เพราะไม่มี bank ไหน ปล่อยกู้ iec ifec โตมาจากการเพิ่มทุนกะออก w ในขณะที่ earth มีแบงค์ support แสดงว่า earth ธุรกิจต้องดีระดับนึง
2. ถ้าเข้าฟื้นฟูได้จริง อยากให้คนทำผิดโดนลงโทษ เรื่องทำงบปลอม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม พิหเคนทร์ คำดี หรือ pwc นี่คือการปล้นที่หน้าด้านครั้งยิ่งใหญ่ของคนใส่สูท
*สรุป ขอให้ตลาดและ กลต ช่วยชีวิตนักลงทุนให้พ้นจากเหว อย่าให้ผู้บริหารเลือกทางเดินที่เห็นแก่ตัว และโกงนักลงทุนด้วยครับ
ควรมีมาตราการลงโทษขั้นรุนแรง เพราะเคสนี้ แย่กว่า polar หรือ ifec อีก เพราะไม่ใช่แค่นักลงทุนที่เสียหาย มีผู้ถือตราสารหนี้ ธนาคารโดยเฉพาะ ktb รวมถึงกระทรวงการคลัง เพราะการตั้งสำรองจะทำให้จ่ายปันผลให้น้อยลง รัฐเสียโอกาสที่จะนำเงินมาพัฒนาประเทศ รวมถึงชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย เพราะ Earth มี dual listed ที่ตลาดหุ้นเยอรมัน ทำให้คนต่างชาติ มองคนไทยขี้โกง
ตลาดและ กลต ไม่ควรปล่อยให้คนผิดลอยนวล กะอีแค่อยากได้หุ้นตัวเองคืนราคาถูกลง กินรวบ และถ้า earth ทำได้อีกหน่อยจะมีบริษัทอื่นใช่วิธีนี้เอาเปรียบนักลงทุนอีก ความน่าเชื่อถือตลาดทุนน้อยลง ทำให้ศักยภาพในการระดมทุนของประเทศน้อยลง เพราะความเห็นแก่ตัวของคนกลุ่มเดียว
*ทางออกที่จะสวยที่สุด
1.ควรกลับไปคุยกะ ktb ตอบปัญหาเรื่องเงินจ่ายล่วงหน้าให้ได้ เพื่อที่จะ refinance
2. ถ้า refinance ไม่ได้จริงๆ ก็หาเงินบางส่วนไปจ่ายดอกแบงค์ ด้วยการทำ ro และ pp แถม warrant แค่นี้ bank ก็น่าจะให้ refinance แล้วรอดละ